Sunday, May 31, 2009

บทที่ 7 " แรกสวาท...ไม่อาจลืม "


บทที่ 7 “ แรกสวาทไม่อาจลืม ”

ผมรับรู้ถึงลมหายใจของพี่ดำที่เป่ารดใบหน้า มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ...และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ........พร้อมกันนั้นพี่ดำเริ่มเข้ามากอดกระชับให้ร่างกายของเราแน่นขึ้น จนผมรู้สึกถึงท่อนลำที่แข็งแกร่งภายใต้กางเกงบอกเซอร์นั้น กำลังบดขยี้กับหน้าท้องของผมอยู่อย่างเมามัน ในขณะที่เจ้าหนูของผมก็กำลังกระเสือกกระสนอยู่ภายใต้การบดรัดของต้นขาที่แข็งแรงนั้น ........มือทั้งสองข้างของแกกำลังลูบไล้แผ่นหลังผมไปมา ทำให้ผมสยิวไม่น้อย และก็เช่นกัน ผมก็สัมผัสแผ่นหลังของแกบ้าง ผมลูบไล้ลงไปที่แก้มก้นแน่นๆของแก มันกระชับมือจริงๆ อยากสัมผัสร่องรูนั้นเหลือเกิน แต่ก็ยังไม่กล้าเลยทีเดียว.......จมูกของผมเริ่มสัมผัสกับจมูกโด่งงามได้รูปนั้น ....อา.... อา.....ผมเริ่มตัวเกร็งเหมือนถูกไฟช๊อด ...ขนในกายเริ่มพร้อมกันลุกชูชัน ..พร้อมกันนั้นริมฝีปากของพี่เขาก็เริ่มประทับ ผมรับรู้ถึงความร้อนรุ่มบนริมฝีปากคู่นั้น.......ผมกำลังจะได้ลิ้มรส....รสสวาทอันเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมแล้วล่ะหรือ........
กริ๊ง......กริ๊ง.......กริ๊ง.........(มันจะดังอะไรกันหนักกันหนาว่ะ !!!!!!!!!!!!) เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นคำรบสอง พี่ดำถึงกับหยุดชะงัก ค่อยๆ ถอนใบหน้าออกไปอย่างแผ่วเบา มีเพียงสายตาที่เชื่อมหวานคู่นั้นที่กำลังจ้องผมอยุ่ แล้วแกก็บรรจงจูบที่หน้าผากของผมด้วยฤทธิ็เสน่หา
“พี่ไปรับโทรศัพท์ก่อนน่ะ คนดี สงสัยน้าอรจะโทรมาอีก......” เสียงแกนุ่มนวลหูเหลือเกิน ผมไม่อยากให้แกจากไปอีกเลย ไม่รับโทรศัพท์ได้มั๊ยเนี่ยะ แต่แกก็ค่อยๆ เดินถอยหลังจากไป
ผมชงักงันอยู่ชั่วครุ่ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูสีขาวบริสุทธิ์ ขึ้นมาเช็ดตัวอย่างลวกๆ แล้วพันกายไว้ครึ่งท่อน จากนั้นจึงลงมือแปรงฟันอย่างหมดจด กลั้วคอด้วยน้ำยาบ้วนปากรสมิ้นท์ อย่างดี เพื่อประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่กำลังเริ่มขึ้น......
“ครับ ครับ น้าอร แกะกำลังออกมาพอดี เดี๋ยวผมให้คุยสายเลยน่ะครับ” เสียงพี่ดำพูดกับใครคนหนึ่ง พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ ให้ผมไปรับสายแทน
“สวัสดีครับ ผมแกะครับ” ผมกรอกเสียงลงไปเพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะรู้จักผมหรือเปล่า
“แกะ แกะใช่มั๊ยลูก” น้ำเสียงดูตื่นเต้นแฮะ
“จำน้าอรได้หรือเปล่าลูก น้าเป็นน้าสาวของดำไง ที่เคยอยู่ข้างๆบ้านแกะ ตอนที่แกะเด็กๆ อยู่อ่ะ” น้าอร.....อืมดูเหมือนคลับคล้ายคลับคลา เหมือนกับว่าพี่ดำจะมีน้าสาวพักอยู่ด้วยชั่วคราว...... แล้วทันใดนั้นผมก็เริ่มนึกออก น้าอร คนที่.... คนที่เขาลือว่า มีอะไรกับพ่อของผม ตอนนั้นแกเป็นอาจารย์ฝึกสอนภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนซึ่งพ่อของผมเป็นอาจารย์ใหญ่ (ปัจจุบันเปลี่ยนไปเรียกผู้อำนวยการแทน) แล้วข่าวซุบซิบระหว่างอาจารย์หนุ่มเมียเผลอจอมเจ้าชู้กับสาวเจ้าเสน่ห์ ก็หนาหูขึ้นเรื่อยๆ จนน้าอรจำต้องหนีไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ แล้วได้ข่าวว่าแต่งงานกับฝรั่งที่นั่นที่ชื่อทอมในเวลาต่อมา.......
“อ๋อ จำได้แล้วครับ มันลางเลือนมาก ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่มากครับ.....” ในระหว่างที่ผมกำลังคุยรื้อฟื้นความหลังกับน้าอร ผมก็ชำเลืองมองพี่ดำ ซึ่งตอนนี้แกนอนทอดกายเหยียดยาวบนโซฟาหนังสีดำ ซึ่งขับกับสีผิวของแก ในเวลานี้ พี่ดำดูเซ็กซี่มาก แกยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนที่พักแขน อีกข้างวางตามแนวนอนของโซฟา เผยให้เห็นท่อนลำที่ยังไม่สงบ กึ่งอ่อนกึ่งแข็ง หน้าท้องซิกแพ็คของแกก็กำลังกระเพื่อมไปมาตามแรงหายใจ แขนข้างหนึ่งยกขึ้นสอดใต้ศรีษะเพื่อใช้แทนหมอนเผยให้เห็นขนจักกะแร้ดกดำ .....ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกำลังยกขวดน้ำดื่มบริสุทธิ์ขึ้นมาดื่ม ใบหน้าแกยกแหงนขึ้นเพื่อกรอกน้ำเข้าปาก ....เซ็กซี่เป็นบ้า.....ผมคิด ท่อนลำผมก็เริ่มจะขยายตัวขึ้นมาอีกครั้ง .....
“เมื่อกี้น้าโทรมารอบหนึ่งแล้ว เห็นดำบอกว่าเจอเราโดยบังเอิญ และบอกว่าเราโตขึ้นมาก หล่อเหมือนพระเอกหนังเลยนี่..”
“โอ๊ย......พี่เขาก็ยอผมไปยังงั้นเองล่ะครับ” ผมตอบด้วยความเขิน
“น้าอรอยู่ทางโน้น ทำอะไรอยู่ครับ.....แล้ว แฟนน้า เออ..ที่ชื่อทอม เขาโอเคมั๊ยครับ?”
“ตอนนี้น้าทำฟาร์มแกะจ๊ะ ว่างๆก็มาเที่ยวกับดำเขาน่ะจ๊ะ ดำเขาเคยมาอยู่ที่นี่ โอย เขาบอกว่าชอบมากแทบไม่อยากกลับเมืองไทยเลยล่ะ ส่วนแฟนพี่ก็ดีจ๊ะ เสียอย่างเดียว ท่าจะรักแกะมากกว่าเมีย เลยไม่ยอมมีลูููก กับน้าซะที ฮึ ฮึ รู้มั๊ยจนน้าต้องรับดำมาเป็นลูกบุญธรรม.......” ตอนนี้พี่ดำเริ่มใช้มือลูบไล้เข้าไปใต้กางเกง ผมเริ่มเห็นรอยจากความชื้นเป็นวงกลมเชียว สงสัยอารมณ์คั่งค้างจากเมื้อกี้ สายตาที่ฉ่ำเยิ้มเริ่มมองมาที่ผมอีก (เอาอีกแล้วนี่ครั้งที่สามแล้วนะ จะได้มีอะไรกันซะทีมั๊ยเนี่ยะ....) ผมเริ่มฟังน้าอรพูดไม่รู้เรื่องซะแล้ว...
“ครับ อ๋อ ครับ ครับ เข้าใจครับ.....”
“แกะเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ เสียงสั่นๆ ไม่ค่อยสบายหรือจ๊ะ” พี่ดำเริ่มคลึงเคล้าท่อนลำ พร้อมกับกำรูดไปมา ภายในกางเกงสีขาวนั้น....
“ครับ ครับ เออ ครับ ครับ.....” พี่ดำครับผมจะไม่ไหวแล้วน่ะครับ อย่ายั่วผมเลย....
“แกะจะมาพักอยู่กับดำก็ได้น่ะจ๊ะ จะได้อยู่เป็นเพื่อนกัน เพราะอีกไม่นาน.......ดำ เขาก็จะ........” ผมตัดสินใจวางสาย แล้วยกหูออก (ไม่เช่นนั้น คืนนี้ เพื่อนๆ คงจะด่าแกะดำอีก เมื่อไรมันจะเอากันซะทีฟะ!!!!!)

เหมือนกามนิตหนุ่มผมปราดเข้า หาพี่ดำอย่างรวดเร็ว จนแกตั้งตัวไม่ติด ผมโถมตัวลงประกบปากจูบ สอดลิ้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมควานหาความหวานมัน ในปากแมนๆ ของแก เป็นจูบแรกที่ผมได้สัมผัสจริงๆ มันเร่าร้อน รุนแรง ผมถอนปลายลิ้นออก พี่ำดำก็กลับสอดลิ้นเข้าไปใหม่ สลับไปสลับมา จนสาแก่ใจแล้ว ผมลากปลายลิ้นไปที่คางสากๆ มันให้ความรู้สึกสยิวไม่ใช่น้อยจากนั้นผมก็ลากลิ้นเลียไปทั่วใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นแก้ม จมูกโด่งเท่ห์ คิ้วที่ดกดำได้รูป แม้กระทั่งหน้าผากหล่อๆของแก ผมบรรจงจูบเปลือกตาคู่สวยนั่น ก่ิอนจะลากมาที่ปากของแกอีกครั้งหนึ่ง ลิ้นของแกก็เริ่มทำงาน เราแลกลิ้นกันสักพักใหญ่ ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนเป็นซุกจมูกสูดดมกลิ่นกายชายที่ซอกคอ ผมไซ้ซอกคอ จนแกร้องครางออกมา
“อือ .... อา............” เสียงครวญครางของพี่ดำทำให้ผมได้ใจ ลากเลียปลายลิ้นไปที่ติ่งหู พร้อมกับดูดดุน จนแกบิดตัวเร่าๆ ผมห่อลิ้นเกร็งๆ ก่อนที่จะแหย่ลงไปในรูหูของแก แกคงเสียวถึงกับส่ายหัวไปมา ผมไม่ลืมที่จะกระทำแบบเดียวกันกับใบหูอีกข้างของแก
“โอว อา อา าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”
ผมลากจมูกปากลงมาที่แผ่นหน้าอกแน่นๆ ขนหน้าอกที่ระบายอยู่มันกระทบกับใบหน้าั ยิ่งทำให้อารมณ์กระเจิง ผมลองกัดเนื้อแน่นๆนั่น ด้วยความมันเขี้ยว จนมันเป็นรอยแดงเป็นจ้ำๆ ผมบรรจงลิ้นเลียกลบความเจ็บปวดตามรอยกัดของผม ในขณะเดียวกันมือข้างขวาของผมก็ลูบไล้จากต้นขา แล้วค่อยๆไต่ขึ้นมาเรื่อยจนสัมผัสความเป็นชายของพี่ดำ แม้เพียงภายนอกกางเกง แต่ผมก็สัมผัสถึงความแข็งแกร่งราวกับคีมเหล็ก มือผมหยุดอยู่ตรงนั้นไม่เลื่อนไปไหนอีก ผมขยำขยี้ด้วยความสะใจ
ผมซุกจมูกลงไปที่ซอกรักแร้ขนกระจุกดกดำเริ่มทิ่มจมูก แต่ผมกับยิ่งสยิวอย่างบอกไม่ถูก กลิ่นกายของพี่ดำผมบอกไม่ถูกว่า มันเป็นกลิ่นอะไร มันสาบๆ แต่มันก็เรียกกระตุกต่อมกระสันต์ของผมให้ลุกโพลงขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ผมไม่ลืมที่จะลากปลายลิ้นลงไป โอ้โห สุดยอด ให้ความรู้สึกได้ดีอีกแบบหนึ่งทีเดียว ผมซุกไซ้ไปที่กล้ามแขนเป็นมัดๆ จากนั้นผมฉกลิ้นไปที่หัวนมทั้งดูดดุนรุนแรง จนแกยกหน้าอกลอยขึ้นจากพื้นโซฟา ผมไม่ลืมที่จะทำอีกข้างหนึ่ง ผมเลื่อนตัวลากจมูกสูดดมความเป็นชายที่กล้ามเนื้อซิกแพ็ค ผมไซ้ขึ้นๆลงที่หน้าท้องของแก จนแกตัวงอ และแล้วผมก็เริ่มลากปลายลิ้นเข้ามาที่ส่วนลำลึงค์ มันกำลังโป่งพองเป็นรูปร่างยาวใหญ่ ส่วนหัวของมันหลุดพ้นขอบกางเกงออกมา จนบรรจดกับสะดือของแก ผมยังไม่อยากผลีผลาม จึงค่อยๆ บรรจงจมูกลงไปสูดดมความเป็นชายนั่น ก่อนที่จะครอบปากลงไปที่กลางลำ พร้อมกับดูดดุน จากนั้นจึงไซ้จมูกหนักๆ ลากขึ้นๆ ลง ๆ ........
“โอว วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว”
เสียงพี่ดำครางลั่น ยัง ยังไม่พอ ผมค่อยๆกัดขอบกางเกงบอกเซอร์ ก่อนจะกระชากลากลงมา ท่อนลำขนาด 8*6.5 ก็ปรากฎต่อหน้าผมชัดเจน ผมใช้ปลายลิ้นลองสัมผัสที่ส่วนปลาย ซึ่งตอนนี้มันมีน้ำเหนียวๆเอ่อล้นอยุ่ น้ำไสๆนั่นมันติดปลายลิ้นผมออกมา เมื่อผมแลบเลียแผล่บๆ รสชาดมันหอมหวานเหลือเกิน จนผมติดใจ ต้องครอบปากลงไปเพื่อบดขยี้ส่วนหัวดอกเห็ดนั่นพร้อมลิ้มลองความหอมหวานให้หมดจด ผมใช้ลิ้นเลียที่ขอบหยัก ก่อนที่จะใช้มือจับให้มันตั้งตรง แล้วตามด้วยการระรัวลิ้นที่เส้นสองสลึง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก แกะพี่เสียววววววววววววววววววววววว”
ผมได้แต่ชำเลืองมองขึ้นไป ดูเหมือนว่าใบหน้าแกจะเหยเก ร่างกายสั่นระริก แกพยายามดันท่อนลำเข้าปากผม ก่อนจะกระเด้า มันใหญ่มากจนคับปาก ผมจึงยังไม่ปล่อยให้ท่อนลำได้ล้วงล้ำ ผมลากปลายลิ้นขึ้นๆลง ที่ท่อนลำ จนพี่ดำต้องกระดกเอวขึ้น มือข้างหนึ่งของแกพยายามที่จะถอดกางเกงให้หลุด ตอนนี้ขอบกางเกงมาติดอยู่ที่ไข่ใบโต ผมกระชากกางเกงออกไปที่ปลายเท้า ก่อนที่จะหยุดมองความเป็นชายของพี่ดำ ด้วยความพึงใจ มันเป็นภาพที่ประทับใจไม่รู้ลืมจริงๆ ผมก้มลงไป ก้มลงไปสูดดมมันอย่างสุดปอด จากนั้นผมก็ใช้จมูกซุกไซ้มันด้วยความกระสันต์ ขนดกดำตรงส่วนนั้นมันทิ่มปากและจมูกของผม ทำให้ผมกระสันต์ยิ่งเข้าไปอีก ผมไซ้จมูกลงมาที่ไข่ใบโตก่อนที่จะอมเข้าไป ผมดูดมันทั้งสองข้าง จากนั้นจึงลากปลายลิ้นขึ้นไปที่โคนลำลึงค์ ลากลิ้นต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงส่วนปลาย พี่ดำยิ่งแอ่นกายขึ้นมากยิ่งขึ้น ผมได้จังหวะจึงสอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปใต้ต้นขา เพื่อช่วยกระชับ ผมเริ่มระรัวลิ้นที่รอยหยักอีกครั้ง ก่อนที่จะค่อยๆ ให้ท่อนลำที่แข็งแรงคลื่อนตัวเข้าไปในปากอย่างช้าๆ พี่ดำดูเหมือนอยากจะกระแทกเข้ามาเต็มแก่ แต่ผมใช้มืออีกข้างดันหน้าขาแกไว้เบาๆ แกจึงผ่อนคลายลง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมจัดการ ท่อนลำแกใหญ่มาก มันคับปากไปหมด ผมจึงต้องใช้เวลาเรียนรู้กับมัน เอาล่ะคราวนี้ผมเริ่มรับท่อนลำเข้ามาได้แล้ว ผมรู้สึกว่ามันกระตุก หงึกๆ อยู่ในปาก
“โอวววว แก กกกก ะ พี่ขอกระเด้าน่ะ เสียว เสียวเหลือเกิน” พี่ดำครางเสียงกระเส่า ก่อนที่ผมจะอ้าปากได้เต็มที่ แกทิ่มพรวดเข้ามาจนผมแทบอ๊วก แต่ผมก็พอทนได้ ยิ่งเห็นแกมีความสุขขนาดนั้น พี่ดำเริ่มกระแทกปากผม แรงขึ้น แรงขึ้น จนผมเจ็บปาก เจ็บคอไปหมด จนผมต้องรีบถอนปากออก เพื่อมาพักความเมื่อย พี่ดำแหงนหน้าขึ้นมามอง แต่ก็ไม่ว่าอะไร คราวนี้แกดึงตัวผมขึ้นไปกอด พร้อมกระชากผ้าขนหนูของผมกระเด็นไป ท่อนลำของเราทั้งสองจึงบดขยี้กันไปมา มันเสียวสยิวจริงๆ
พี่ดำพลิกตัวขึ้นอยู่ส่วนบนบ้างแกประกบปากผมแหย่ลิ้นเข้ามา แลกลิ้นกันสักครู่ก่อนที่แกจะเริ่มต้นไซ้ซอกคอผมบ้าง แกกระทำกับผมเหมือนที่ผมทำกับแกเมื่อครู่ มันรู้สึกเสียวเหมือนกันแฮะ ผมถึงกับดิ้นเร่าๆ พร้อมกับครางออกมาเสียงดัง
“พ พี่ ดำ ผม เสียว เสียววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว ครับ อา อา โอวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว”
เหมือนแกจะได้ใจยิิงซุกไซ้ผมหนักยิ่งขึ้น แกใช้ลิ้นไซ้ที่ซอกคอผมแทนจมูก ซึ่งผมไม่ได้ทำให้แกมา่ก่อน ไม่รู้จริงๆว่ามันจะทำให้ผมเสียวขนาดนี้ ผมลูบไล้แผ่นหลังของแกลงไปเรื่อยๆ แน่นอนท่อนลำของแกกับของผมก็กำลังเบียด บดขยี้กันอยู่อย่างเมามัน มือของผมลูบไล้ไปจนถึงแก้มก้นเนื้อแน่น ผมบีบเบาๆ มันรู้สึกว่าเนื้อแก้มก้นของแกจะกระตุกไปมาตามแรงบีบ ผมเผลอตัวลูบไล้ไปจนถึงซอกหลืบที่ผมปราถนา..........
ผมใช้นิ้วชี้ลากถูร่องหลืบนั้น มันยิ่งทำให้ไอ้หนูของผมกระตุกแทบคลั่ง ผมสัมผัสถึงขนประปรายที่ปลายขอบรูสวาท ก่อนที่จะเกร็งนิ้วแหย่เข้าไป.................

Wednesday, May 27, 2009

บทที่ 6 " ปราถนา...แอบแฝง "



บทที่ 6 ปราถนา...แอบแฝง

กริ๊ง.......กริ๊ง.........เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมและพี่ดำตื่นจากภวังค์... แทบจะพร้อมๆกัน.... พี่ดำรีบก้มตัวลงไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพันกายอย่างลวกๆ พร้อมกับทำหน้าอายๆ แล้วรีบขยับตัวไปรับโทรศัพท์
ส่วนผมหัวใจแทบหล่นลงกับพื้น ความรู้สึกผิดที่คิดไม่ดีกับพี่เขา เริ่มเข้ามาโจมตี มันน่าขายหน้ามากเลยน่ะ ไอ้แกะ...ไอ้แกะดำเอ๊ย... ไอ้พระเอกเกาหลี ที่ทุกคนให้ฉายา แล้วพวกสาวๆ ที่หลงไหลคลั่งไคล้แกล่ะ... ไหนจะแฟนสาว กรกนก...เพื่อนๆ ......พ่อ แม่ สุดท้าย... ปวดใจที่สุด เห็นจะเป็นพี่....พี่กวาง นี่เรากำลังคิดอะไรไม่ดีกับ ว่าที่สามีของพี่สาวตัวเอง และเขาก็เป็นว่าที่พี่เขยของเราด้วย ถ้าทุกคนรู้ว่าจิตใจผมกำลังออกนอกลู่นอกทาง คงไม่มีใครให้อภัยผมเป็นแน่....ผมรู้สึกปวดหัวตึบ มีอาการจุก เจ็บ หายใจขัด มันช่างน่าละอายเหลือเกิน .....หรือว่านี่มันคงเป็นแรงต่อต้าน ที่ส่งผลต่อร่างกายของผมในขณะนี้.... ผมไม่กล้าหันหน้าไปมองพี่เขาอีก รีบเดินเลี่ยงหลบตัวไปสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ...........
สายน้ำอุ่นๆจากฝักบัวคงทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น......กลิ่นแชมพูสระผม และกลิ่นสบู่อ่อนๆ ทำให้ผมคลายเครียดลงไปบ้าง ผมลูบไล้เรือนร่างของตัวเองพร้อมก้อนสบู่ ลงไปจนกระทั่งกระทบกับหัวนมที่หน้าอก ทั้งสองจุดเริ่มแข็งชูชันขึ้นมาเป็นไต ความรู้สึกเสียวกระสันต์เมื่อครู่เริ่มเข้าโจมตีอีกครั้ง ผมลูบไล้ผ่านลงไปที่ช่องท้องถึงแม้จะไม่ได้เป็นรูปร่างซิกแพ็กที่สมบูรณ์เหมือนของพี่ดำ แต่มันก็เริ่มมีรูบร่างจางๆ พร้อมที่จะชัดเจนขึ้นในอนาคต ผมสัมผัสแก่นกายของตัวเอง มันตื่นตัวขึ้นมารอท่าอยู่แล้วเพื่อต้องการปลดปล่อย อาวุธขนาดเกินมาตรฐานชายไทย ขนาด 6.5*5 คงไม่น่าจะน้อยไปสำหรับเด็กอายุ 15 อย่างผม จะเทียบอะไรได้กับ ขนาดของพี่ดำที่อายุ 18 ปีแล้ว ผมกะคร่าวๆ ด้วยสายตาคงประมาณ 8*6.5 แต่ก็นั่นแหละแกก็น่าจะเป็นหนุ่มเกือบสมบูรณ์แล้ว....
ร่างกายของผมน่าจะมีเค้าโครงเหมือนพี่ดำในอนาคต เพียงแต่ตอนนี้กล้ามเนื้อน้อยกว่า ผอมบางกว่า และผิวพรรณออกจะขาวๆเหลืองๆ ไปทางเกาหลี หรือจีน อย่างที่คนอื่นเขาให้ฉายา.. ขนาดแก่นกายคงไม่กล้าไปเทียบกับพี่เขาเพราะมันมหึมาจริงๆ ในความคิดผม ภาพที่พี่ดำยืนเปลือยกายพร้อมท่อนลำที่ชูชัน มันติดตราตรึงใจผมอย่างประหลาด มันไม่สามารถลบออกไปจากความทรงจำได้เลย... ทำไมน่ะ ทำไมผมถึงมีอาการอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้น่ะ มันเกิดอาการนี้ขึ้นมาได้ยังไงกัน..... พลันภาพเหตุการณ์ในอดีตก็กลับเข้าในภวังคฺ์อีกครั้ง....
************
คืนนั้นเด็กน้อยเล่นสนุกสนานกับพี่ดำในห้องจนเพลิดเพลิน ทำให้ลืม ลืมที่จะกลับไปนอนที่บ้าน ด้วยความอ่อนเพลีย ประกอบกับ วันนั้นอากาศค่อนข้างหนาว เด็กน้อยจึงถือโอกาสนอนซุกตัวลงข้างๆพี่ดำ เตียงนั้นมันเป็นเตียงเดี่ยว แต่มันก็น่าจะกว้างพอสำหรับเด็กตัวเล็กๆสองคน แต่ร่างกายของเด็กทั้งสองกับกอดกันกลมดิกอยู่ตรงกลางของเตียงนั่น ภาพที่เห็นเมื่อดูเผินๆ อาจจะเป็นที่น่าเอ็นดูสำหรับผู้ใหญ่บางท่าน แต่สำหรับพ่อของเด็กน้อยกับคิดไปเป็นอื่น......เด็กน้อยคล้ายกับสลึมสลือได้ยินเสียงเหมือนมีผู้ใหญ่สองสามท่านคุยกัน แว่วมาจากที่ไกลแสนไกล....
มาหลับอยู่ห้องพี่ดำอีกแล้ว ดูดู๋ กอดพี่เขากลมเชียว น่ารักน่าเอ็นดูซะจริง สงสัยจะรักกันมากน่ะ พี่น้องคู่นี้ เสียงแม่ของพี่ดำกระทบมาให้ได้ยินแว่วๆ
เจ้าแกะ มันคงมากวนพี่บ่อยๆ ฉันเกรงใจพี่จัง ดูซิมาชวนพี่เขาเล่นซนแล้วยังมาแย่งที่นอนพี่เขาอีก เสียงแม่ของเด็กน้อยพูดขึ้นมาบ้าง
ไม่เป็นไรหรอกค้่า ฮึ ฮึ พี่ก็รักเจ้าแกะเหมือนลูกคนหนึ่ง ดูท่าเจ้าดำจะรักน้องคนนี้มากอยู่เหมือนกัน เ็ด็กๆ รักกันตั้งแต่เล็กแต่น้อย น่าจะเป็นผลดีนะคะ
ค่ะ เมื่อโตขึ้นจะได้เป็นพี่น้องพึ่งพาอาศัยกันได้ จริงมั๊ยค่ะ คุณพี่ ดูเหมือนเสียงแม่ของเด็กน้อยกำลังขอความเห็นจากสามี
แต่ชั้นกลัวว่า มันจะกลายเป็นพวกลักเพศน่ะซิ มีอย่างที่ไหนกอดกันกลมขนาดนี้ ไม่ได้การเดี๋ยวผมจะปลุกเจ้าแกะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แกะ แกะ ตื่น ตื่น ตื่นลูก เหมือนมีคนมาจับตัวพร้อมกับเขย่าตัวเด็กน้อยเบาๆ พร้อมกับส่งเสียงปลุกพอให้ได้ยิน
อย่าเลยค่ะคุณพี่ ดิฉันว่าพี่คิดมากไปหรือเปล่าค่ะ เด็กตัวแค่นี้เองจะมีปัญญาอะไรไปคิดเรื่องวิปริตแบบนั้น เสียงแม่ของเด็กน้อยห้ามไว้เสียงหนักแน่น
จริงค่ะ ปล่อยให้แกหลับให้สบายเถอะค่ะ อย่าไปปลุกแกเลย พี่ก็ไม่เห็นว่าเจ้าดำมันจะมีอะไรที่จะพาน้องเขาออกนอกลู่นอกทางนี่ค่ะ เพราะเขาก็มีพ่อเป็นต้นแบบที่ดีอยู่แล้วนี่ค่ะ ส่วนเจ้าแกะนอกจากจะมีคุณเป็นพ่อต้นแบบแล้ว ยังมีพี่ชายอีกคนหนึ่งช่วยกันดูแลอยู่แล้วไม่ใช่หรือค่ะ เสียงแม่ของพี่ดำคัดค้านขึ้นบ้าง
ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นในอนาคตก็อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน เสียงของพ่อเด็กน้อยต่ำลง พร้อมกับจำนนต่อเสียงคัดค้านทั้งสองท่าน
คราวนี้เหมือนเสียงต่างๆจะเงียบลง เงียบลงเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงปิดประตูเบาๆ แล้วความเงียบก็เข้ามาครอบงำ เด็กน้อยกระหยิ่มอยู่ในใจ และดูเหมือนพี่ดำจะลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าเด็กน้อย พี่ดำคงจะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาที่ผู้ใหญ่สนทนากัน...ท้ายที่สุด เด็กทั้งสองกลับยิ่งกอดกันกระชับแน่นขึ้น แน่นขึ้น..... เหมือนไม่อยากให้พรากจากกันชั่วนิรันดร์....
************
เสียงเปิดประตูทำให้ผมตื่นจากภวังค์อีกครั้ง
แกะ พี่เอาผ้าขนหนูผืนใหม่พร้อมแปรงสีฟัน มาให้ อุ...... พี่ดำชงักกับภาพเปลือยเปล่าของผมบ้าง ผมรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง แก่นกายของผมเริ่มทรยศ มันเริ่มขยายตัวเหยียดยาวยื่นไปข้างหน้า ผมเริ่มหน้าแดงร้อนวูบวาบ พี่ดำเองท่อนบนเปลือยโชว์มัดกล้ามที่แข็งแรง แกนุ่งกางเกงบอกเซอร์สีขาวบางๆ เพียงตัวเดียว แสงไฟทีสอดส่องเข้ามาจากข้างนอกประตู เผยให้เห็นท่อนลำสีดำๆชัดเจนชึ่งมันกำลังขยายตัวขึ้นอย่างช้าๆ หัวใจผมเต้นแรงและรัวถี่ๆ ขึ้นเรื่อยๆ เราสองคนชงักงันอยู่ชั่วครู่...อีกครั้งแล้วหรือนี่ ความปราถนาที่ร้อนแรงที่แอบแฝงอยู่ในกายที่ร้อนรุ่ม ดูซิว่าใครจะเป็นฝ่ายกระโจนเข้าหากันก่อน....
ในที่สุดเหมือนพี่ดำจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ แกเริ่มสาวเท้าเข้ามา เข้ามาหาผมเรื่อยๆ มันใกล้เข้ามาทุกขณะ.....หัวใจผมเต้นโครมคราม ยังกะมีใครตีกลองระรัว อยู่ภายใน คราวนี้ผมไม่หันหน้าหนีไปไหนอีกแล้ว เป็นไงก็เป็นกัน จะเกิดอะไรขึ้นก็ให้มันรู้กันไป ความบริสุทธิ์ที่เก็บไว้ตั้งสิบห้าปี ยังไม่มีหญิงใดมาให้เปื้อนราคี มันคงจะเกิดขึ้นกับพี่ดำ พี่ชายของผมคนนี้ ณ วินาทีนี้กระมัง
พี่ดำก้าวเท้ามาใกล้....จนชิด ร่างกายของผม ความสูง 175 ซม.ของผมดูเตี้ยไปถนัดกับความสุงประมาณ 185 ซม.ของแก จนผมต้องแหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลานั้น... สายตาของพี่ดำเหมือนจะบอกว่าแกไ่ม่สามารถจะระงับสิ่งที่กำลังพลุ่งพล่านในตัวแกไม่ได้อีกต่อไปแล้ว... ใช่ความหฤหรรษ์กำลังบรรเจิด มันคงกำลังจะเกิดจริงๆ
พี่ดำเริ่มก้มหน้าลงมาเรื่อยๆ กลิ่นโคโลนญ์อ่อนๆทำให้อารมณ์ของผมถึงกับกระเจิง คงไม่มีอะไรจะมาขัดจังหวะความรักของเราได้อีกแล้วซิน่ะ เสียงหายใจหนัก ถี่ๆ ของพี่ดำรดใบหน้าของผม มันแผ่วหวิว อย่างบอกไม่ถูก พี่ดำกำลังหลับตาพริ้มพร้อมกับริมฝีปากสีแดงๆ น่าจูบนั้นกำลังเผยอลงมาใกล้ ผมเริ่มหลับตาค่อยๆเปิดริมฝีปากของตัวเองบ้าง ผมพร้อมแล้ว..พร้อมที่จะรับรสสวาทที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า.......

Tuesday, May 26, 2009

บทที่ 5 " พี่ชายที่รัก...ผ้าขนหนูหลุด!"




บทที่ 5 พี่ชายที่รัก...ผ้าขนหนูหลุด! ”

จังหวะที่ผมหันไป...เป็นจังหวะที่ผ้าขนหนูสีขาวที่พันรอบเอวหลวมๆของพี่ดำหลุด...ลง...ไปกองกับพื้น...... ผมตกตลึง.....ไปชั่วขณะ...ภาพที่ปรากฎตรงหน้าผมขณะนี้เป็นภาพชายหนุ่มที่สมบูรณ์กล้ามแกร่งเปลือยเปล่า.....
ท่อนลำอวบอูมลำยาวใหญ่กำลังห้อยหัวลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกส่วนปลายสีชมพูแดงๆ ค่อยๆ เผยอเหมือนถูกเปิดเปลือกออกเพียงครึ่ง...ลูกตุ้มแฝดสองลูกนั่นก็ช่างใหญ่สมส่วนกับส่วนลำลึงค์เหลือเกิน ป่าขนดกดำสะพรั่งอยู่ส่วนบน พร้อมไล่เลียขึ้นไปเป็นทิวแถวจนเลยไปถึงสะดือ....
ผมอดมองต่ำลงมาที่ต้นขาทั้งสองข้างไม่ได้ มันช่างแข่งแกร่งด้วยกล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยขนสีดำเซ็กซี่ประปราย ทั้งหัวเข่าและกล้ามเนื้อปลีน่องดูมันกลมกลืนไปด้วยเนื้อแ่น่นๆ และขนที่ดกดำ เท้าทั้งสองข้างของพี่เขาก็ดูขาวสะอาดตา เล็บเท้ายังสวยงามออกสีชมพูเรื่อๆ ...
ผมชำเลืองมองย้อนขึ้นไปอีกครั้งก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ความเป็นชายของพี่เขา ซึ่งตอนนี่มันกำลังเหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนจ้องมองอยู่มันจึงค่อยๆตื่นจากหลับไหล ขยายตัวยาวใหญ่เต็มที่ หนังหุ้มปลายเริ่มถอยร่นลงมาจนพ้นหัวหยัก ปลายดอกเห็ดสีแดงได้รูปกำลังเต้นเร่าๆพร้อมกับน้ำหล่อลื่นใสๆ ค่อยๆเล็ดลอดออกมาทีละน้อย...ละน้อย ไข่สองใบดูเหมือนจะกระตุกขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากน้ำเชื้อคงบรรจุอยู่จนล้นปรี่ พร้อมที่จะปลดปล่อยได้ทุกเวลา... โอ้... พระเจ้า ทำไมมันช่างสวยงามเหยียดตรงได้รูปขนาดนี้
ผมเคยภาคภูมิใจในความใหญ่โตของตัวเอง ในบรรดาเพื่อนๆจะยกให้ผมเป็นแชมป์ แต่นี่ผมต้องมาแพ้พี่ดำอย่างราบคาบ.... ผมไล่เลียมองขึ้นไปด้านบนที่ช้องท้องซิกแพ็คของพี่เขาโดยอัตโนมัติ ลำตัวพี่เขาเป็นรูปตัว V ชัดเจน มันพยุงไหล่ที่กว้างผาย พร้อมกับมีกล้ามเนื้อหน้าอกที่ส่งผลให้เต้านมของความเป็นชายนูนเด่นออกมาพร้อมด้วยหัวนมเม็ดใหญ่สีแดงคล้ำๆ ประปรายไปด้วยไรขนสีดำเซ็กซี่อยู่ระบายไปทั่ว ลำแขนทั้งสองข้างมีกล้ามขึ้นเป็นมัดมัดพองาม ขนจั๊กแร้ดกดำยิ่งขับให้แกดูเป็นแมนยิ่งขึ้น ลำคอที่แข่งแกร่งประดับไปด้วยลูกกระเดือกที่สวยงามไม่ใหญ่โตเกินไปจนหน้าเกลียด ใบหน้าของพี่ดำได้รูปเหมือนชายไทยแท้ๆ ยิ่งตัดผมทรงร.ด. ยิ่งทำให้คิดถึงภาพชายไทยโบราณ ปากสีชมพูแดงๆ เป็นกระจับ หนวดเครามีรอยเขียวครื้ม จมูกที่โ่ด่งแหลมเปี๊ยบจากสันคิ้วลงมายิ่งทำให้หน้าแกดูโดดเด่นขึ้น
นั่นนัยน์ตาสีเหล็กกำลังจ้องมองผมอยู่ด้วยความตกตลึงเช่นกัน ปลายคิ้วที่ดกดำเริ่มขมวดคิ้ว.....หน้าผากของแกก็ดูสวยงามได้รูป มีหยดน้ำเกาะประปรายทั่วร่างกาย ทำให้แกดูสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณของแก ออกสีแทนๆ เหมือนชายไทยทั่วไป แต่ดูเหมือนจะผิวเนียนๆเปล่งปลั่งไปด้วยเลือดแห่งความเป็นหนุ่ม ผมจ้องมองรูปร่างของพี่ดำอย่างไม่วางตา ผู้ชายอะไรทำใมถึงเปอร์เฟ็คขนาดนี้ โอ.... โอ... พี่ดำ พี่ช่างหล่อเหลายังกะเทพบุตรจริงๆ.......
ผมมองสำรวจรูปร่างของพี่ดำด้วยความตกตลึง ใจผมเริ่มสั่นหวิวๆ หายใจไม่ทั่วท้อง มีอาการเหมือนจะเป็นลม เสียงหัวใจของผมเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวเริ่มเบาหวิว....เบาหวิว ......
ก่อนที่ผมจะเริ่มรู้สึกตัวว่าท่อนลำของผมก็เริ่มขยายตัวขึ้นอย่างฉับพลัน มันดันกางเกงยีนส์ผมจนเจ็บไปหมด ผมเคยมีอารมณ์แบบนี้กับผู้หญิงในหนังสือโป๊และเคยช่วยเหลือตัวเองจนสำเร็จโดยมีสาวๆเหล่านั้นในจินตนาการ แต่ทำไมคราวหนี้มันถึงได้รุนแรง....ใช่ รุนแรงกว่า......
เจ้าท่อนลำของผมเริ่มหลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาที่ส่วนปลายจนเปียกโชก จนผมรู้สึกได้ ....นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงมีความรู้สึกรุนแรงขนาดนี้...ผมกำลังหน้ามืด และกำลังจะทนสิ่งยั่วเย้าที่เต้นระริกอยู่ตรงหน้าไม่ได้.....
สายตาของพี่ดำส่งประกายบางอย่างที่มีความหมายประหลาดมาที่ผม ผมเริ่มได้ยินเสียงหายใจติดขัดของพี่เขา เสียงหายใจหนักๆ พร้อมกับเสียงหอบหายใจสั่นๆ เป็นช่วงๆ ใบหน้าของแกเริ่มแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกถึงความกำหนัดที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ ตาของเราทั้งสองคนเริ่มสอดส่ายสายตาหากันอย่างโหยหา เป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ผมได้สำผัส
ในวูบหนึ่งกระแสจิตหนึ่งก็คัดค้านขึ้น ไม่ใช่ ....ไม่....ไม่....ไม่ใช่ .....พี่ดำเป็นพี่ชายของเรานะ และเขากำลังจะว่าที่พี่เขยของเราในไม่ช้า......แต่อีกกระแสหนึ่งก็คัดค้าน ....กระโจนลงไปเลย พี่เขารักแก พี่เขารักแกมานานแล้ว พี่เขาต้องการแก ไม่เช่นนั้น พี่เขาจะยืนเปลือยกายอวดท่อนลำที่ยาวใหญ่ต่อหน้าแกรึ...... ดูซิพี่เขาส่งสายตาเชิญชวนขนาดนี้ ในใจลึกๆ แกก็ปราถนาในตัวพี่เขาไม่ใช่หรือ....แกอุตส่าห์ตามหาพี่เขามาตั้งเป็นสิบสิบปี ตอนนี้แกมายืนอยู่ต่อหน้าแกแล้ว เอาเลย ...เอาเลย กระทำรักกับแกให้สมอยากที่มันอัดอั้นมานาน..... ผมจะทำยังไงดี มันลังเล......สองจิต....สองใจ.......
ผมหลบสายตาของพี่เขา ที่มองมาที่ผมเหมือนต้องการคำตอบ ดูเหมือนแกจะรู้ว่าผมกำลัง ลังเล....ลังเล..... ผมย้อนกลับไปจ้องสายตาคู่นั้นอีกครั้ง แต่สายตานั่น เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องกลัว... ไม่ต้องกลัวน่ะคนดี... ตอนนี้พี่ดำของน้อง มาอยู่ตรงนี่แล้ว พี่ชายคนนี้ยินดีที่จะดูแลน้องชายสุดที่รักของพี่ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่... น้องชายยังไม่หายข้องใจในความรักของพี่ชายคนนี้หรือ มาเถอะเข้ามาหาพี่ ให้พี่กอดให้สม อยาก สมกับ ที่รอคอยกันมา สิบ สิบ ปี .......
และแล้วดูเหมือนว่าความรู้สึกฝ่ายต่ำจะครอบงำจิตใจของผมอย่างลืมตัว ผมหายใจขัดขึ้น ในวูบนั้นผมอยากวิ่งถลาเข้าไปกอดจูบปากพี่เขาอยากดูดดื่ม อยากจะใซ้ลิ้นดูดด่ำความหอมหวานจากลิ้นแมนๆของแก อยากจะไซ้ซอกคอไล่มาเรื่อยๆ ที่หน้าอกทั้งสองข้าง กัดขบหัวนมสีแดงนั่นทีละข้าง ซุกจมูกอุ่นๆที่ซอกรั้กแร้สีดำนั่น
จากนั้นผมจะไล่เลียหน้าอกแ่น่นๆ ที่เต็มไปด้วยขนประปรายนั่น ลากลิ้นมาที่ท่อนลำลากเลียจากส่วนโคนไปจนถึงส่วนปลาย แล้วไล่เลียลงมาใหม่จนมาถึงไข่แฝดสองใบผมจะดูดดุนลิ้นกับไข่ของแก ให้แกดิ้นพล่าน จากนั้นผมจะลากปลายลิ้นลงมาที่หน้าขาแน่นๆนั้น ลงมาจนถึงปลีน่อง แล้วไล่ย้อนขึ้นไปใหม่จนถึงปลายสุดลำลึงค์ ผมจะเลียรอยแยกนั่น พร้อมกับใช้ลิ้นระรัว บริเวณเส้นสองสลึง คราวนี้พี่เขาจะต้องครางอย่างลืมตัว
ในจังหวะนั้นผมจะใช้นิ้วชี้สำรวจถ้ำทองสีแดงสด ที่มีขนรกๆ รูสวาทของพี่เขาคงจะตีบตันเพราะไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ำมาก่อน และมันคงจะตอดนิ้วมือผมอย่างถี่ี่ๆ จากนั้นผมจะเริ่มควานนิ้วให้มันขยายขึ้น เริ่มตามด้วยนิ้วกลางอีกเป็นสองนิ้ว และสามนิ้วตามลำดับ จากนั้นผมจะดันพี่เขาไปที่ขอบเตียง พร้อมกับหาโลชั่นมาชโลมท่อนลำของตัวเอง และรูสวาทของพี่เขา และผมก็พร้อม พร้อมที่จะเสียบ เสียบ ลงไป......

Sunday, May 24, 2009

บทที่ 4 " พี่ดำ...พี่ชายที่รัก "




บทที่ 4 " พี่ดำ...พี่ชายที่รัก "

“พี่คือ...พี่ดำใช่มั๊ยครับ?” พี่เอกไม่ตอบแต่กลับส่งรอยยิ้มกว้างที่ใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นที่ผมเคยสัมผัสแต่เยาว์วัย
“พี่ดำ จริงๆ ด้วย โอยผมนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว” ผมผวาเข้าไปจับมือพี่เขาแน่น พร้อมกับเขย่าด้วยความดีใจอย่างที่สุด
“ใช่แล้ว พี่เอง ไอ้น้องรัก” พี่เขาตอบด้วยเสียงนุ่มพร้อมกับบีบมือผมตอบด้วยข้อมือที่แ่ข็งแกร่งจนมือผมเจ็บไปหมด พี่เขาส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดูมากระทบกับสายตาของผมอย่างเปิดเผย โดยไม่มีอะไรแอบแฝงอย่างที่ผมเข้าใจแกผิดในตอนแรก มืออีกข้างหนึ่งของแกก็ยกขึ้นมาลูบหัวเบาๆ
“พี่หายไปไหนมาครับ รู้มั๊ยครับว่าวันนั้นผมวิ่งตามหาพี่ให้ควั่ก ถามใครๆก็ไม่มีใครตอบ ผมวิ่งตามหาจนเหนื่อย สุดท้ายผมกลับไปห้องนอนของพี่ที่บ้านหลังนั้น...กลับพบแต่ความว่างเปล่า ก็ไม่มีใครอยู่เลย”

************
ภาพของเด็กชายอายุห้าขวบตัวเล็กๆ และซุกซน หลังจากกลับจากโรงพยาบาล แทนที่จะเข้าบ้านตัวเอง แต่กลับเปิดประตูรถตู้สีขาว แล้ววิ่งถลาลงจากรถไปบ้านที่อยู่ตรงข้าม
“อย่าลูก อย่าไป พี่ดำเขาจากพวกเราไปแล้ว ไม่มีใครอยู่บ้านหลังนั้นหรอก” เสียงแม่ตระโกนห้าม พร้อมกับกำลังปิดประตูรถอย่างเร็วเพื่อวิ่งตามเด็กน้อย
“ม่ายอาว จาไปหาพี่ดำ” เด็กน้อยวิ่งต่อไปที่บ้านหลังนั้น แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวัง บ้านนั้นเงียบเชียบไร้ผู้คน เด็กน้อยไม่ละความพยายามเี่ที่ยววิ่งถามใครต่อใครไปทั่ว แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ.... แล้วเด็กน้อยก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่ในห้องนอนแคบๆ ห้องหนึ่ง ใช่มันคือห้องนอนของพี่ดำ พี่ดำซึ่งตอนนั้นคงประมาณ 8 ขวบ แต่ดูเหมือนกับว่าแกจะดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ พี่ดำสุขุม พูดจาสุภาพเรียบร้อย ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เป็นที่รักใคร่ของผู้ใหญ่ ห้องนี้เมื่อก่อนมันเป็นห้องนอนที่สดใส สำหรับเด็กๆ มีภาพการ์ตูนที่พี่ดำและเด็กน้อยชื่นชอบนักหนา ช่วยกันติดจนเลอะทั่วห้อง จนผู้ใหญ่ต้องมาห้ามปรามอยุ่เรื่อยๆ และเป็นห้องที่เด็กน้อยชอบแอบหนีมานอนอยู่ที่นี่เวลาที่ตนเองมีความผิดจากความซุกซน แล้วกลัวการลงโทษ เด็กน้อยมีแต่เพียงพี่ดำคนนี้เท่านั้นที่ให้ความอบอุ่นพึ่งพิงได้เสมอ บ่อยครั้งที่พี่ดำต้องไปบอกทางบ้านว่าเด็กน้อยจะมานอนค้างกับแกที่นี่ ทำให้ทางบ้านหมดความกังวลว่าเด็กน้อยไม่ได้เถลไถลไปไหน...แต่ตอนนี้ห้องนี้กลับว่างเปล่าโต๊ะเตียงก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไป มีแต่ห้องโล่งๆ แถมผนังข้างฝาก็ไม่มีภาพใดๆเหลืออยู่เลย แสงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าลงไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ห้องนี้เริ่มขมุกขมัวออกสีเทาหม่นๆ เหมือนจะเรียกร้องหาเจ้าของห้องคนเดิมความ เด็กน้อยยืนมองห้องที่ว่างเปล่านั้นพร้อมกับน้ำตาเริ่มไหลลงมาทั้งสองแก้ม
“ฮือ ฮือ พี่ดำปายหนาย จะหาพี่ดำ ฮือ ฮือ ....” เด็กน้อยจำได้ติดตาว่าเด็กน้อยร้องไห้อยู่ที่นั่นเป็นนานหลายชั่วโมงจนกว่าผู้ใหญ่จะตามพบ

************

พี่ดำทำหน้าครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า
“เรื่องมันยาวอ่ะน้อง ไว้คืนนี้ไปค้างที่บ้านพี่แล้วพี่จะเล่าให้ฟัง”
“ก็ดีเหมือนกันครับพี่ คืนนี้ผมจะคุยกับพี่ยันสว่างเลย ให้สมกับที่ไม่ได้เจอพี่มานาน คงประมาณเป็นสิบปีเลยน่ะพี่”
“พี่กวางต้องดีใจแน่ๆ ที่รู้ว่าผมเจอพี่ที่นี่” ผมเอ่ยถึงพี่สาวคนสวยของผม พวกเราเคยเป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่ผมจำความได้ ผมติดพี่ดำมากจนถึงขนาดบอกพ่อกะแม่ว่า โตขึ้นอยากให้พี่กวางแต่งงานกับพี่ดำ พี่ดำจะได้มาเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน และแน่นอนเป็นพี่ชายที่ดีของผมด้วย
“เออ แล้วกวางเขาเป็นยังไงบ้าง โตขึ้นไม่รู้เป็นไงบ้างน่ะ”
“แย่เลยพี่ หนุ่มๆตามจีบกันเยอะ แต่พี่กวางไม่เห็นจะสนใจใคร ตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว หรือว่ากำลังรอพี่อยู่ก็ไม่รู้ พี่ต้องรีบแล้วน่ะก่อนที่พี่กวางจะยอมรับรักคนอื่น” ผมพูดทีเล่นทีจริง จนพี่ดำหน้าแดงไปเลย
“ตอนนี้ เขาเรียนที่ไหนเหรอ ทำไมแกะไม่ไปเรียนกับพี่เขาล่ะ”
“อ๋อ ก็โรงเรียน..... ไงพี่ อยู่ใกล้บ้าน 20 กิโลน่ะแหละ แต่ผมอยากจะมาเรียนที่นี่น่ะครับ”
ผมแนะนำเพื่อนๆให้รู้จักกับพี่ชายของผม ตอนแรกพวกมันก็งงๆ เป็นไงมาไง แต่หลังๆมา พวกมันเลยเข้าใจกันไปเองว่าพี่ดำเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผม พวกมันจะเข้าใจยังงั้นก็ดีเหมือนกันขี้เกียจอธิบาย มีพี่ชายหล่อเท่ห์อย่างนี้มีรึผมจะไม่ภูมิใจ
ขณะที่กำลังคุยกันเพลินๆ ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งเดินมาที่โต๊ะ อาจารย์เสถียรนั่นเอง แกเป็นอาจารย์สอนพละ สอนม.5 และเป็นโค้ชฟุตบอลของโรงเรียนด้วย อาจารย์จัดว่าเป็นคนรูปหล่ออยู่เหมือนกัน อายุคงราวๆ 35 รูปร่างแข็งแกร่งแบบนักกีฬา หล่อออกไปทางจีนๆ ตามเชื้อสาย ที่สำคัญแกชอบนุ่งกางเกงวอร์มรัดเป้า เวลาเดินไปเดินมา จะเห็นท่อนลำของแกเป็นรูปร่างที่ชัดเจนแกว่งไปมา ก่อนที่จะเห็นใบหน้าแกซะอีก

“อ้าว เอกยังไม่ตามไปขึ้นรถอีกเหรอเพื่อนๆรออยู่น่ะ”
“อ้อ ผมขอโทษครับอาจารย์ พอดีผมเพิ่งเจอน้องชายไม่ได้เจอกันมาสิบปี แล้ว เลยอยากจะคุยกับน้องเขาก่อนน่ะครับ เดี๋ยวผมขับมอเตอร์ไซค์ ตามไปพรุ่งนี้เช้าคงทัน แข่งตอนบ่ายโมงไม่ใช่หรือครับ”
“มันก็ใช่ แต่ครูก็อยากให้พวกเธอมีเวลาพักผ่อนเยอะๆ อีกอย่างจะได้ลองซ้อมให้ชินกับสนามของทางนู้นเขา หัวหน้าทีมไม่ยอมไปพร้อมกันกับลูกทีม ครูว่ามันดูทะแม่งๆ อยู่น่ะ” อาจารย์เสถียรทำท่าคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อว่า
“จริงๆแล้ว ในการแข่งขันพรุ่งนี้ ครูก็คิดว่าจะไม่ให้เธอลงแข่ง หรืออาจจะให้ลงเรียกน้ำย่อยก็พอ เพื่อเซฟตัวในการลงแข่งครั้งต่อไป ที่สำคัญในรอบชิงชนะเลิศที่โรงเรียนของเรา ไหนล่ะน้องชายของเราขอดูหน้าหน่อยซิ มันสำคัญแค่ไหนที่ทำให้หัวหน้าทีมไม่ยอมไปพร้อมกับลูกทีม ฮะ”
ผมรีบยกมือไหว้แกทันที ในจังหวะนั้นแกถึงกับชงักอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบทำหน้ากลบเกลื่อนอะไรบางอย่างก่อนจะอุทานขึ้นมาว่า
“พระเอกเกาหลี พระเอกเกาหลี เองเหรอเนี่ยะ “ ตกลงคงต้องเปลียนฉายาตัวเองจากแกะดำเป็นพระเอกเกาหลีตามที่ใครๆเรียกซะแล้วมั้ง อะไรมาเรียนม.4 แค่เทอมเดียวมีคนรู้จักผมมากขนาดนี้เชียว
“ไม่น่าเชื่อ อะไรจะหล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลยน่ะ ตระกูลนี้” ผมหันหน้าไปมองพี่ดำ เห็นแต่แกทำหน้ายิ้มๆ อย่างเดียว เปลี่ยนสีหน้าบ้างก็ได้น่ะครับคุณพี่ ไม่ใช่ทำเก๊กหล่ออยู่คนเดียว
“เอาล่ะ ในเมื่อ เอกเขาเพิ่งเจอน้องชาย ครูก็ไม่ว่าอะไร ขับรถขับราให้ระวังหน่อยก็แล้วกัน อย่าลืมพรุ่งนี้ลงไปซ้อมให้ได้เวลาสิบเอ็ดโมงเช้า” ก่อนอาจาร์ยเสถียรจะเดินจากไป แกหันหน้ามามองผมด้วยสายตาประหลาดอยู่พักหนึ่ง ผมก็ไม่เข้าใจความหมายเหมือนกันว่ามันหมายถึงอะไร.......

ผมมารู้ทีหลังว่าทีมฟุตบอลที่จะไปแข่งพากันมาจัดงานวันเกิดให้พี่ดำ(พี่เอก) ก่อน จากนั้นอาจารย์เสถียรก็จะเอารถบัสมารับที่หน้าร้านประมาณทุ่มครึ่ง มิน่าถึงรีบจัดกันตั้งแต่ห้าโมง พี่ดำมีแผนที่จะไม่ลงในนัดนี้อยู่แล้วกับเพื่อนๆ โดยที่อาจารย์ไม่รู้ เพราะแพ้หรือชนะก็มีค่าเท่าเดิม เนื่องจากทีมโรงเรียนผมลอยลำไปชิงชนะเลิศแล้วนั่นเอง (เป็นกีฬาเชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง 6 โรงเรียน ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวรายละเอียดในที่นี่น่ะครับ) ส่วนชื่อ ”พี่เอก” เพื่อนๆเรียกตั้งแต่เข้าโรงเรียน แต่ผมสนิทปากในการเรียกชื่อเดิมมากกว่าและดูเหมือนพี่ดำจะพอใจเป็นอย่างมาก
ผมเก็บข้าวของที่จำเป็นไปนอนบ้านพี่ดำ โดยเพื่อนๆก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่ดำพาผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวรอบเมืองก่อนจะพาผมไปที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้สองชั้น อยู่ซะไกลจากตัวเมืองประมาณ 9 กิโลได้ ทางเข้าบ้านก็มืดมาก มารู้ทีหลังว่าเป็นบ้านน้าสาว ตอนนี้ทำกิจการฟาร์มแกะที่ประเทศนิวซีแลนด์ ที่สำคัญทั้งบ้านมีพี่ดำอยู่คนเดียว เอ... แล้วพ่อกับแม่พี่ดำไปไหน อันนี้แกยังไม่ยอมบอกครับ ไว้จะเล่าให้ฟังเอง พี่ดำเอารถเข้าไปเก็บแล้ว ก็พาผมขึ้นไปบนห้องนอนชั้นบน อากาศเริ่มหนาวเย็นลงเรื่อยๆ จนพี่ดำต้องรีบบอกให้ผมอาบน้ำ แต่ผมยังไม่อยากอาบก็เลยเดินสำรวจดูตัวบ้านนิดหนึ่ง แต่คงไม่เห็นอะไรมากเท่าไหร่เพราะมืดแล้ว อีกอย่างพรุ่งนี้เช้าพี่ดำต้องไปส่งผมที่โรงเรียนด้วย พี่ดำก็เลยต้องไปอาบก่อน เสียงฝักบัวกำลังไหลซ่าส์ๆ อยู่ในห้องน้ำ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะกำลังสำรวจห้องนอนของพี่ดำอยู่ เป็นเตียงเดี่ยวแต่ค่อนข้างใหญ่คงนอนสองคนได้แต่คงจะเบียดกันพิลึก ผมเลยกะว่าจะไปนอนอีกห้อง ซึ่งมีห้องว่างอยุ่ถึงสามห้อง ทันใดผมก็ไปสะดุดกับภาพๆหนึ่ง เป็นรูปแกะสีดำโดดเด่นอยู่ตรงกลาง ข้างหลังมันเป็นแกะสีขาวหลายๆตัวอยุ่ฉากหลัง ดูเหมือนเจ้าแกะดำจะเป็นจ่าฝูง คิดไปคิดมาก็เหมือนกับตัวกูเลยน่ะเนี้ยะ ผมคิด
สักพักผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ...พี่ดำคงอาบน้ำเสร็จแล้ว ...แกไม่ได้ล็อคประตูห้องน้ำมั้งไม่ได้ยินเสียงถอดกลอนประตู
“อ้าว ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมอาบน้ำอีกเหรอ” เสียงพี่ดำดังขึ้น พร้อมกับที่ผมหันขวับไป พระเจ้าช่วย.....

Friday, May 8, 2009

บทที่ 3 " ความลับ...ของพี่เอก "




บทที่ 3 " ความลับ...ของพี่เอก "

พวกผมมาถึงที่พักก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว บ้านพักของพวกมันเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวมีสองห้องนอน และก็ห้องรับแขก อยู่ซะไกลจากตัวเมืองเชียว แต่ว่าจริงๆแล้วก็ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ ไอ้อ้วนไอ้อ๊อดช่วยผมโยนกระเป๋าและเข้าของซึ่งก็มีไม่กี่ชิ้นไว้ในห้องของมันก่อน ดูพวกมันท่าทางกระวนกระวายรีบร้อนยังไงก็ไม่รู้ ผมก็งงว่าพวกมันจะรีบไปไหนข้าวของก็ยังไม่ได้จัดเลย ถามเท่าไหร่พวกมันก็ไม่ยอมบอก แล้วไอ้จุ๊กับไอ้ซอไปไหนซะล่ะในบ้านก็ไม่มีแม้แต่เงา
“รีบๆ หน่อยไอ้แกะ เดี๋ยวไปไม่ทัน” ไอ้อ้วนพูดพร้อมลากผมถูลู่ถูกังออกมาจากบ้านแทบไม่ทัน
“มึงจะรีบไปจับควายที่ไหนว่ะ ข้าวของกูยังไม่ได้จัดเลย” ผมต่อว่ามันพร้อมพยายามขัดขืนจะเิดินกลับเข้าบ้าน
“เหอะน่า เชื่อพวกกูเถอะ โดยเฉพาะมึงนั่นแหละต้องรีบไปให้ทันเวลา ป่านนี้คงรอกันแย่แล้ว” ไอ้อ๊อดก็ีอีกคน อะไรของพวกมันว่ะเนี่ยะ ผมเกาหัวแกรกๆ
“เฮ้ยกี่โมงแล้วว่ะ ไอ้อ๊อด” ไอ้อ้วนตะโกนถาม
“ตายห่าห้าโมงสิบนาทีแล้ว”
“มีนัดอะไรที่ไหนกันว่ะ” ผมถามไอ้อ๊อดบ้าง
“มึงไม่ต้องถามเลย นัดไว้ห้าโมง กว่าจะไปถึงคงเลทไปสามสิบนาทีแน่ อย่างนี้ต้องเรียกสามล้อเครื่องแล้วว่ะ” ไอ้อ้วนรีบจับสามล้อเครื่องคันหนึ่งแล้วบอกให้แกบึ่งให้เต็มที่ คนขับก็ทันใจดีจริงขับฉวัดฉเวียนซะจนเวียนหัว ผมล่ะเสียวกลัวตำรวจจับจริงๆ
แล้วรถก็มาเบรกกรึกที่หน้าร้าน....เอ๊ะนี่มันร้านหมูกะทะที่พี่เอกนัดกูมาเมื่อเย็นวันศุกร์นี่หว่า ขณะที่กำลังงง งงอยู่ ลูกค้าในร้านหลายคนหันกันมามองหน้าสลอน ผมก็ชักจะเขินๆแฮะทำไมทุกคนต้องหันมามองหน้าผมด้วย เมื่อผมเดินเข้าไปในร้านทุกคนก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกันว่า “Happy birthday to you…….happy birthday too you……happy birthday dear….” “เฮ้ย ไม่ใช่ ไม่ใช่ วันเกิดผมผ่านมาแล้วตั้งแต่เดือนเมษา ไม่ใช่ ไม่ใช่ผม “ ผมรีบร้องห้ามสุดเสียง ทุกคนเงียบกริบ ก่อนที่จะหลุดชื่อเจ้าของวันเกิดออกมา คราวนี้ผมเริ่มเห็นหน้่าทุกคนถนัดขึ้น เพราะไฟในร้านเปิดแค่สลัวๆ เพื่อเตรียมตัวเป่าเค้กวันเกิด อ้าวนั่นไอ้ซอกะไอ้จุ๊ กำลังยืนกะลิ่มกะเหลี่ยอยู่ ไอ้อ้วนกะไอ้อ๊อดก็ไปยืนสมทบ นั่นไอ้โกกตัวมันเตี้ยแทบมองไม่เห็นตอนแรกยืนคู่อยู่กับไอ้เบนซ์ ถัดไปไอ้ม้วนกะไอ้เท่ง(ไอ้นี่ตัวมันสูงๆ ราว185 ได้ ผิวมันดำๆ แถมหน้าตามันออกไปทางมนุษย์โครมันยอง พวกมนุษย์โบราณน่ะเผ่าพันธ์ลิงว่างั้นเถอะ ฮ่ะ ฮะ่ ตอนมันสอบเข้า ม.4 มันได้ที่1 เชียว แต่ไม่รู้เป็นไงเกรดมันถึงได้หล่นไปอยู่ท้ายๆ จำไม่ได้ว่าที่เท่าไหร่) อีกกลุ่มหนึ่งเป็นพวกรุ่นพี่ม.5 และถัดไปราวๆสิบกว่าคนได้ จำได้ว่าเป็นรุ่นพี่ม.6 งานนี้ไม่มีหญิงครับ ชายล้วนไม่รู้ว่าทำไม ทุกคนกำลังทำหน้าขำๆกลั้นหัวเราะกันอยู่
“วันเกิดพี่เอง.....” เสียงทุ้มๆเสียงหนึ่งดังขึ้น ผมหันขวับไป ฮ้า พี่เอกน่ะเอง
“ไงพ่อพระเอกเกาหลี มาช้าไปสามสิบนาทีเชียวน่ะ เราน่ะ” พี่เอกเดินเข้ามาแตะที่ไหล่ของผมเบาๆ พร้อมกับยิ้มๆ
ผมยืนตัวเกร็ง อายก็อายที่หน้าแตกนึกว่าไ้อ้พวกเพื่อนๆ จัดงานวันเกิดให้ และอีกอย่างหนึ่งพี่เอกต้องเป็น...เกย์ แน่ๆ มีอย่างที่ไหนเขียนการ์ดเชิญซะหวานแหววขนาดนั้น ผมรีบเดินหนีไปเข้ากลุ่มเพื่อนๆทันที
“ก็เพราะมันมัวทำหล่ออยู่น่ะซิพี่ ถึงได้มาช้า” ไอ้อ้วนตะโกนบอกพี่เขา เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง
“เอาล่ะ เอาล่ะ เมื่อพระเอกของเจ้าของงานมาแล้วพวกเราก็รีบร้องเพลงเป่าเค้กกันซะที จะได้รีบกินกัน หิวจะแย่อยู่แล้ว” เสียงรุ่นพี่ม.6 สอดแทรกขึ้น แล้วทุกคนก็ร่วมร้องเพลงให้พี่เอกกันอีกครั้ง หลังจากพี่เขาเป่าเค้กเสร็จ พี่เขาตัดเค้กชิ้นแรกมาให้ผม เรียกเสียงฮือฮากันเป็นแถว ผมหน้าเป็นตูดทันที
“เอ้า ทานเค็กน่ะครับ ทำใมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เดี๋ยวก็ไม่หล่อหรอก”
“พี่เอก ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่น่ะครับ เสร็จธุระแล้วพี่เข้ามาคุยกับผมหน่อยได้มั๊ยครับ” น้ำเสียงผมจริงจัง ออกจะโกรธอยู่มาก...ถึงมากที่สุด แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะคนเยอะ พี่เอกยิ้มพราย พร้อมกับยักคิ้วข้างหนึ่งอย่างคนเจ้าชู้
“ได้ซิ เดี๋ยวพี่ไปจัดการกับพวกเพื่อนๆก่อนน่ะ แล้วจะรีบมา พี่มีเวลาคุยกับเราได้ทั้งคืนเลย” พูดเสร็จแกก็จากไป จัดการแจกเค้กต่อให้คนอื่นๆ ผมมองตามหลังพี่เขาไปอย่าง งงๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่พี่เขาเป็นเกย์ ท่าทางแกออกจะแมนขนาดนั้น ดูยังไงก็ไม่ใช่....
“สนใจพี่เขาขึ้นมาล่ะสิ ไอ้แกะ” ไอ้ห่าโกก ตัวเตี้ยแล้วยังปากหมาอีกน่ะมึง แล้วชื่อมึงก็สมตัวมึงจริงจริ๊ง ไม่รู้ว่าญาติผ่ายไหนของมันตั้งให้
“ไอ้ห่าเดี๋ยวกูเตะไปโน้น มึงยังเล่นไม่เลิกน่ะมึง”
“กูว่าพี่เขาต้องชอบมึงแน่ๆ มีอย่างที่ไหนตอนเย็นตอนกูไปซ้อมบอลล์อ่ะน่ะ พี่แกเขาถามถึงแกทุกครั้งเลยน่ะโว๊ย พระเอกเกาหลีอย่างนั้น พระเอกเกาหลีอย่างนี้ กูล่ะหมั่นไส้ “ ไอ้เหี้ยจุ๊ ใครเป็นคนขอมึงออกความเ็ห็นว่ะ
“จริง ไอ้แกะพี่เขาเชิญพวกเรามางานใันเกิดแก เพราะอยากรู้จักมึงว่ะ แกสืบจนรู้หมดว่าใครเป็นเพื่อนของมึงบ้าง แกก็ชวนมาหมดแหละ” ไอ้ซอพูดขึ้นมาบ้าง
“แต่กูไม่ใช่ตุ๊ดน่ะเว๊ย แกอยากจะรู้จักกูไปทำไม แกอย่าบอกน่ะว่าแกรู้เรื่องของกูทุกเรื่อง” แกไม่มีทางรู้ร๊อกว่าผมมีแฟนแล้วชื่อกรกนก ผมยิ้มเยาัะอยู่ในที
“ไม่แน่น่ะมึง แกอาจจะเป็นตุ๊ดเองก็ได้ ผู้ชายหล่อๆ แมนๆ สมัยนี้ดูออกยากจะตาย” ไอ้อ๊อดพูดบ้าง
“มึงพูดยังกะมึงรู้เรื่องพวกนี้ดีอย่างงั้นแหละ อย่าบอกน่ะว่ามึงเสร็จอีตุ๊ดห้องคิงมาแล้ว” ไอ้อ๊อด มันมีกระเทยห้องคิงมาชอบตั้งแต่มันเข้ามาเรียนใหม่ๆแล้ว จริงๆมันก็พยายามมาจีบทุกๆคนแหละ มันโดนพวกผมไล่เตะไปแทบไม่ทัน ยกเว้นไอ้อ๊อดที่ไม่ได้รังเกียจอะไรมัน
ไอ้นี่มันชักจะทำให้ผมสงสัยซะแล้ว หรือว่าเรื่องที่ไอ้เบนซ์พูดว่ามันมีอะไรกับไอ้อ้วนจะเป็นความจริง
พวกเราเริ่มทะยอยกันออกมานั่งโต๊ะข้างนอกอาคาร เพราะบริเวณกว้างและเปิดโล่งเหมาะกับการปิ้งย่างๆ หมูกะทะ พวกเรากินกันซะพุงกาง แต่พี่เอกก็ยังไม่มาสักที จนประมาณทุ่มหนึ่งพวกเพื่อนๆแกก็ทะยอยกันกลับ ไอ้เท่งต้องรีบออกตั้งแต่งานเพิ่งจะเริ่มเห็นมันบอกว่าต้องรีบไปช่วยญาตดูแลปั๊มน้ำมัน ส่วนไอ้โกกบ้านอยู่ไกล ไอ้ม้วนต้องขับรถไปส่ง คราวนี้ก็เหลือเฉพาะกลุ่มผมแล้ว พี่เอกกำลังเดินทางมาที่โต๊ะ คราวนี้แหละผมจะจัดการแกซะหน่อย ในฐานะที่ทำให้ผมเสียเชิงชาย
ช่วงที่แกเดินมา มีกลุ่มเพื่อนๆของแกเดินสวนทางกลับบ้านและก็พูดพอที่ผมจะได้ยินว่า “พระเอกเกาหลีของมึง หล่อสมคำเล่าลือว่ะ “ แกก็ได้แต่ยิ้มๆหน้าบานเลย ผมเริ่มชักสีหน้าตึงอีกครั้ง
“เป็นไง อร่อยกันมั๊ย”
“อร่อยครับ...ครับ...” ทุกคนตอบขึ้นมาพร้อมกัน ยกเว้นผมที่ไม่พูดอะไร
“โทษทีพี่ไม่ได้มีเวลา มาดูแล พอดีกำลังจัดการเรื่องทีมฟุตบอลที่จะไปแข่งวันพรุ่งนี้ที่โรงเรียน.....”
“อ้อ ถ้างั้นวันนี้ก็เป็นทีมฟุตบอลของโรงเรียนน่ะซิครับ มิน่าถึงมีแต่ผู้ชาย” ไอ้เบนซ์มันพูดขึ้นมาบ้าง
“อ้าว จุ๊ ไม่ได้บอกเพื่อนหรือว่าเป็นทีมฟุตบอลที่อยากจะจัดงานวันเกิดให้พี่น่ะ”
“บอก ก็ไม่เซอร์ไพร้ ซิครับ” “พี่กินน้ำ่ก่อนน่ะครับ” ไอ้จุ๊มันรีบเปลี่ยนเรื่องหาแก้วโค้กให้พี่เอกไปดื่ม
“ไง พระเอกเกาหลี นั่งเงียบเชียว” พี่เอกหันมาถามผมบ้าง ผมล่ะเกลียดคำนี้จัง จริงๆ ก็พอจะชอบอยู่หรอก ที่มีคนบอกว่าผมเหมือนพระเอกเกาหลีซีรีย์เรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่อีตาพี่เอกคนนี้ (ชี้แจงเพิ่มเติม เนื่องจากมีแฟนคลับหลายท่านถามเข้ามามาก ฉายาพระเอกเกาหลีที่ได้รับในสมัยนั้น ไม่ได้หมายถึง เทรนพระเอกเกาหลี ในสมัยปัจจุบัน เดิมได้รับฉายาพระเอกญี่ปุ่น แต่หลังจากที่อาจารย์ห้องโสตซึ่งเพิ่งเสร็จอบรมจากประเทศเกาหลี ได้เอาละครเกาหลี มาฉายให้นักเรียนดู อาจารย์หญิงหลายๆท่านลงความเห็นว่า ผมมีหน้าตาคล้ายพระเอกในเรื่องนั้น นับตั้งแต่นั้นมา ทุกคนเลยให้ฉายาใหม่ เป็นพระเอกเกาหลีครับผม : 4 Oct 2010 )
“พี่เอก เป็นเกย์รึเปล่าครับ”
“พร๊วด! อะ อะไรนะ” พี่เอกสำรักน้ำดังพร๊วด
“ว่าอะไรนะ ไหนลองถามอีกทีซิ”
ทุกคนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ไอ้เบนซ์ กับไอ้จุ๊พยายามโบกไม้โบกมือ ไม่ให้ผมถามอะไรมากกว่านั้น เด็กม.4ที่ไหน กล้าหยามเกียรติรุ่นพี่ม.6ได้ถึงขนาดนี้ มันคงคิดแแบบนี้
แต่ผมไม่กลัวหรอกถึงแม้แกจะเลี้ยงพวกผมแต่แกก็ทำให้ผมเสียหาย ป่านนี้พวกเพื่อนๆของแกคงเข้าใจว่าผมเป็นตุ๊ดไปแล้วมั๊ง
“ผมถามว่า พี่เอกเป็นเกย์รึเปล่า” ผมถามย้ำอีกครั้ง
“อะไรทำให้เราคิดแบบนั้น” พี่เขาถามหน้าเครียด ผมชักเริ่มใจคอไม่ดีแล้วซิ อะไรว่ะเนี่ยะผมงงไปหมดแล้ว
“ก็พี่เขียนการ์ดเิชิญผมเมื่อวันศุกร์ ให้มาเจอพี่ที่นี่ตอนเย็น พี่จะเลี้ยงข้าวผม ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ถึงเขียนแบบ แบบว่า ...” ผมเริ่มน้ำลายติดคอ ไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้
“การ์ดอะไร พี่ไม่ได้เขียน แล้วเขียนว่าอะไร” พี่เขาทำหน้าฉงน
“เออ ไม่มีอะไร พี่ไม่ได้เขียนจริงๆเหรอครับ” ผมเริ่มอ่อนลงบ้าง เพราะดูท่าทางพี่เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ
“ก็จริงน่ะซิ แล้วเราได้รับการ์ดจากใคร” ผมจ้องหน้าไอ้เบนซ์ทันที
“เฮ้ย! กูไม่รู้ ถ้ามึงหมายถึงซองเมื่อวานนี้ล่ะกู มึงต้องถามไอ้จุ๊แล้วว่ะ มันฝากกูมาอีกที แถมบอกว่าจากพี่เอก” คราวนี้ทุกคนหันไปมองหน้าไอ้จุ๊อย่างจะคาดคั้นความจริงให้ได้
“ก็ เออะ เออ ก็ผมเห็นพี่เอกชอบพูดถึงไอ้แกะบ่อยๆ ผมก็เลย เอ่อ คิดว่าพี่ชอบไอ้แกะมันน่ะครับ” พี่เอกหัวเราะก๊าก จนตัวโยน
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง วันนั้นพี่รีบไปธุระ พอดีเห็นจุ๊อยู่ห้องเดียวกัน ก็เลยฝากมาบอกให้มางานวันเกิดพี่คือวันนี้ ไม่ใช่เย็นวันศุกร์ซะหน่อย” พี่เขาหัวเราะเสียงดัง ทำให้บรรยากาศเครียดๆ เริ่มผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่าทุกคนจะปล่อยให้เรื่องผ่านไป แต่ผมกลับผุดลุกขึ้นไปกระชากคอเสื้อมัน พร้อมกำหมัดเตรียมชกเต็มที่ พร้อมกับตะคอกว่า
“มึง ไอ้จุ๊ แล้วมึงก็เลยเขียนการ์ดทำนองว่าพี่เอกคิดว่ากูเป็นตุ๊ด แถมดันบอกให้กูไปตามนัดเย็นวันศุกร์อีก มึงนี่มันแสบจริงๆ ขอกูชกให้หายแค้นหน่อยเถอะว่ะ” พี่เอกรีบดึงมือผมกลับทันที แล้วก็พูดว่า
“อย่าแกะ เพื่อนเขาล้อเล่นน่ะ”
“แล้วพี่ไม่โกรธมันเหรอ มันคิดว่าพี่เป็นเกย์น่ะ” พี่เขายิ้มอย่างอารมณดีแล้วก็หันไปทางไอ้จุ๊ตัวต้นเหตุ
“ไหนลองบอกพี่มาซิว่าทำไมจุ๊ถึงไปแกล้งเพื่อนแบบนั้น” น้ำเสียงพี่เขาไม่ได้แสดงอาการระคายเคืองเลยแม้แต่น้อย เป็นผมล่ะไม่ได้้ถ้าพี่เขาไม่ห้ามไว้น่ะ ไอ้จุ๊ปากแตกไปนานแล้ว
“ก็ผมเห็นมันมีแต่สาวๆคลั่งไคล้มัน ผมก็เลยอยากแกล้งมันดูว่าถ้ามีผู้ชายมาจีบมันบ้างมันจะว่ายังไง”
“จะว่ายังไงกูก็จะเตะมันน่ะซิ ผู้ชายหน้าไหนคิดจะจีบกูล่ะก็กูจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่ โดยเฉพาะมึงระวังตัวไว้ให้ดีน่ะ กูยังไม่หายแค้นน่ะโว๊ย” ผมโพล่งออกไปด้วยความโกรธ
“เรานี่ยังใจร้อนเหมือนเดิมน่ะ ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่มแล้ว ยังแก้ไม่หายเลยน่ะ” ผมชะงักกึกพี่เอกเป็นใครทำไมถึงรู้จักผมตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก ผมหันไปมองหน้าพี่เขาอย่างเต็มตา
“จำพี่ไม่ได้หรือ ไอ้ตัวแสบ ใครกันน่ะที่อยากได้พี่ไปเป็นพี่เขยน่ะ” ใครว่ะที่ผมอยากได้มาเป็นพี่เขย ผมจ้องหน้าพี่เขาพร้อมกับพยายามคิดคิดว่า เคยเจอพี่ผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน และแล้วความทรงจำที่ลางเลือนตอนเป็นเด็กก็เริ่มชัดเจนขึ้น มีอยู่คนเดียวที่ผมรักและนับถือเป็นพี่ชายที่แสนดี ดีจนผมอยากให้เขามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวผม
“พะ พี่คือ พะ พีี่ ด ดำ ใช่มั๊ยครับ”

Tuesday, May 5, 2009

บทที่ 2 " การ์ดเชิญ...พิศวง "

บทที่ 2 " การ์ดเชิญ...พิศวง "

ผลประกาศออกมา เป็นไปตามคาด วาด สอบได้ที่สาม ส่วนผมได้ที่ หก ครับ นอกนั้น ไอ้ซอได้ที่สิบห้า ไอ้อ้วนสิบหก นอกนั้นอยู่ท้ายๆราวๆ สี่สิบ ห้าสิบ มีไอ้กุนคนเดียวที่สอบไม่ติด มันต้องไปเรียนที่อื่นก่อนหนึ่งปี แต่มันก็จะสามารถย้ายมาเรียนม.5 ที่นี่ได้ เพราะพ่อมันเป็นตำรวจอยู่ที่นี่ื ถือว่าย้ายตามผู้ปกครอง ถึงแม้ว่าพวกผมจะสอบได้ที่ต้นๆ กลับต้องไปอยู่ห้องควีน เนื่องจากห้องคิงเต็มจากพวกใช้สิทธิ์นะแหละ แถมมีข่าวดี ไอ้ก้อย กับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งชื่อ ไอ้ม้วน ล้นจากห้องคิง มาอยู่ห้องควีนกับพวกผมซะนี่ ก็ดีทีมจากโรงเรียนไกลปืนเที่ยงอย่างพวกผมจะได้อยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน

แรกๆต้องปรับตัวกันเยอะทีเดียวผมมีหน้าที่เป็นหัวโจกของพวกมันอยู่ดี ไอ้จุ๊เองก็ต้องตามพวกผมต้อยๆ แถมมันยังประกบไอ้ซอไม่ห่างกลายเป็นคู่หูไปเลย ส่วนไอ้อ้วนก็ประกบกับเจ้าอ๊อด เนื่องจากพวกมันไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกันสี่คน ส่วนไอ้เบนซ์ เห็นบอกไปพักอยู่กับญาติ ส่วนผมนะรึ ต้องโดยสารรถไปกลับ 40 กิโล คนเดียว เนื่องจาก พ่อแม่ แก่แล้ว พี่สาวไม่อยากให้ผมออกจากครอบครัวไปไกล เนื่องจากห่วงพวกท่าน นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนๆ เริ่มลางเลือนลงเรื่อยๆ....


เทอมแรกผ่านไป เกรดเฉลี่ยผมไม่ดีเลย ถึงแม้จะได้ที่หนึ่งของห้องควีน แต่ก็แพ้ห้องคิงอย่างราบคาบ ดูเหมือนทุกๆคนในกลุ่มจะลืมเลือนวัตถุประสงค์ในการมาเรียนที่นี่กันซะแล้ว ก็คือนักเรียนในโครงการ.....ไงครับ แต่ผมไม่มีวันลืม ยังมีเวลาอีกเทอมหนึ่งถ้าหากผมสามารถทำให้เกรด ม.4 ติดที่ หนึ่งในสี่ ของโรงเรียนได้ หมายความว่าผมมีสิทธิ์ลุ้น... ตอนนั้นผมคิดว่าโอกาสเป็นไปได้ น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์


“เฮ้ย แกะ กูว่าดูมึงซีเรียสมากเลยว่ะช่วงนี้ พวกกูรู้สึกว่าดูมึงหายๆไปจากกลุ่มยังไงก็ไม่รู้” ไอ้ซอถามผมด้วยความเป็นห่วง ก็จริงของมันเพราะหมู่นี้ในหัวสมองมีแต่ตำราเท่านั้น คิดแต่ว่าทำยังไงถึงจะเอาชนะห้องคิงได้ เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย มีเวลาว่างเมื่อไหร่ผมจะงัดตำรามาท่อง หรือไม่ก็เข้าห้องสมุดไปเลย

“เออ กูขอโทษว่ะ กูเห็นพวกมึงอยู่กันได้แล้ว แถมริจีบสาวๆ ในห้องซะเพียบเลยนิ กูก็เลยขอตัวไปอ่านหนังสือว่ะ มึงลืมเรื่องนักเรียน.....โครงการไปแล้วหรือ”
“มึงไม่รู้อะไร กูกับไอ้จุ๊ ไปจีบอ่ะน่ะ มีแต่สาวๆ พูดถึงแต่มึงว่ะ โอ๊ย มึงนี่เสน่ห์แรงไม่ตกเลยน่ะมึง”
“เฮ้ยจริงอ่ะ กูไม่ยักกะรู้เลยว่ามีใครสนใจกู”
“ก็มึงเอาแต่ตั้งใจเรียนนี่หว่า วันนี้ตอนบ่ายๆ มึงลองเลิกมองกระดานสนใจอาจารย์ แล้วมองไปที่พวกสาวๆ ดูซิแล้วมึงจะรู้ พวกสาวๆน่ะไม่สนใจเรียนหรอก มัวแต่มองมึงเพลินล่ะซิ ไอ้จุ๊ล่ะหมั่นไส้ มึงฉิบหาย”
“แต่มึงก็รู้นี่กูมีกรกนกอยู่แล้ว ตอนนี้เรื่องหญิงขอพักไว้ก่อนว่ะ มึงลืมนักเรียนโครงการไปแล้วจริงๆอ่ะ”
“คร๊าบ...พ่อยอดรักใจเดียว มึงอย่าให้กูรู้ก็แล้วกันว่ามึงแอบไปหลีหญิงที่ไหนอีก กูจะบอกกรกนก เป็นคนแรกเลย ฮ่า ฮ่า” อ้าวไอ้นี่ตกลงมันจะเอายังไงกันแน่วะ พอมีข่าวมีสาวๆจะชอบผม แทนที่จะชอบมัน มันเอาไม้เด็ดเรื่องกรกนกมาอ้าง เล่นตัดคู่แข่งไปเลยรึมึง
“เรื่องนักเรียนโครงการกูว่า พวกเราไม่ติดฝุ่นแล้วมั้ง ตอนนี้พวกห้องคิงมันเกรดนำทีหนึ่งคือมึง ไปตั้งครึ่งห้องแล้ว เห็นเขาเอาแค่สี่คนเองไม่ใช่หรือว่ะ”
“เออใช่ แล้วพวกเราไม่มีสิทธ์ลุ้นกันหรือไง ยังมีเวลาอีกเทอมหนึ่งน่ะมึง”
“มันจะตามเขาทันรึ ขนาดมึงได้ที่หนึ่งของห้องแล้ว เกรดมึงยังอยู่เกือบอันดับที่ยี่สิบสามสิบของห้องนั้นอยู่เลย มึงดูอย่างไอ้วาดซิ แต่ก่อนมันเรียนเก่งกว่ามึงอีกตอนนี้ไม่รู้เป็นยังไงเกรดมันไม่รู้อยู่อันดับที่เท่าไหร่แล้ว” จริงซิผมลืมวาดไปซะสนิท หลังๆมาได้ข่าวเพียง ไอ้จุ๊เจ้าชู้มาก เที่ยวจีบสาวๆ ไปทั่ว วาดมันคงเสียใจเลยไม่เป็นอันตั้งใจเรียน


บ่ายวันนั้นผมลองหันไปมองรอบๆห้องดูว่าเป็นไปอย่างที่ ไอ้ซอ ว่ารึเปล่า ปรากฎว่าเป็นไปอย่างที่มันว่าจริงๆ สาวๆหลายคนแอบมองจ้องผมอยู่ พอผมหันไปมอง เจ้าตัวรีบหลบสายตาไปทางอื่นพร้อมกับหน้าแดงๆ แต่ไม่รู้เป็นไงทำไมผมถึงไม่ดีใจน่ะ ตอนนั้นคิดแต่ว่าเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น แล้วผมก็เห็นวาด เธอ ท่าทางเศร้าๆ เหม่อลอย ไม่มีสมาธิในการเรียน ผมรู้สึกสงสารเธอจับใจ แต่ก่อนผมเคยคิดที่จะได้เธอมาเป็นแฟน แต่ตอนนี้ผมกลับอยากเป็นแค่เพื่อนที่ไว้วางใจได้ ผมจะต้องหาโอกาสคุยกับเธอให้ได้


ขณะที่ผมกำลังจะหันหน้ากลับมาสนใจอาจารย์ พลัน!.....สายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องผมอยู่จากหลังห้อง เป็นสายตาที่บ่งบอกอะไรบางอย่าง แปลกๆ คล้ายๆกับว่า เป็นสายตาที่กำลังชื่นชมใครบางคน ประมาณว่า..ปลื้ม..สุด สุด...ประมาณนั้น แต่ที่สำคัญไม่ใช่อะไร มันเป็นสายตาของ “เด็กผู้ชาย”!!!!!!!!!!! ไอ้เมฆ เด็กตัวเล็กๆหลังห้อง เรียนหนังสือก็ไม่เก่ง ไม่มีอะไรน่าสนใจ พวกมันไม่เคยอยู่ในสายตาเด็กเรียนเก่งอย่างกลุ่มพวกผมหรอก แล้วมันมองผมทำเหี้ยอะไรว่ะ.............


“แกะ พวกกูมีปัญหาวิชาเคมีว่ะ มึงอยู่ช่วยติวให้พวกกูหน่อยได้มั๊ย หลังเลิกเรียน” ไอ้อ๊อดมันพูดแกมขอร้อง
“เออ กูมีวิชาภาษาอังกฤษด้วย มึงช่วยพวกกูหน่อยน่ะ” ไอ้อ้วนอีกคน
“ใช่ ใช่ ขอกูไปติวกับพวกมึงด้วยคนน่ะ” ไอ้ม้วนเพื่อนใหม่ หลังๆมามันเริ่มเข้ากลุ่มกับพวกผม เพราะพวกผมก็เรียนเก่งที่สุดในห้อง ผมได้ที่หนึ่ง ไอ้โกก (เพื่อนใหม่) ได้ที่สอง ที่สามก็ไอ้ซอ ที่สี่ก็ไอ้อ้วน ไอ้วาดรู้สึกจะอยู่ราวๆที่ห้าที่หกนี่แหละ
“เฮ้ย ไม่ได้ ไม่ได้ ขืนกูอยู่ติวพวกมึงกูก็ตกรถซิว่ะ” ผมโบกไม้โบกมือ เพราะรถประจำทางผมมา บ่ายสามโมงครึ่ง ต้องไปต่อรถอีกจังหวัดหนึ่ง กว่าจะถึงบ้านก็หกโมงเย็นแล้ว
“มึงไปกลับแบบนี้ไม่เหนื่อยแย่หรือว่ะ กูว่ามึงมาพักอยู่กับพวกกูเถอะ มึงจะได้มีเวลาอ่านหนังสือเยอะๆไงตามความฝันของมึง แถมพวกกูจะได้มึงมาแลกเปลี่ยนติววิชาการกันไง” ความเสนอของไอ้อ้วนก็ไม่เลวแฮะ
“เออ เออ เดี๋ยวกูจะไปลองปรึกษาพ่อแม่ดูก่อนว่ะ แต่วันนี้กูขอกลับก่อนก็แล้วกัน”


ผมเอาเรื่องที่อยากเข้าเป็นนักเรียนโครงการ....มาอ้างกับพ่อแม่และพี่สาว คืออยากจะลองฟิตตอนเทอมสองนี้ดูเผื่อยังไงทำเกรดดีจะได้ติดตามที่ใฝ่ฝัน โดยบอกว่าจะมาพักอยู่กับไอ้อ้วน ไอ้อ๊อด ไอ้ซอ และไอ้จุ๊ ในที่สุดทางบ้านก็อนุญาต แต่ถ้าเกิดพากันเกเรไม่ตั้งใจเรียน ท่านจะเรียกกลับ
พวกมันดีใจกันใหญ่ ผมก็ีดีใจจะได้อยู่กับเพื่อนๆอย่างอิสระไม่มีใครมาคอยคุมอีกแล้ว จะได้มีเวลาท่องตำรับตำรามากขึ้นล่ะคราวนี้


“กูได้ข่าวว่ามึงจะไปพักอยู่กับพวกไอ้ซอเหรอว่ะ” ไอ้เบนซ์ถาม
“ก็คงจะยังงั้นแหละมีไร...”
“มึงไม่คิดว่ามึงจะเป็นส่วนเกินเหรอ”
“ส่วนเกินอะไรว่ะ ก็เพื่อนกันแท้ๆ ไม่เห็นมีอะไร”
“กูไม่รู้สิ คืนหนึ่งกูแวะไปหาพวกมันประมาณสามทุ่มมั้ง เห็นบ้านปิดเงียบ แต่มีแสงไฟหริบหรี่อยู่กูก็คิดว่าพวกมันอ่านหนังสือกำลังจะเคาะประตู พอดีกูได้ยิน........
“ได้ยินอะไรว่ะ....”
“ดะ ได้ ...ยิน.. สะ สะ เสียง .....”
“เสียงอะไรว่ะ รีบพูดมากูเสียเวลาอ่านหนังสือ” ไอ้นี่เป็นอะไรของมันน่ารำคาญจริง คนกำลังมีสมาธิอ่านหนังสืออยู่
“กูว่าหมู่นี้ ไอ้ซอ กะ ไอ้จุ๊ มันสนิทกันแปลกๆว่ะ”
“แปลกตรงไหน กูก็เห็นมันไปไหนมาไหนด้วยกัน เป็นคู่หู ไม่ใช่เรื่องแปลก”
“ละ แล้วก็คู่ ไอ้อ้วนกับไอ้อ๊อด อีก มึงไม่สังเกตุจริงๆเหรอว่ามันมีอะไร อะไรอยู่นา”
“โอ๊ย ไอ้นี่คิดมาก เพื่อนๆ กันทั้งนั้น ปวดหัว ตกลงมึงจะบอกรึไม่บอกว่ามึงได้ยินเสียงอะไร ถ้าไม่บอกก็ไปไกลๆ ตีนกูเลยไป๊.... หัวเสียโว๊ย......”
“เอาไว้มึงไปอยู่แล้วมึงจะรู้เอง.......” ไอ้เบนซ์พูดเป็นปริศนา
“อ้อ! ก่อนอื่นพี่เอกฝาก นี่มาให้มึง กูไปล่ะ” ไอ้นี่พูดปุ๊ป มันก็ไปปั๊บเลย
พี่เอกรุ่นพี่ม.6 สุดเท่ห์ เวลาพี่เขาแต่งชุด ร.ด. แล้วหล่ออย่าบอกใคร หุ่นพี่เขาสมส่วนนักกีฬามีกล้ามพองาม สาวๆติดกันตึมเลย ผมยังอิจฉาพี่เขาเลย เอ๊ะ! พี่เขาฝากซองอะไรมาให้เนี่ยะ ขณะที่ผมกำลังแกะซองอยู่ พอดีไอ้โกก ก็พรวดพราดเข้ามา


“แกะ แกะ กูมีโจทย์คณิตศาตร์เตรียมเอ็นฯ มาให้มึงช่วยคิดว่ะ” ไอ้โกกนี่เริ่มมาตีสนิทเป็นคู่หูผมหลังจากที่มันรู้ว่าผมได้ที่หนึ่ง จริงๆแล้วมันก็มีสิทธ์อยู่ห้องคิง พอดีมันสละสิทธ์ กะว่าจะไปสอบที่โรงเรียนอื่น แต่เปลี่ยนใจมาสอบที่เดิม เลยได้มาอยู่ห้องควีนแทน ผมไม่มีอะไรอยู่แล้ว สบายๆ จะสนิทกับผมก็ดีเพราะมันก็เรียนดีอยู่เหมือนกัน
“จดหมายรักจากสาวคนไหนอีกล่ะมึง มึงนี่เสน่ห์แรงจริงๆว่ะ มีรุ่นพี่สาวๆ ขอให้กูติดต่อมึงให้ กูได้สินบนมาอานเลยว่ะ “ ไอ้นี่มันคงเอาผมไปขายตามเคย และมันก็ชอบให้รุ่นพี่สาวๆ หลงกลเลี้ยงข้าวมัน บางทีก็ฝากขนมมาให้ผมด้วย บรรดาจดหมายต่างๆน่ะถึงมือผมอยู่หรอก แต่ไอ้ขนมเนี่ยะ ไม่เคยถึงมือผมเ้ล้ยผับผ่า....
“ของสาวๆที่ไหนกัน ของพี่เอก ตะหากไม่รู้มีอะไร”
“พี่เอก สุดหล่อ ม.6 นะรึ ไหน ไหน ขอกูเปิดดูหน่อย” มันคว้าซองจดหมายไปเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว ตอนแรกสีหน้ามันก็ยิ้มๆ แต่ทำไมสีหน้ามันถึงตกใจอย่างสุดขีดขนาดนั้น
“เป็นอะไรว่ะโกก สีหน้ามึงยังกะคนปวดขี้”
มันยื่นการ์ดด้านหน้าเป็นดอกกุหลาบสีแดงดอกเดียวแต่สวยงาม น่าจะส่งผิดคนซะล่ะมั้ง สงสัยมีแฟนเยอะเลยสับสน
“มึงเป็นเกย์รึเปล่าว่ะ” มันดึงการ์ดแผ่นนั้นกลับ พร้อมกับจ้องหน้าผมอย่างค้นหาความจริง
“เฮ้ย!!!!!!!! มึงจะบ้ารึ “ ผมตกใจมากและก็โกรธมันมากด้วย
“เอ๊า มึงลองอ่านดูก็แล้วกัน” ผมรับการ์ดนั้นมาด้วยความงุนงง จะบ้ารึอยู่ดีๆ มีคนมาหาว่าเป็นเกย์ เสียเชิงชายหมด”
“ถึง...น้องแกะรูปหล่อ พี่ดีใจมากที่ได้คุยกับน้องเมื่อวานนี้ คือเรื่องที่น้องสนใจเรียนร.ด.น่ะ พี่ยินดีให้คำปรึกษาน้องเต็มที่เลยน่ะครับ ถ้าน้องไม่รังเกียจพี่ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าว น้องเย็นนี้น่ะครับที่ร้าน......เวลาหกโมงเย็น ถือซะว่าเป็นการต้อนรับรุ่นน้องก็แล้วกัน.. แล้วพี่จะรอน่ะครับคนดี จาก ...พี่เอก”
“ไอ๊หย่า!!!!!!!” ผมร้องเสียงหลง “นี่พี่เอกเขาเล่นตลกอะไรกับกูว่ะเนี่ยะ”
“ใช่ นี่มันเป็นจดหมาย..จีบ.. กันชัดชัด มึงแน่ใจน่ะว่ามึงไม่มีอะไรกับพี่เขา”
“เฮ้ย ไม่มีจริงๆ มึงจะบ้าเรอะ มึงหาว่ากูเป็นเกย์ มึงเป็นเพื่อนกูรึเปล่า”
“กูก็ว่างั้นแหละ อย่างมึงน่ะ แมนจะตาย รูปก็หล่อ เรียนก็เก่ง สาวๆ ติดอกติดใจ กันมากมาย เป็นกู กูก็ไม่เชื่อว่ะว่ามึงจะเป็น....”
“อ้าว แล้วนี่กูจะทำยังไงดีล่ะ พี่เขาไม่รู้รึว่ากูต้องขึ้นรถประจำทางตอนบ่ายสามโมงครึ่ง วันอาทิตย์นู้นกูถึงจะย้ายมาอยู่กับพวกไอ้อ้วน”
“เออ กูว่ามึงไปตามนัดก็ดีน่ะ พอพี่เขาเลี้ยงข้าวมึงเสร็จมึงก็ไปนอนบ้านพี่เขาซะเลย แล้วมึงกับพี่เขาก็จะได้ลงเอย มีอะไร ...อะไร.. กันไงล่ะ ฮ่า ฮ่า”
“ถ้ามึงพูดอีก กูจะต่อยหน้ามึงจริงๆ” ผมโกรธมาก ท่าทางเอาจริงเอาจัง มันก็เลยขอโทษขอโพย
“เออ...กูล้อ.....เล่นนนนน อย่าโกรธเลยน่ะคนดี.....” ผมวิ่งไปจะเตะมันจริงๆ มันเลยวิ่งหอบหนังสือหนีไป พร้อมกับหัวเราะร่วน....


ผมนั่งรถประจำทางกลับบ้านด้วยความงุนงง วันศุกร์นี้มันเกิดอะไรขึ้นว่ะ เรื่องที่ไอ้เบนซ์พูดเกี่ยวกับเพื่อนทั้งสี่คนที่ผมจะไปพักด้วย ไหนจะเรื่องพี่เอกอีก คิดไปคิดมาปวดหัว เตรียมตัวคิดถึงเรื่องเก็บข้าวของดีกว่า ผมมีเวลาอยู่กับครอบครัวในวันเสาร์ เย็นวันอาทิตย์ไอ้อ้วนกับไอ้อ๊อดก็มาช่วยย้ายข้าวของถึงที่บ้าน ทางพ่อแม่ก็อวยพรให้โชคดี อย่าเกเรกัน ให้ตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ พวกผมก็ลาพ่อกับแม่ในเย็นวันนั้นรู้สึกใจหายเหมือนกัน เพราะไม่เคยจากบ้านไปอยู่คนเดียวเลยนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตจริงๆ...