Tuesday, October 26, 2010

บทที่ 155 " รสจูบของพี่หมวด...กับกิ๊กเก่าคนที่สอง "


บทที่ 155 “ รสจูบของพี่หมวด...กับกิ๊กเก่าคนที่สอง ”

พี่หมวดจ้องหน้าผม ด้วยสายตาเชื่อม ใบหน้าแดงก่ำ แกอาจจะอาย หรือเกิดจากแรงขับทางเพศกันแน่ แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ผมไม่มีโอกาสถาม เพราะตอนนี้แกเริ่มโน้มใบหน้าลงมาแล้ว.....ตึก...ตึก...ตึก...
เสียงหัวใจของผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ...ผมหลับตา รับรู้แต่เพียงหมอนที่กำลังหนุนหัวอยู่ มันดูนุ่มนวลพิกล เพื่อที่จะรองรับน้ำหนักของอีกฝ่ายที่กำลังถาโถมลงมา...และแล้วริมฝีปากแมนๆของพี่หมวดก็ประกบจูบที่ริมฝีปากของผมในที่สุด....พระเจ้า !
พี่หมวดประทับรอยจูบอยู่สักพักก็ชะโงกหน้าขึ้น สายตาที่ทอดลงมานั้นบ่งบอกถึงความรู้สึกรักใคร่ หวงแหน อยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ และอยากกระทำย่ำยีร่างที่ถูกแกคล่อมไว้ในขณะนี้ ตามใจปราถนา...ที่อดกลั้นมานาน
เราสองคนจ้องตากันอีกครั้ง ผมอยากเอามือลูบไล้ใบหน้าของพี่หมวดจัง ทั้งหล่อและมีเสน่ห์เหลือร้าย ...จะว่าไป เราสองคนคลาดกันไปคลาดกันมา จนคิดว่าไม่มีวันนี้อีกแล้ว พี่หมวดครับในที่สุดพี่หมวดก็เปิดใจแล้วใช่มั๊ยครับ
พี่หมวดเริ่มส่ายท่อนลำภายใต้กางเกงสีกากี บดเบียดกับเจ้าแกะน้อย อย่างช้าๆ โอว์...ให้ความรู้สึกเสียว..สุข...สยิว...อย่างบอกไม่ถูก...อารมณ์ของผมตอนนี้กระเจิดกระเจิงจนไม่อาจระงับเอาไว้ได้ แกะน้อยเองก็หลั่งน้ำหล่อลื่นออกมาจนเปียกชุ่มส่วนปลายไปหมด ...พี่หมวดครับ ผมทนไม่ไหวแล้วครับ...
พี่หมวดเองก็คงจะยับยั้งชั่งใจไม่ได้อีกต่อไป...
“อุ๊บ!” พี่หมวดโฉบใบหน้าลงมา...และประกบปากผมอย่างรวดเร็ว
“อือ อาว์” พี่หมวดชำแรกลิ้นสวาทอันหอมกรุ่นเข้ามาเกี่ยวกระหวัด...มีหรือที่ผมจะไม่ยอม...ในเมื่อผมรอโอกาสนี้มานานแล้ว
เราสองคนดูดดุนลิ้นกันไปมาด้วยความกระหาย..โอว์ บทจูบของพี่หมวดช่างเร่าร้อนรุนแรงเหลือเกิน รสชาดช่างหอมหวานติดตราตรึงใจเสียนี่กระไร พี่หมวดช่างเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น และมาดแมนผสมกลิ่นอายของผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ ทำให้ผมไม่อาจทนนอนอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป
ผมพยายามดันแขนขึ้น... พี่หมวดจึงปล่อยข้อมือที่กดทับข้อมือผมไว้...แล้วสอดแขนเข้ามาใต้วงแขนของผม...ผมได้โอกาสจึงโอบกอดรอบคอ พร้อมกับลูบไล้ไปที่หลังไหล่แมนๆ ภายนอกเครื่องแบบเสื้อสีกากีฟิตๆนั้น...เราสองคนยังบดเบียดลิ้นกันเป็นพัลวัน....
ผมพลิกตัวพี่หมวดขึ้นข้างบน...แต่พี่หมวดก็กลับพลิกผมลงล่างเหมือนเดิม และ จังหวะที่เราสองคนพลิกไปพลิกมานั้น...นั่นเอง
“พลั่ก!” เสียงเหมือนบางสิ่งบางอย่างหล่นลงที่พื้นข้างเตียง
“----------------” พี่หมวดหยุดกิจกรรมฉับพลัน เราสองคนลืมตาพร้อมกันโดยอัตโนมัติ...และแล้วพี่หมวดก็ชะโงกหน้าลงไปมองที่พื้นข้างเตียง
พี่หมวดชะงักนิ่งมองจ้องที่พื้นค้างอยู่ ผมแปลกใจจึงดันตัวแกออก เบี่ยงกายเอียงคอลงไปมองบ้าง
“โอ๊ะ!” นั่นมันภาพ...ภาพของพี่เก้ง ภาพที่อยู่ในอัลบั้ม ซึ่งช่างเปิดออกมาได้จังหวะเป็นภาพพี่เก้งได้ขนาดนั้นเชียว มันคงตกจากเตียงตอนที่ผมปลุกปล้ำกับพี่หมวด
“เ่่อ่อ อ่ะ ไอ้..ไอ้เก้ง” พี่หมวดพึมพำ ก่อนที่จะลุกขึ้นทันที พร้อมกับเก็บอัลบั้มนั้นเข้าลิ้นชัก...แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ผมงงเป็นไ่ก่ตาแตก พี่หมวดเป็นอะไรไป ทำไมแค่เห็นภาพของพี่เก้งถึงตกใจขนาดนั้น...รึเป็นเพราะว่า พี่หมวดนึกละอายใจ ที่กำลังมีอะไรกับน้องชายคนเดียวของเพื่อนร่วมสาบาน
ผมเดินออกไป ก็เจอพี่หมวดกำลังจุดบุหรี่อยู่ที่ระเบียง ...นี่พี่หมวดดูดบุหรี่ด้วยเหรอ ปรกติไม่เคยเห็นแกแตะต้องมันเลยนี่นา....ผมยืนมองแก ดูดบุหรี่ ควันโขมง ด้วยท่าทางที่แกใจลอย เครียดๆ... แกหันหน้าออกไปข้างนอก มองดูถนนหนทางไปตามเรื่อง ปากแกก็ดูดบุหรี่ไป พ่นควันไป โดยไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีใครยืนมองแกอยู่ด้านหลัง
ผมเห็นอาการพี่หมวดแบบนี้แล้ว ชักใจหาย รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก...ไม่น่าเลยกู อุตส่าห์ทำใจไม่คิดอะไรกับพี่หมวดได้แล้วน่ะ แล้วทำไม...ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
“พี่หมวดครับ ถ้าหากว่าผมเป็นคนที่ทำให้พี่หมวดลำบากใจ ผมเป็นคนออกไปเองก็ได้ครับ ผมจะได้ออกไปจากชีวิตพี่หมวด พี่หมวดจะได้ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรในตัวผมอีกต่อไป” ผมคิดอยู่ในใจเท่านั้น ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ให้พี่หมวดรับรู้...น้ำตาเริ่มคลอเบ้า... เอาอีกแล้วกู... ขี้แยอีกแล้ว
พี่หมวดดูดบุหรี่ต่ออีกมวน จนเสร็จแล้วนั้นแหละแกจึงหันหน้ามาทางผม
“แกะ อ่ะ เ่อ่อ เดี๋ยวพี่ไปเคลียร์งานให้เสร็จก่อนน่ะครับ เดี๋ยวพี่มา” พี่หมวดพูดเสร็จก็เดินไปหยิบหมวกที่โต๊ะกลางโซฟาขึ้นมาสวม แล้วใส่รองเท้าผลุนผลันออกไป
ผมกลับมานั่งซึมกระทือที่ห้องของตัวเอง กับเรื่องที่เกิดขึ้น เหตุการณ์มันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ดูสิเมื่อกี้พี่หมวดกะว่าจะไปส่งผมที่บ้านก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาเคลียร์งานต่อที่โรงพัก...ตอนนี้พี่หมวดเปลี่ยนใจไปเคลียร์งานก่อน แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ หรือว่าต้องกลับบ้านพรุ่งนี้เช้า ...ป่านนี้ไอ้พวกแก๊งค์ตัวแสบคงไปช่วยงานบ้านไอ้จุ๊กันหมดแล้ว (งานบวชพี่จอมพี่ชายไอ้จุ๊ แก๊งค์ผมทุกคนออกจากโรงเรียนช่วงเลิกเรียน โดยเอารถไอ้เท่งขับไปเหมือนเดิม...งานนี้ไอ้โชคถือโอกาสร่วมเดินทางไปพร้อมกันเลย เพราะติดตามไอ้ก้อยไปนั่นเอง)
“กริ๊งๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมเลยต้องรีบออกไปรับ
“โหล แกะ มีคนต้องการพบเราน่ะ เห็นบอกรู้จักแกะ” เสียงพี่เข้มนี่ คงโทรมาจากโรงพัก...เอ พี่หมวดน่าจะไปถึงโรงพักแล้วน่ะ...ใครอ่ะเขาต้องการพบผมทำไม
“แกะจะออกมาพบเขา หรือว่าจะให้พี่ส่งเขาไปหาแกะที่แฟลตล่ะครับ” โห ขนาดนั้นเชียว ท่าทางจะรู้จักผมดีน่ะเนี่ยะ
“อ่ะ เ่อ่อ เดี๋ยวผมลงไปเองครับ ขอบคุณครับพี่เข้ม” ผมเองก็ไม่อยากอยู่รอพี่หมวดบนห้องหรอกน่ะ ลงไปยืดเส้นยืดสายข้างนอกก็ท่าจะดี
ผมเดินไปที่โรงพัก ใจยังหวิวๆเรื่องพี่หมวดอยู่เลย แต่ก็อยากรู้ว่าใครกันที่อยากพบผม...พอผมเดินขึ้นไปบนโรงพักแค่นั้นแหละ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกับพี่เข้มอยู่ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก กิ๊กเก่าพี่ชายไอ้จุ๊นั่นแหละ อิอิ
“อ้าว พี่โจม! หวัดดีครับ”

Tuesday, October 19, 2010

บทที่ 154 " กระจ่างสะที...เรื่องของพี่หมวด "


บทที่ 154 “ กระจ่างสะที...เรื่องของพี่หมวด ”

“แฟนพี่เก้ง !” ผมอุทานตกใจ อ้าปากค้าง
“หึ หึ ....คราวนี้แกะจะได้รู้ความจริงสะที” พี่หมวดดันตัวผมให้นั่งลงบนเตียง จากนั้นแกก็นั่งลงข้างๆแบบแนบชิด ไหล่ชนไหล่เลยทีเดียว แกใช้มือข้างขวาโอบด้านหลังผม แล้วใช้มือ ลูบไล้หัวของผมไปมา
“พี่หมวดหมายความว่ายังไงครับ” ผมหันหน้าไปมองแกด้านซ้ายมือ ซึ่งใบหน้าของแกตอนนี้ ดูเหมือนจะมีความโล่งอก สบายใจอะไรบางอย่าง
“ก็หมายความว่า พี่กับทราย เป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้นเอง ไม่เชื่อแกะลองเปิดภาพต่อไปสิครับ” พี่หมวดพูดยิ้มๆ ส่งสายตาประหลาดมาให้ผมอีกแล้ว....ตอนนี้ผมบอกไม่ถูก จะว่าดีใจก็ใช่ที่ เพราะสิ่งที่คาดการณ์ไว้ และทำใจไว้แล้ว กลับกลายเป็นคนละเรื่องไปเลย...แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ฟังคำพูดของพี่หมวดต่อดีกว่า
ภาพต่อไปเป็นภาพสามคน พี่เก้งยืนด้านซ้าย พี่ทรายอยู่ตรงกลาง และพี่หมวดอยู่ด้านขวามือของพี่ทราย แต่เห็นได้ชัดว่า พี่เก้งกับพี่ทรายยืนใกล้ชิดกันมาก ในขณะที่พี่หมวดเว้นระยะห่างออกมาเกือบช่วงตัว
“ผมพอจะเข้าใจครับ แต่นั่นมันอดีตไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีพี่เก้ง พี่หมวดคือบุคคลที่เหมาะสมกับพี่ทรายที่สุด ไม่ใช่หรือครับ” ผมยังอดหวั่นไหวไม่ได้ ถึงมันจะจริงแล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ
“ฮึ แกะออกจะดูถูกทราย มากไปแล้วน่ะครับ ทุกวันนี้เธอไม่เปิดใจให้ใครเลย เธอยังฝังใจรักและภักดีต่อเจ้าเก้งเสมอ” อะไรกันครับพี่หมวด ผมไม่อยากจะเชื่อเลย
“ทั้งๆที่พี่เก้งตายไปแล้วนี่น่ะครับ” ผมปัดมือพี่หมวดออกจากศีรษะ แล้วนั่งประจันหน้าแกด้วยความสับสนงงงัน
“อืม ห้าปีมาแล้ว ทรายยังไม่เคยเลิกรักเจ้าเก้งได้เลย” พี่หมวดพูดเสร็จก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย
“น่านับถือน้ำใจของพี่ทรายจริงๆเลยครับ ผมอยากไปพบพี่ทรายครับ”
“พี่ว่า อย่าเพิ่งเลย พี่กลัวว่าเธอจะทำใจไม่ได้ พาลจะร้องไห้ไปใหญ่”
“ถึงขนาดนั้นเลยหรือครับ”
“พี่ถึงรอท่าทีอยู่ว่าจะบอกเรื่องของแกะ กับทรายว่ายังไงดี”
“อ๋อ ครับ” ผมรับคำอย่าง งงๆ และเปิดภาพต่อไป กลับกลายเป็นภาพพี่ทรายคนเดียว เกือบสิบภาพ...เอ๊ะหมายความว่ายังไงกัน แบบนี้พี่หมวดมีใจให้พี่ทรายแน่นอน
“อัลบั้มนี่เป็นของเจ้าเก้งน่ะ ” พี่หมวดรีบชิงบอกผมก่อน...แล้วจะบอกผมทำไมกันล่ะครับพี่หมวด
“เจ้าเก้งฝากพี่ไว้ให้ช่วยดูแลทราย จนกว่า...” พี่หมวดหยุดชงักไป ดูใจลอยชอบกล
“จนกว่าอะไรครับ..” ผมใจสั่นอีกแล้ว เฮ้อ ทำไมน่ะทั้งๆที่ใจบอกตัวเองว่า ทำใจไว้แล้วไง...ผมไม่อยากได้ยินว่า จนกว่า...พี่ทรายจะรับรักพี่หมวด ฮือ ฮือ
“จนกว่า ทราย อ่ะ เ่อ่อ มีแฟนใหม่” พี่หมวดนั่งก้มหน้า จากนั้นก็ค่อยๆหันมามองผมด้วยสายตา...สายตาที่ทำให้ผม ยากที่จะเข้าใจ
“แฟนใหม่ ในที่นี้คือพี่หมวดใช่มั๊ยครับ” ผมกลั้นใจรอรับฟังด้วยใจจดใจจ่อ
“เปล่า” ตอบสั้นจัง
“พี่หมวดครับ ผมถามจริงๆเถอะ พี่หมวดรักพี่ทรายบ้างมั๊ยครับ อ่ะ เอ่อ ในฐานะคนรักน่ะครับ” หลุดออกไปได้ไงว่ะกู เฮ้อ ...ตอนนี้พี่หมวดลุกขึ้นยืน เดินไปที่ริมหน้าต่าง ถอนใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ! พี่ไม่คิดยังงั้นหรอก และทรายเองก็ไม่คิดเช่นกัน เราคงเป็นได้แค่เพื่อนสนิทก็แค่นั้นเอง”
“แน่ใจหรือครับ แล้วที่ใครๆเขาลือกันล่ะครับ” ผมลุกขึ้นไปยืนด้านหลังแก ด้วยความอยากรู้ สักพักหนึ่งพี่หมวดก็หันหน้ามาแล้วยิ้มกว้าง
“เธอก็หัวเราะงอหายน่ะสิ ดีสะอีกจะได้ไม่มีใครมาตอแยเธอ ฮ่ะ ฮ่ะ”
“รู้มั๊ย มีหมอชีกอหลายคนมาจีบเธอ” พี่หมวดพูดต่อ
“แต่ที่แย่ที่สุด ก็คือผู้อำนวยการโรงบาลนั่นแหละ แก่แล้วมีเมียสาม ฮ่ะ ฮ่ะ”
“เหรอครับ งั้นพี่หมวดก็เลยกลายเป็นเกราะชั้นดีน่ะสิครับ อิอิ”
“ก็คงงั้น พอไอ้พวกชีกอทั้งหลายเจอพี่ ก็เผ่นแน่บกันไปเลย ฮ่ะ ฮ่ะ”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ตลกจัง ผมกลัวว่ามดแดงจะไม่เฝ้ามะม่วงอย่างเดียวน่ะสิคร๊าบ อิอิ” ตอนนี้ผมกลับมีความสุขอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะว่าพี่หมวดไม่มีแฟนรึเปล่าน่ะ เอ้า เข้าข้างตัวเองอีกแล้วกู
“ทะลึ่งอีกแล้ว เจ้าเล่ห์นักน่ะ” พี่หมวดเดินมาล็อคคอผมเอาไว้ แล้วตีเข่าที่สีข้างของผม
“โอ๊ย แกล้งผมเหรอ” ผมผลักแกออกไป พร้อมชกแกเล่นๆ
“นี่แนะเก่งนักเรอะ” พี่หมวดจับข้อมือผมบิดขึ้น พร้อมกับหมุนตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของแก...เจอเข้าไม้นี้ผมเลยยืนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น อบอุ่นจัง...ก๊ากๆ ห้ามแซวครับ ห้ามแซว อิอิ
“ทรายบอกพี่ว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเธอมาก แถมยุให้พี่ตกลงเป็นแฟนกับโรสอีกแน่ะ” พี่หมวดยังคงกอดผมอยู่ในตอนนี้
“กับพี่โรสก็ดูดีนี่ครับ ดูพี่โรสจะชอบพี่หมวดเอามากๆ”
“พี่ไม่ได้ชอบโรสแบบนั้น อันนี้ไอ้จักรมันรู้ดี”
“อ้าว ถ้าเป็นแบบนี้ พี่หมวดก็อดมีแฟนน่ะสิครับ” แอบมีความหวังอีกแล้วกู แน๊ ไอ้แกะเจ้าเล่ห์
“ฮ่ะ ฮ่ะ รอให้ทรายมีแฟนก่อน พี่ถึงจะคิดเรื่องนั้น”
“อ้าว เกิดพี่ทรายยอมเป็นโสดล่ะครับ”
“ฮ่ะ ฮ่ะ อยู่เป็นโสดยังงี้ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องมีภาระ...เอ๊ะ แต่ว่าตอนนี้พี่มีภาระแล้วล่ะครับ ฮ่ะ ฮ่ะ” พี่หมวดยิ้มทะเล้น อ้าว เปลี่ยนโหมดเร็วจัง
“ภาระอะไรครับ เป็นแฟนพี่โรสเหรอครับ อิอิ”
“โป๊ก!” กำปั้นพี่หมวดทุบที่หัวผมเบาๆ
“โอ๊ย!” ผมแกล้งร้องโอดโอย จนพี่หมวดมาจับตัวผมยกขึ้น แล้วกระแทกลงมาที่พื้น
“ก็ดูแล ไอ้แกะเจ้าเล่ห์ อยู่นี่ไงล่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” พี่หมวดกอดรัดร่างของผมแล้วยกขึ้นยกลง พร้อมหัวเราะร่วน....ไชโย้ผมได้พี่หมวดคนเดิมกลับมาแล้ว
“พี่หมวด นี่แนะ..พลั่ก!” ผมปล่อยหมัดเข้าที่พุงกระทิพี่หมวดเบาๆ ทันทีที่มีโอกาส
“แกล้งพี่เหรอ มานี่เลย” พี่หมวดลากผมขึ้นเตียง ทำท่าจะปลุกปล้ำ ผมเลยพยายามดิ้นรนต่อสู้... เรากอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน...จนกระทั่งพี่หมวดคล่อมตัวผมอยู่ ข้อมือทั้งสองข้างของผม ถูกข้อมือที่แข็งแรงของพี่หมวดตรึงเอาไว้....อย่าน่ะพี่หมวด คราวนี้ผมเอาจริงแล้วน่ะ...ในเมื่อพี่หมวดบอกว่าไม่มีใครแบบนี้ อิอิอิ
ผมนอนหงายอย่างหมดหนทางดิ้นรนขัดขืน ผู้พิทักษ์สันติราษฎรที่ยังคงสวมชุดปฏิบัติงานอยู่ กำลังตรึงร่างผมเอาไว้ และจ้องมองผมเช่นกัน ใบหน้าของเขาเริ่มมีสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด สายตาที่ส่งมามันมีประกาย ประกายของคนที่กำลังบอกรักและพร้อมที่จะก้มลงมาจุมพิต แต่แล้วก็ได้แต่จดๆจ้องๆอย่างไว้เชิง....
ผมหลบสายตาพี่หมวดไปทางอื่น มันก็คงจะเหมือนกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาแหละ ท้ายสุดพี่หมวด อย่างดีก็แค่จูบหน้าผาก แล้วลุกออกไป แต่ทว่าในครั้งนี้เราจะยอมให้เหตุการณ์แบบนั้นกลับคืนมาอีกหรือ...รึว่าพี่หมวดต้องการให้ผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน...
คิดไปคิดมาหลายตลบ ในที่สุดด้วยหัวใจที่เรียกร้อง ทำให้ผมลืมกระทั่ง เรื่องที่เคยรับไม่ได้ที่แกเที่ยวผู้หญิง ลืมเรื่องที่แกเคยคิดที่จะยิงตัวตาย...ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง... เพราะตอนนี้ร่างของพี่หมวดที่แนบกระชับอยู่ข้างบน และสายตาที่กำลังจ้องมองอยู่ ช่างมีอานุภาพตรึงตาตรึงใจเหลือเกิน...พี่หมวดมีใจให้ผมแล้ว จะมัวรอช้าอยู่ทำไมกัน
ผมกลับมาจ้องหน้าแกอีกครั้ง เราส่งสายตาให้กันและกันอย่างมีความหมาย...ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ...ตัดสินใจเผยอใบหน้า...ขึ้นไปประกบที่ริมฝีปากของพี่หมวดทันที...โอว์มันช่างเป็นเวลาที่แสนวิเศษอะไรขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สอดลิ้นเข้าไปพัวพัน แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ผมต้องการให้พี่หมวดได้ตัดสินใจสะที...
ผมประทับรอยจูบอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงถอนออกมา...เราจ้องมองกันอีกครั้ง...จนกระทั่งเจ้าแกะน้อยเริ่มสำแดงเดช เลือดหนุ่มเริ่มฉีดพล่านไปทั่วเรือนร่าง และผมก็รับรู้ว่าท่อนลำของพี่หมวดเองก็กำลังแข็งตัวขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมันแข็งเต็มที่พร้อมกับบดขยี้เจ้าแกะน้อยเข้าให้แล้ว...โอว์พี่หมวดครับ ในที่สุดผมก็หนีความรู้สึกที่มีกับพี่หมวดไม่พ้น...พี่หมวดเองก็เช่นกันใช่มั๊ยครับ

Friday, October 15, 2010

บทที่ 153 " เจ้าสาว...ของพี่หมวด ? "


บทที่ 153 “ เจ้าสาว...ของพี่หมวด ? ”

พี่หมวดขับรถมาทางด้านหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผมนึกว่าปลอดคนแล้ว เพราะรถช่วงนี้กำลังว่าง อีกอย่างผมหันหลังให้ทางโรงเรียน ซึ่งพี่หมวดขับมาทางด้านนี้พอดี ชมภู่ตะหากน่าจะเห็นรถพี่หมวดก่อน...ผมตกใจยืนนิ่งอยู่ ชมภู่เองยิ่งแย่กว่าผม เธอคงอายมาก หน้าแดงซ่าน แทบเอามือปิดหน้าเลยทีเดียว
พี่หมวดเดินออกจากรถ แกอยู่ในเครื่องแบบเต็มยศ ยิ่งทำให้ชมภู่กลัวไปใหญ่ เธอถอยกรูดมาแอบด้านหลังผม ตัวสั่นๆ เหมือนเจ้าเข้าทีเดียว
“พะ พี่หมวด มะ มันเป็นอุบัติเหตุครับ คะ คือ” ผมพยายามอธิบายละล่ำละลัก ...น่าแปลกที่ผมคิดว่าจะเห็นพี่หมวดหน้าบึ้ง กลับกลายเป็นว่า แกยิ้มกว้างทีเดียว
“อืม เหรอ เอ้า คงเป็นเจ้าเปลือกกล้วยนี่สิน่ะ ฮึ ฮึ” พี่หมวดก้มลงหยิบเปลือกกล้วยมาถือไว้ และเลยไปหยิบกระเป๋านักเรียนของชมภู่ที่วางอยู่ขึ้นมาด้วย
“ภู่ นี่พี่หมวด อะ เอ่อ พี่ยุทธ ผู้ปกครองเราน่ะ” ผมเอื้อมมือไปข้างหลัง ถือวิสาสะจับแขนชมภู่ แล้วบีบเบาๆ เพื่อให้เธอหายตกใจ ก่อนที่จะเบี่ยงตัว แนะนำพี่หมวดให้ชมภู่รู้จัก
“อุ๊ย ขอบคุณค่ะ” ชมภู่ไหว้พี่หมวด ก่อนที่จะรับกระเป๋ามาถือไว้อย่างประหม่า
“อืม คราวหน้าก็เดินระวังกันหน่อยก็แล้วกัน แย่จังใครทิ้งขยะไม่เป็นที่ ฮึ” พี่หมวดแกล้งเดินไปที่ถังขยะบริเวณต้นสะพาน ซึ่งเดินไปไม่กี่ก้าวเอง...แกคงไม่อยากให้ชมภู่เคอะเขินไปมากกว่านี้เป็นแน่ แกทิ้งเปลือกกล้วยในถังขยะ เสร็จแล้วแกก็เดินกลับมาพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“เอ้าขึ้นรถ เดี๋ยวพี่จะไปส่ง” พี่หมวดชวนชมภู่ขึ้นรถด้วย แต่จังหวะนั้น เจ๊จอยก็ขับมอเตอร์ไซค์สวนมาทางด้านขวามือพอดี เจ๊แกเลยเลี้ยวรถมาจอดข้างๆเรา
“หวัดดีค๊า หมวด มีอะไรรึเปล่าค่ะ” เจ๊จอยยกมือไหว้พี่หมวดนอบน้อม สายตานี่แพรวพราวเชียว...จริงๆแล้วอายุน่าจะเท่ากันน่ะเนี่ยะ แต่อย่างว่าแหละแกคงจะอยากประจ๋อประแจ๋กับผู้หมวดหนุ่มรูปหล่อตามสไตล์ของแกแหละ
“อืม เห็นเด็กๆเขาเดินอยู่ ผมเลยจะรับขึ้นรถน่ะครับ” พี่หมวดพูดยิ้มๆและดูขันๆกับอาการของเจ๊จอย ที่ตั้งใจขายขนมจีบเต็มที่
“วุ๊ย งั้นรับหนูไปแทนดีมั๊ยค่า อิอิ แบบว่าให้น้องๆเขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปกันเอง คิก คิก” เจ๊จอยจะเอาจริงแฮะ แกเล่นดับเครื่องมอเตอร์ไซค์เตรียมลงจากรถแหละ ถ้าชมภู่ไม่ีรีบห้ามไว้ก่อน
“เจ๊อ่ะ..อายเขา” ชมภู่รีบดันแกกลับไปประจำหน้าที่คนขับ และถือโอกาสล่ำลาพี่หมวดไปด้วย
“หนูไปก่อนน่ะค่ะ หวัดดีค่ะ” ชมภู่นั่งซ้อนท้ายมอตอร์ไซค์แล้ว รีบบอกเจ๊จอยให้สตาร์ทรถ
“แหมๆ ไปก่อนน่ะผู้หมวดสุดหล่อ บายค๊าพระเอกของเจ๊ คิกๆ” เจ๊จอยล่ำลาเราทั้งคู่เสร็จก็ขับรถออกไปด้วยความเสียดาย...
ผมกับพี่หมวดได้แต่อมยิ้ม จากนั้นเราก็ขึ้นรถ ...น่าแปลก ผมกับพี่หมวดไม่มีใครปริปากเลย ต่างคนต่างเงียบ ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง...ได้แต่หันหน้าออกนอกหน้าต่าง ส่วนนี้พี่หมวดดูขรึมมาก ตั้งอกตั้งใจขับรถ เลยไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่
“ไง เจ้าชู้จังน่ะเรา เล่นกอดสาวสุ่มสี่สุ่มห้า ระวังจะเจอดีเข้าสักวัน” นั่นคือคำแรกที่พี่หมวดเอ่ยขึ้นเมื่อเราเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว
“ก็ ผะ ผมบอกแล้วไงครับว่า เป็นอุบัติเหตุน่ะครับ” พูดเสร็จผมก็เดินเอากระเป๋าไปเก็บ ไม่อยากเผชิญหน้าพี่หมวด แต่พี่หมวดกลับเดินตามเข้ามาในห้องด้วย
“อุบัติเหตุ...กอดกันกลมเนี่ยะน่ะ” อ้าวพี่หมวดจะเอายังไงกันแน่ น้ำเสียงดูแปลกๆไงไม่รู้...จะมายุ่งกับเรื่องของผมทำไม ทีตัวเองยังไปเที่ยวผู้หญิงเลยนี่
“-------------” ผมเงียบครับ อารมณ์ตอนนี้ไม่อยากอธิบายอะไรมาก ผมเตรียมตัวไปอาบน้ำดีกว่า
“แกะ ฟังพี่ก่อนสิครับ” พี่หมวดเห็นผมเงียบ คงเข้าใจว่าผมไม่พอใจ แกเลยเข้ามาใกล้ๆมองหน้าผม
“ครับ พี่หมวด ผมขอตัวอาบน้ำก่อนน่ะครับ” ผมเดินหนีทันที หมู่ี้นี้เราสองคนดูห่างเหินกันมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อน จะว่าไปผมเป็นคนพยายามห่างๆแกออกมาเอง
ผมอาบน้ำออกมา เห็นพี่หมวดนั่งอยู่ที่โซฟากำลังมองมาที่ผม เหมือนอยากจะคุยด้วย ตอนนี้แกยังอยู่ในชุดตำรวจเหมือนเดิม ยกเว้นหมวกที่ถอดวางไว้ที่โต๊ะกลางโซฟา
ผมนุ่งกางเกงยีนส์เสื้อยืดชุดเก่ง เดินออกมาและกำลังเอาผ้าขนหนูไปตากที่ระเบียง
“แกะ พี่ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันน่ะครับ” พี่หมวดเดินมาแย่งผ้าขนหนู จากมือผมไปตากให้แทน
“คุยอะไรกันครับ” ผมจ้องหน้าแกไม่นาน ก็ต้องหลบหน้าไปทางอื่น มันคงเป็นเวลาที่สั้นมาก จนพี่หมวดรู้สึกได้ เพราะเมื่อก่อนผมจะจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของแก เป็นนานแสนนาน
“แกะ อ่ะ เ่อ่อ โกรธพี่หรือครับ”
“ผมจะโกรธพี่เรื่องอะไรครับ” พูดเสร็จผมก็เดินหนีมาที่ห้องรับแขก เดินไปเปิดตู้เย็น...พี่หมวดรีบเดินมาหยิบโค๊กกระป๋องแล้วเปิดให้
“ก็ อ่ะ เอ่อ เรื่องเมื่อกี้...” พี่หมวดหยุดพูด กลืนน้ำลายลงคอ
“โธ่ พี่หมวดครับ ผมบอกแล้วไงครับ ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ...อึก ๆ” ผมกระดกน้ำอัดลมสีดำลงคอ
“แต่ถึงจะไม่ใช่ มันก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือครับ” ผมยักไหล่ข้างหนึ่ง ด้วยความทรนง (ตอนนี้อยากย้อนเวลา กลับไปตบกระโหลกไอ้แกะสักป๊าป อิอิ)...คราวนี้เล่นเอาพี่หมวดสะอึก หน้าแดงระเรื่อ
“ใช่ มันไม่แปลกหรอก ถ้าหากว่ามันเป็นไปตามธรรมชาติ” พี่หมวดพูดกระชาก แล้วเดินไปนั่งกระแทกแรงๆที่เก้าอี้ ตรงโต๊ะกินข้าว
“พี่หมวดหมายความว่ายังไงครับ” ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัว รู้สึกฉุนขึ้นมาเล็กน้อย
“แกะ จะจีบสาวกี่คน พี่ไม่ว่า อย่าเดินกลับไปเส้นทางเดิมก็แล้วกัน”
“พี่หมวด!” ผมกระแทกกระป๋องโค้กลงที่โต๊ะ ด้วยความโกรธ
“ไม่ต้องมาขึ้นเสียง อย่าลืมว่าตอนนี้พี่เป็นผู้ปกครองของแกะ”
“พี่ดูถูกผม” ตอนนี้ผมลุกขึ้นจะเดินหนีเข้าไปในห้องนอน
“แกะ แกะ เดี๋ยวๆ” พี่หมวดวิ่งตามมาดึงแขนผมเอาไว้ ที่หน้าประตู
“ใจเย็นๆครับ อ่ะ เ่อ่อ พะ พี่ ไม่ได้ตั้งใจ” ผมไม่สนใจคำแก้ตัวของพี่หมวด อยากจะเดินหนี...พี่หมวดน่ะพี่หมวด ผมอุตส่าห์รัก และนับถือ ทำไมมาหักหาญน้ำใจกันได้...ตอนนี้มันทั้งเจ็บ ทั้งแค้น แค้นจนน้ำตาแทบไหล
“อืม แกะครับ พี่รักแกะน่ะครับ” ตอนนี้แหละที่ผมเริ่มมีสติ ถ้าพี่หมวดไม่รักเรา และไม่ปราถนาดีต่อเรา แกจะเสียเวลามาฝึกฝนเราทำไมกัน...พี่หมวดดึงแขนผมกลับไปนั่งที่โซฟา
“แกะครับ พี่ดีใจที่แกะเปลี่ยนแปลง อ่ะ เ่อ่อ ไม่ยึดติดกับเรื่องเจ้าดำ ....แกะคงลืมเรื่องเหล่านั้นไปแล้วใช่มั๊ยครับ” พี่หมวดหยุดถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อว่า
“ตอนนี้แกะอายุยังน้อย เรื่องสาวๆน่ะจะมีสักกี่คนก็ได้น่ะ...แต่ให้คิดถึงอนาคต ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนน่ะครับ” ผมนั่งก้มหน้าตั้งใจฟัง อย่างสงบ
“ต่อไปแกะต้องแต่งงาน มีครอบครัว ต้องมีความรับผิดชอบ อืม แล้วเรื่องที่สัญญากับ กรกนกล่ะครับ จะว่ายังไง หือ” จริงสิน่ะ กรกนกคงจะได้รับการ์ดวาเลนไทน์จากผมแล้ว...ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างน่ะ.... นี่พี่หมวดกำลังเตือนสติผมอยู่ใช่มั๊ยครับ
“พี่หมวดครับ แล้วพี่หมวดจะแต่งงานเมื่อไหร่ครับ” อยู่ๆผมก็ถามโพล่งขึ้นมาเฉยๆ...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจเป็นไปได้ว่า อยากเห็นพี่หมวดเป็นต้นแบบกระมัง...เพราะความรู้สึกแบบนั้นกับพี่หมวด อาจจะเลือนลางไปแล้วจริงๆ
“โอ๊ย เจ้าสาวพี่ยังไม่เกิดเลยครับ ฮึ ฮึ” พี่หมวดหัวเราะกลบเกลื่อน
“อ้าว แล้วนางพยาบาล ที่ชื่อพี่ทรายล่ะครับ” ผมจ้องหน้าพี่หมวดเขม็ง
“แกะ ไปฟังข่าวลือมาจากไหนฮึ” พี่หมวดขยี้ศีรษะผมเบาๆ ความรู้สึกคุ้นเคยเริ่มกลับมา แต่อย่างว่าแหละมันน่าจะเป็นแบบพี่ชายน้องชายมากกว่า
“ไหนจะพี่โรสอีกล่ะ” ผมแกล้งกระเซ้าต่อ ตอนนี้แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่คิดอะไรกับพี่หมวดอีก
“เรื่องโรสน่ะ ตัดไปเลย ฮ่ะ ฮ่ะ ก็ไอ้จักรมันจีบอยู่ไง ฮึ ฮึ”
“งั้น พี่ทรายนี่ตัวจริง ใช่มั๊ยครับ” บอกมาเถอะพี่หมวด ตอนนี้ผมทำใจได้แล้ว
“เฮ้อ! แป๊บหนึ่ง” พี่หมวดเดินเข้าห้องนอน ผมสงสัยจึงเดินตามพี่หมวดไป
พี่หมวดกำลังไขกุญแจที่ตู้เอกสาร อ๋อ ตู้นี่เองที่ผมพยายามเปิดแล้ว เปิดไม่ได้เมื่อคราวก่อน
“เอ้า ดูนี่ แล้วจะเข้าใจ” พี่หมวดยื่นอัลบั้มเก่าๆอัลบั้มนั้น อัลบั้มที่มีรูปพี่เก้งอยู่ข้างใน
“ผมเคยดูแล้วนี่ครับ รูปพี่เก้งพี่หมวดตอนหนุ่มๆ อิอิ” ผมพลิกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกือบๆหน้าสุดท้าย...พี่เก้งถ่ายภาพคู่กับพยาบาลสาวคนหนึ่ง หน้าใสๆ สวยทีเดียว ถึงแม้ว่าใบหน้านั้นจะดูเหมือนสาวแรกรุ่น แต่ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับพี่พยาบาลคนนั้น คนที่ผมเจอที่โรงบาลเมื่อวันก่อน
“พี่พยาบาลคนนี้นี่ครับ ผมเคยเจออ่ะครับ” ผมหันไปมองหน้าพี่หมวด
“นั่นล่ะ ทราย แฟนไอ้เก้งมัน”

Friday, October 8, 2010

บทที่ 152 " อดีตรัก...และนักร้องสาว "


บทที่ 152 “ อดีตรัก และนักร้องสาว ”

หลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่หมวด แทบจะไม่เหลือเค้าของคนที่มีใจให้กันและกันอีกเลย...การแสดงออกระหว่างเรา กลับกลายเป็นเพียงพี่ชายกับน้องชายธรรมดาๆเท่านั้น...ผมยังคงฝึกฝนตามตารางที่พี่หมวดให้มา บางครั้งที่พี่หมวดไม่ว่าง แกก็ให้พี่เข้มมาฝึกให้ บางครั้งผมยังได้ฝึกกับจ่ามิตร พ่อของไอ้โชค อีกด้วย
เหตุการณ์ภายในโรงเรียนปรกติ พี่ดำยังคงยุ่งในการเตรียมทีมฟุตบอลให้โรงเรียน ผมจะเห็นแกบ้างในตอนเย็นที่สนามฟุตบอล งานนี้ไอ้จุ๊และไอ้ม้วนเตรียมตัวคัดเลือกเข้าทีมกับเขาด้วย พี่โก้เองก็ยุ่งเรื่องทีมนักมวยเหมือนกัน เพราะขาดแกไปแล้วคงไม่มีใครเป็นตัวหลักของทีมได้ เห็นอาจารย์วิชาญบ่นๆเรื่องนี้อยู่ ส่วนน้องข้าวฟ่างยังไม่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการเรื่องที่จะเข้ามาฝึกมวย เพราะทางโรงเรียนจะจัดการตั้งมวยสากลเป็นชมรมขึ้น แบบเป็นเรื่องเป็นราว ในเทอมต่อไป
และสิ่งที่พิเศษในวันสุดท้ายของสัปดาห์นี้ก็คือ ทางโรงเรียนเตรียมจัดงานแสดงเพื่อเลี้ยงอำลา ผ.อ. และถือโอกาสให้รุ่นพี่ม.6 ได้แสดงกิจกรรมบนเวทีก่อนจบการศึกษาด้วย งานนี้ผมโดนเรียกตัวไปเทสเสียง 55555+ เพื่อร้องเพลงคู่กับชมภู่ ตอนแรกว่าจะไม่ไป แต่อาจารย์วิรัช (อาจารย์ประจำห้องโสต และสอนดนตรี) มาตามถึงห้องเรียน ก็เลยขัดไม่ได้
ผมซ้อมร้องเพลงกับชมภู่ ในตอนเลิกเรียนประมาณเกือบๆสี่โมงเย็น โดยอาจารย์วิรัชเล่นอิเลคโทนเป็นเสียงดนตรีประกอบ ก็เป็นเพลงคู่รวมดาวน่ะแหละ
“เห็นได้ข่าวว่าเสียงดี ครูเลยอยากเทสเสียงเธอดูหน่อย อ้าวเริ่มเลย” อาจารย์วิรัชให้ผมเริ่มร้องเพลง นกเขาคู่รัก
“โน่นแนะนกเขาคู จุ๊ก จุ๊กกรู นกมันเฝ้าคู หาชู้มัน” ผมเริ่มร้องก่อน เอาล่ะคราวนี้เป็นคราวของชมภู่ล่ะ
“โถ โก่งคอทำเสียงหวาน หวาน...”
“พอๆ เสียงเข้ากันไม่ได้ เสียงนายแกะต่ำไป ชมภู่สูงไป เอาใหม่ๆ” อาจารย์ดุเชียว คงคาดหวังอะไรในตัวผมสูงเกินไปรึเปล่า อิอิอิ
เราซ้อมร้องเพลงไปเรื่อยๆ ตอนแรกว่าจะซ้อมแค่สามสิบนาที แต่อาจารย์วิรัชกลับให้เราร้องเพลงกลับไปกลับมา หลายต่อหลายรอบ จนกว่าอาจารย์จะพอใจ
“อืมๆ เสียงเข้ากันได้ดีแล้ว” อาจารย์วิรัชอมยิ้ม พยักหน้าด้วยความพอใจในระดับหนึ่ง
“เออ ชมภู่ ผู้ปกครองมารับกี่โมงล่ะ” อาจารย์หันไปถามชมภู่ เพราะตอนนี้ในห้องโสตมีเราแค่สามคนเท่านั้น และเวลาผ่านไปห้าโมงเย็นแล้ว
“อ๋อ วันนี้หนูบอกทางบ้านให้มารับเวลานี้แหละค่ะ ป่านนี้คงมารอแล้วค่ะ”
“อืม ครูขออีกเพลงน่ะ อยากลองเสียงนายแกะอีกสักครั้ง” แกหันหน้ามาทางผม แล้วพูดต่อว่า
“นายแกะคงไม่มีปัญหาตอนกลับน่ะ บ้านอยู่แค่นี่เอง ฮึ ฮึ” จริงๆแล้วบ้านอาจารย์วิรัชก็อยู่ในตัวตลาดนั่นแหละ และแกรู้ดีว่า ตอนนี้ผมพักอยู่กับพี่หมวด
“ครับ ไม่มีปัญหาครับ”
“อ้าว งั้นเริ่มเลย เอาเพลงนี่น่ะ” พออาจารย์เอาเนื้อเพลงมาให้ ผมถึงกับตกตลึงไปชั่วขณะ เพราะเพลงนั้นก็คือ...
อาจารย์เริ่มบรรเลงอิเลคโทนเสียงเจื้อยแจ้ว ชมภู่ตั้งใจร้องด้วยเสียงหวาน ไพเราะจับใจ
“โอ...มลุลี ร่มนี้มืดมน...ช้ำเหลือทน อับจนหัวใจ ต้องพรากรักไป ภายใต้ร่มไม้ของเจ้านี้”
“--------------” ผมเงียบ เพราะว่าเพลงนี้...มันเป็นเพลง...เพลงที่มันช่างมีเนื้อร้องและทำนองใกล้เคียงกับวันนั้น... วันที่ผมกับพี่ดำ พี่ชายที่รัก ตกลงใจที่จะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง...ในคืนแรกที่เรามีอะไรกัน....
“อ้าว นายแกะ เป็นไรไปล่ะ ทำไมไม่ร้อง” อาจารย์วิรัชหยุดเล่นดนตรี เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย
“แกะ ภู่ว่าแกะร้องได้น่ะ เพลงอื่นๆยังร้องได้เลย เป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ” ชมภู่เองก็สงสัยอยู่ไม่ใช่น้อย...
“เอ๊า เร็วนายแกะ เดี๋ยวชมภู่ต้องรีบกลับบ้าน” ตอนนี้แหละสติผมถึงกลับคืน
“ขอโทษครับอาจารย์ ลองใหม่น่ะครับ” อาจารย์ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ว่าอะไร แกเริ่มบรรเลงดนตรีต่อ ชมภู่ก็เริ่มขยับเสียง
“โอ...มลุลี ร่มนี้มืดมน......” คราวนี้ผมคงต้องตัดสิ่งที่รบกวนออกไปแล้วสิน่ะ
“ลืม...รักที่หลั่งลงฝังกับใจ ฝังฝากให้ใต้ร่มมลุลี จงลืมรักพี่ อย่ามีฤดีอาลัยต่อกัน” ในขณะที่ร้องไป ภาพของพี่ชายที่รักก็กลับมา ปรากฏหลอกหลอนอยู่เรื่อยๆ จนทำให้ผมมีอารมณ์คล้อยตาม ทำให้อินในการร้องเพลง...เพลงนี้เหลือเกิน...น้ำตาจะไหลให้ได้...
“โอ...รักที่ผ่านดังฝันชั่วคืน”
“ครั้น...พอตื่นกลับคืนหายไป”
“โธ่ อย่าร้องไห้ พลอยให้ดวงใจพี่ร้าวระทม” พี่ดำครับ ผมคิดถึงพี่ครับ ฮือ ฮือ ทำไมเราต้องพรากจากกันด้วย...ผมได้แต่คิดอยู่ในใจ ไม่สามารถพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาได้...และแล้ววรรคสุดท้ายที่เราสองคนต้องร้องพร้อมกันก็มาถึง
“ร่ม...มลุลีเป็นที่สุดท้าย แห่งจุดหมายน้องพี่ มลุลีเห็นใจน้องพี่ ว่าสิ้นคืนนี้ น้องพี่สิ้นกัน” พี่ดำครับ และเราสองคนก็สิ้นสุดความรักของกันและกันจริงๆแล้วใช่มั๊ยครับ...เศร้า
“แป๊ะๆ...เก่งมาก มันต้องอย่างนี้สิ อืมเพลงนี้ร้องได้ดีจริงๆ ครูขอชม” อาจารย์วิรัชปรบมือให้ด้วยความชื่นชม
“ขอบคุณค่ะ ต้องยกความดีให้แกะน่ะค่ะ เพลงนี้ร้องได้เยี่ยมจริงๆค่ะ” จังหวะที่ชมภู่หันหน้าไปขอบคุณอาจารย์ ...ผมหันหลังแอบใช้ฝ่ามือปาดน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นออกมาเล็กน้อย...
“อ้าว นายแกะ เป็นอะไรอีกล่ะ” อาจารย์เห็นผมเงียบๆ ผมเลยต้องรีบตอบ
“ปะ เปล่าครับ รู้สึกจะหิวๆน่ะครับ”
“อ๋อ งั้นก็กลับบ้านกันได้ ขอบใจน่ะทั้งสองคน” ผมและชมภู่ล่ำลาอาจารย์แล้วเดินออกมานอกห้อง....ทราบมั๊ยครับพี่น้องว่าผมเจอใครอยู่ที่ประตู
“พะ พี่ดำ” พี่ดำั่นั่นเอง แกคงเลิกจากซ้อมบอลล์ และคงทราบเรื่องที่ผมมาซ้อมร้องเพลง เลยมาดักรอผม เห็นหน้าแดงๆ น้ำตาซึมเชียว
“หวัดดีค่ะ พี่เอก มารอแกะหรือค่ะ” ชมภู่ยกมือไหว้ คงจะงงเล็กน้อยที่เห็นอาการของพี่ดำ
“หวัดดีจ๊ะ อ่ะ เ่อ่อ เมื่อกี้ผงมันเข้าตาน่ะ แย่จัง” พี่ดำกลบเกลื่อน ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาขยี้ตาเบาๆ
“ภู่ไปก่อนน่ะค่ะ ป่านนี้รถรอแย่แล้ว” ชมภู่เดินลงบันไดไปก่อนและวิ่งจ้ำอ้าวไปทางประตูโรงเรียน
เหมือนภาพสโลว์โมชั่น ผมกับพี่ดำจ้องหน้ากันและกัน ...น้ำตาซึมทั้งคู่...ไม่น่ะพี่ดำ พี่กับพี่กวางเป็นคู่รักกันน่ะดีแล้ว อย่ามาทำผมหวั่นไหวอีกเลยครับ ฮือ ฮือ
พี่ดำเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง ก็พอดีอาจารย์วิรัชเดินออกมา
“อ้าว นายเอก มารอน้องชายเหรอ” อาจารย์ทักพี่ดำ แล้วปิดประตูห้องโสตใส่กุญแจ
“เ่อ่อ ครับๆ” พี่ดำรับคำอาจารย์ไปตามเรื่อง และเราสามคนเดินลงบันไดมาด้วยกัน พี่ดำคุยกับอาจารย์เรื่องสัพเพเหระ จนมาถึงหน้าอาคาร บริเวณที่จอดรถน่ะแหละ อาจารย์ถึงแยกไปเอารถมอเตอร์ไซค์ขับออกไป พี่ดำถึงเริ่มเปิดปากคุยกับผม
“ร้องเพลง อ่ะ เอ่อ เพราะจังเลยน่ะครับ” พี่ดำเสียงสั่นๆเล็กน้อย แกหยุดอยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์ของแกที่จอดอยู่
“ก็งั้นๆแหละครับ” ผมจะก้าวท้าวเดินหนี ไม่อยากให้แกเห็นน้ำตาที่กำลังจะไหล เอาอีกแล้วกูเฮ้อ...ตัดใจจากพี่ดำไปแล้วน่ะเนี่ยะ เวรกรรม
“ดะ เดี๋ยวก่อนแกะ” พี่ดำดึงแขนผมไว้ ผมหันหน้าไปทางอื่น อย่าน่ะ เจ้าน้ำตา อย่าไหลออกมาเด็ดขาด
“เพลงนี้ พี่ชอบจังเลยครับ ความหมายดีด้วย” พี่ดำเดินตามมาประกบ เสียงนุ่มๆ อ้อนๆ และแฝงไปด้วยความรู้สึก...รู้สึกเหมือนกับว่า เสียงของคนที่กำลังถวิลหาคนรัก
“ครับ ผมก็ชอบ” ไม่รู้จะตอบอะไรดี พี่ดำขยับเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น เหมือนกับจะเข้ามาโอบเอว ตอนนี้แหละที่ความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีเริ่มกลับมา ผมหายใจลึกๆเข้าปอด เบี่ยงกายหลบ
“อ่ะ เ่อ่อ พี่ดำครับ ไม่รีบกลับบ้านล่ะครับ ป่านนี้พี่กวางเป็นห่วงแย่” ได้ผล พี่ดำ ชงักกึก ยืนตัวแข็งทื่อ สักพักหนึ่งแกเหมือนจะตั้งสติได้ จึงพูดขึ้นว่า
“แกะจะกลับบ้านพร้อมพี่ รึเปล่าครับ” ก็น่าแปลกที่เสียงแกกลับมาเป็นปรกติ คงเป็นเพราะผมเอ่ยชื่อพี่กวางออกมาล่ะสิ
“อืม อย่าดีกว่าครับ พอดี พี่หมวดคงไปส่งน่ะครับ” ผมพยายามปฏิเสธ ไม่อยากใกล้ชิดพี่ดำอีก แค่ร้องเพลงเมื่อกี้ ก็แทบแย่แล้ว
“งั้น ให้พี่ไปส่งที่แฟลตน่ะครับ”
ผมยังไม่ทันตอบ พอดีอาจารย์นิตยาเดินมาที่เราสองคน
“นี่นายเอก ครูรบกวนไปตามอาจารย์บุปผา (สอนภาษาอังกฤษ) ที่บ้านพักครูให้หน่อยสิจ๊ะ บอกว่าครูรออยู่น่ะจ๊ะ"
“อ่ะ ได้ครับ” พี่ดำมองหน้าผมนิดหนึ่ง แต่ขัดอาจารย์ไม่ได้ก็เลยจัดการไปทำธุระให้ ผมกับอาจารย์นิตยาเดินคุยกันมาที่หน้าประตูทางออกของโรงเรียน
“นี่นายแกะ ผู้ปกครองของเธออ่ะ เขามีแฟนแล้วนี่” อาจารย์บ่นกระเง้ากระงอด เพราะปรกติผมจะแซวแกเล่นบ่อยๆ เรื่องพี่หมวดกับแก
“อ้าว ใครล่ะครับ ผมไม่ยักกะทราบ” ตอนนี้ผมไม่ค่อยสนใจแล้วว่าพี่หมวดจะมีแฟนเป็นพี่โรส พี่ทราย หรือ หลายๆคน
“ต๊าย มานี่เลย มาให้ครูหยิกสักที นี่แนะ” แกหยิกผมเล่นๆ ด้วยความหมั่นไส้แล้วพูดต่อว่า
“ก็นางพยาบาลที่อยู่ตรงข้ามโรงเรียนเรานั่นไง หนอยอย่ามาแก้ตัวให้กันนะ พวกจอมกะล่อน” อาจารย์ทำท่าจะหยิกผมอีก จนผมต้องรีบถอยออกห่าง
“อาจารย์ ใจเย็นๆครับ ผมไม่ทราบจริงๆครับ”
“ย่ะ เชื่อตายล่ะ ใครๆเขาก็รู้ทั้งนั้นแหละ อย่ามาอำครูเลย” แล้วอาจารย์ก็เล่าให้ฟังว่า เห็นพี่หมวดไปป้วนเปี้ยนอยู่ในโรงบาลบ่อยๆ และแกเคยเห็นพี่ทรายแล้วด้วย ผมก็ได้แต่รับฟังและปลงๆ อืม พี่หมวดคงตกลงปลงใจกับพี่ทรายคนนี้แน่แล้ว มีหลายคนพูดมาแบบนี้ คงจะเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ
พี่ดำกลับมาบอกว่าอาจารย์บุปผาขับมอเตอร์ไซค์ออกไปที่ตลาดแล้ว น่าจะมีนัดกันที่นั่น อาจารย์นิตยาบ่นเล็กน้อยและในที่สุดพี่ดำก็เลยขับรถไปส่งแก ส่วนผมเดินกลับได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา
ผมเดินเล่นไปเรื่อยๆตามถนน มองเห็นพี่ดำกับอาจารย์นิตยาจอดรถแวะทักทายนักเรียนหญิงคนหนึ่งอยู่ไกลๆ บนถนนที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ (เป็นบริเวณจุดสิ้นสุดของแม่น้ำก่อนไหลลงไปรวมกันที่อ่างเก็บน้ำอีกที) เห็นพวกเขาหันมามองทางผม แล้วพี่ดำก็ขับรถจากไป แต่นักเรียนหญิงคนนั้นกับหยุดรอผม เมื่อเดินไปถึงกลับกลายเป็นชมภู่ไปสะฉิบ
“อ้าว ชมภู่ ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ” ผมเอ่ยถามทันทีด้วยความประหลาดใจ เพราะเห็นว่าชมภู่ออกมาก่อนหน้าผมสักครู่ใหญ่ๆ บ้านชมภู่อยู่ห่างออกไปห้ากิโล ปรกติทางบ้านจะขับรถมารับ
“ภู่โทรกลับบ้านแล้ว เห็นบอกรถเสีย ภู่เลยจะไปรอที่บ้านเจ๊จอยน่ะจ๊ะ”
“อ๋อ งั้นเหรอ เดี๋ยวเราเดินไปเป็นเพื่อนน่ะ”
“ขอบใจจ๊ะ” ชมภู่กับผมเดินไปด้วยกัน และคุยกันถูกคอเป็นอย่างมาก ชมภู่ชอบที่ผมร้องเพลงคู่กับเธอได้ดี
“แกะ ดูนั่นสิ นกนั่นน่ะ สวยจัง” ผมมองไปใต้สะพาน ใกล้ๆกับกอผักตบชวา มีนกสีขาวตัวใหญ่ๆ (น่าจะเป็นนกกระยาง) กำลังเดินไปเดินมาหาอาหารอยู่
“อืม ปรกติก็ไม่ค่อยเห็นน่ะ แปลกดี”
“อ้าว หายไปแล้วอ่ะ หายไปทางไหน แกะเห็นมั๊ยจ๊ะ...ว๊าย!” ชมภู่มัวแต่ตามหานกตัวนั้นเพลิน จนเหยียบเปลือกกล้วยลื่นถลาจะล้ม ผมรีบรับร่างของเธอไว้...เลยทำให้เราสองคนกอดกันโดยบังเอิญ
“อุ๊บ!” ผมตกใจประคองกอดเธอ ทำให้หน้าอกหน้าใจของเธอบดเบียดกับหน้าอกของผมเต็มๆ แถมกระเป๋าสะพายของผมดันไพล่ไปอยู่ข้างหลังอย่างเป็นใจ อิอิ
“อุ๊ย! ชมภู่ทำกระเป๋านักเรียนหลุดมือเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้มือทั้งสองข้างของเธอก็กำลังกอดด้านหลังของผมแนบแน่น
มันมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ผมและชมภู่ อยู่ในสภาพตระคองกอดกันค้างอยู่
“ปิ๊บ ปิ๊บ” เสียงแตรรถที่ดังอยู่ข้างๆทำให้เราสองคนผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว
ผมหันไปดูด้านขวามือ ถึงรู้ว่าเป็นรถของ...
“พี่หมวด!”

Monday, October 4, 2010

บทที่ 151 " จำต้องตัดใจ...จากพี่หมวด "


บทที่ 151 “ จำต้องตัดใจ...จากพี่หมวด ”

“ตกใจ อารายกัน เอือก” อ้าวพี่หมวดกำลังเมานี่ ตาแกจะหลับมิหลับแหล่ ร่างกายยืนโอนเอนไปมา กลิ่นเหล้านี่หึ่งออกมาเชียว
“อ้าว พี่หมวดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” ผมทำใจดีสู้เสือ หวังว่าแกคงเมาจัด แล้วไม่คิดว่าผมกับไอ้โจจะมีอะไรกัน
“เือือก อืม แกะ พี่ขอโทษ พี่เมาครับ อะ เอือก” พี่หมวดทำท่าจะอ๊วก แกเลยเดินสโลสเล ออกไป ผมทำท่าจะลุกตาม แต่ไอ้โจดึงข้อมือไว้
“เฮ้ยๆ เรากำลังโป๊กันอยู่น่ะ” จริงสิ ไอ้โจพูดถูก ขืนลุกออกไปตอนนี้มีหวังจบเห่ ผมเลยปล่อยให้พี่หมวดเดินออกนอกประตูไป
“อ้าวๆ ไอ้ยุทธ มึงจะอ๊วกเรอะ ไปๆ ไปที่ห้องน้ำ” คงจะเป็นเสียงพี่จักรแหละ ก็ดีที่แกพาพี่หมวดไปห้องน้ำ ผมกับไอ้โจเลยรีบเผ่นลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้า
ไอ้โจกลับไปใส่กางเกงยีนส์เสื้อยืดแขนยาว ของมันที่แขวนไว้ ส่วนผมใส่กางเกงขาสั้น และเสื้อยืดอย่างลวกๆ
“ตายล่ะ พี่ยุทธจะเข้าใจว่ายังไงเนี่ยะ...ทำไมกลับเร็วจัง” เสียงไอ้โจบ่นพึมพำ
“อุตส่าห์เคลียร์ทุกอย่างแล้วน่ะ ดันลืมนุ่งกางเกงก่อน.. ชิบ... แถมเรายังกอดกันอีก เฮ้อ!” ไอ้โจบ่นต่อ ไอ้โจนี่มันก็รอบคอบในระดับหนึ่งเพราะมันเก็บหลักฐาน เช่นผ้าขนหนู เสื้อผ้าที่ใส่เมื่อตอนหัวค่ำ เรียบร้อยแล้ว แต่มันดันลืมไปอย่างคือ ไม่นุ่งกางเกงให้เรียบร้อยก่อนนอน คงจะกอดผมเพลินจัดจนหลับไปน่ะสิ อิอิ
ผมเหลือบไปดูนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ตีสองพอดี ใช่สิมาเร็วอย่างที่ไอ้โจว่าจริงๆ ไหนบอกว่าจะกลับใกล้สว่างไง อีกอย่างผมลืมตั้งนาฬิกาปลุก เพื่อไปวิ่งตอนตีห้าครึ่งอีกด้วย แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ออกไปเผชิญหน้ากับพี่หมวดข้างนอกก่อน
“ใจเย็นๆน่า พี่หมวดแกเมา แกคงไม่คิดอะไรหรอก” ผมปลอบใจไอ้โจ แต่ดูเหมือนไอ้โจจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
ผมและไอ้โจค่อยๆเดินออกไป ดูไอ้โจสั่นๆ ส่วนผมเฉยๆ ลองพี่หมวดเมาแบบนี้ มีข้อแก้ตัวได้สบายอยู่แล้ว 555555+
“อ้าวๆ นี่น่ะเรอะ พระเอก เฮ้ย ใช้ได้นี่นา” หนุ่มหล่อคนหนึ่งสูงประมาณ 180 อยู่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตแขนยาว ผิวขาวแต่ไม่ขาวซีด อายุราวๆพี่หมวด หน้าตาคล้ายๆไอ้โจ แต่หล่อคมเข้มกว่า กล้ามเนื้อไม่เยอะเหมือนพี่หมวด แต่ดูแมนๆทะมัดทะแมง ...ตอนนี้แกกำลังพยุงพี่หมวดออกมาจากห้องน้ำ แต่มีกะใจยิ้มทักทายผม
“แกะ นี่พี่จักร พี่ชายเรา” ไอ้โจแนะนำทันที
“สวัสดีครับ มาครับเดี๋ยวผมพยุงพี่หมวดเองครับ” ผมรีบเอาแขนข้างหนึ่งของพี่หมวดมาพาดบ่าของผม แล้วใช้มือขวากอดเอวพยุงแกเข้าห้องนอน ตัวหนักชิบ แต่ผมก็พาแกมานอนที่เตียงได้ก็แล้วกัน
“แกะ พี่เมาครับ เือือก” พี่หมวดมีกะใจบอกผมอีกแน่ะ ...หมดสภาพจริงๆพี่หมวดสุดเท่ห์ของผม ทั้งกลิ่นเหล้า กลิ่นน้ำหอมผู้หญิง และนั่นรอยลิปสติกสีแดงที่ติดตามเสื้อ อีกสองสามที่ เฮ้อ พี่หมวดน่ะพี่หมวด...
“เมาก็นอนน่ะครับพี่หมวด” ผมจัดการห่มผ้าให้พี่หมวดเสร็จ ก็หันมาเจอพี่จักรยืนส่ายหน้าอยู่ด้านหลัง ด้วยความระอา ส่วนไอ้โจยืนอยู่ห่างๆ
“ดูแลมันหน่อยน่ะ ไม่รู้มันเป็นอะไร กินเหล้ายังกะกินน้ำ ทำยังกะคนอกหักไปได้” ผมสะดุ้ง...อกหัก พี่หมวดอกหักงั้นหรือ... นี่พี่จักรหมายความว่ายังไงอ่ะครับ
“ขอบคุณน่ะครับ พี่หมวด อ่ะ เ่อ่อ หมวดจักร” ผมไม่รู้จะเรียกแกยังไงดี จะเรียกตามยศหรือจะเรียกชื่อเฉยๆดีหว่า
“เรียกพี่ว่า พี่จักรก็ได้ ฮ่ะ ฮ่ะ กันเอง ไอ้น้อง กันเอง ฮ่ะ ฮ่ะ” พี่จักรตบหัวผมเบาๆ แหมกันเองจริงๆน่ะครับ เพ่....ผมปิดไฟห้องพี่หมวดแล้วเราสามคนก็เดินออกมาข้างนอกที่ห้องรับแขก พี่จักรกับไอ้โจนั่งลงที่โซฟาตัวหนึ่ง พี่จักรหิวน้ำผมเลยลุกไปเอาแก้วน้ำมาให้
“ไปเที่ยวมาสนุกมั๊ยครับพี่ ฮึ ฮึ” ผมยื่นแก้วน้ำให้พี่จักรแล้วก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม อยากจะถามพี่จักรเหลือเกินว่า ทำไมพี่หมวดถึงเมามากมายขนาดนี้ แล้วเรื่องที่ว่าอกหัก มันหมายถึงอะไรกัน
“ฮ่ะ ฮ่ะ สุดยอดเลยไอ้น้อง เด็กใหม่ๆสดๆทั้งนั้น นี่ถ้าพวกน้องจบม.6 แล้วพี่จะพาไปเที่ยว ฮ่ะ ฮ่ะ” แกดื่มน้ำรวดเดียวทั้งแก้ว
“ครับผม ฮ่ะ ฮ่ะ” ผมพลอยหัวเราะตาม แต่ไอ้โจนั่งเงียบกริบ
“เห็นไอ้ยุทธ มันพูดถึงเราไม่ขาดปาก อยากเป็นตำรวจหรือเราอ่ะ”
“ครับ”
“ฮ่ะ ฮ่ะ รักจะเป็นตำรวจมันต้องลุย ไอ้น้อง เรื่องผู้หญิงผู้หยัง อย่าให้พลาด ฮึ ฮึ” พี่จักรนี่แกก็อารมณ์ดี ท่าทางสนุกสนานดี ไม่ขี้เก๊ก เหมือนพี่หมวด เลยรู้สึกว่าเวลาคุยกับแกแล้วสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไอ้โจนี่พี่ก็อยากให้มันเป็นตำรวจ แต่ท่าทางจะเข็นไม่ขึ้นแล้ว” พี่จักรหันไปทางไอ้โจ
“ไม่เอาล่ะ ผมไม่อยากเป็นครับ” ไอ้โจสอดขึ้นมาบ้าง
“อ้าว ดูอย่างแกะสิ ยังอยากเป็นตำรวจเลย ดีออกจะได้เป็นคู่หูกันต่อไป”
“ผมอยากเป็นแพทย์ครับ เป็นตำรวจแล้วเจ้าชู้เหมือนพี่ ผมไม่เป็นดีกว่า”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ดูมัน เอาๆ อยากเป็นอะไรก็ตามใจ ตั้งใจเรียนก็แล้วกัน” พี่จักรยืนขึ้น และไอ้โจก็ลุกขึ้นบ้าง คงจะกลับกันแล้ว
“พี่จักรครับ พี่หมวดไปเที่ยว อ่ะ เ่อ่อ แบบนี้บ่อยมั๊ยครับ” เอาเข้าไปกู ไหนว่าทำใจแล้วไง ยังจะมีหน้าอยากรู้เรื่องพี่หมวดอีก
“ปรกติ มันก็ไม่ค่อยไปน่ะ นานๆที แต่วันนี้ไม่รู้มันครื้มอกครื้มใจอะไร ชวนพี่เหย็งๆตั้งแต่หัวค่ำ”
“อ่ะครับ” ผมกลืนน้ำลายลงคอ ในที่สุดพี่หมวดก็เหมือนตำรวจทั่วๆไปน่ะแหละ เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่มีอะไรพิเศษที่ผมจะปักใจหลงรักได้อีกแล้ว
“วันนี้มันคงเป็นบ้าไปแล้ว ทั้งสุรานารี พี่แกมั่วไปหมด” นั่นน่ะสิ ดูๆพี่จักรเองก็ไม่เห็นจะมีอาการมึนเมาเลยแม้แต่นิดเดียว แสดงว่าแกคงดื่มเหล้าไม่มาก..พี่จักรหยุดพูดนิดหนึ่งก่อนที่แกจะพูดต่อว่า
“เหมือนกับว่ามันประชดอะไรสักอย่าง จะว่าอกหักจากหญิงก็ไม่น่าจะใช่”
“ทำไมล่ะครับ” โอยตอนนี้ผมอยากรู้ใจจะขาดแล้ว
“ถ้าจะคิดว่ามันหวงก้างที่พี่จะมาจีบน้องสาวสารวัตรรุจน์ ก็ไม่รู้จะหวงไปทำไม ในเมื่อมันมีแฟนเป็นนางพยาบาลอยู่ทั้งคน” คราวนี้ผมขนลุกซู่เลย แต่ไม่ทันได้ซักไซ้อะไรต่อ เพราะพี่จักรตัดบทขึ้นมาก่อน
“พี่กลับก่อนดีกว่า ดึกแล้ว แกะจะได้นอนต่อ บอกลาไอ้ยุทธมันด้วยน่ะ”
“ครับ หวัดดีครับ ” พี่จักรใส่รองเท้าแล้วเดินออกไป แต่ไอ้โจแกล้งใส่รองเท้าช้าๆ เพราะว่า
“จุ๊บ!” มันหอมแก้มผมครับ อิอิ
“แล้วเราจะมาหาเรื่อยๆน่ะ บาย”
“บายโจ” ผมส่งจูบให้มันทีหนึ่ง
หลังจากที่พี่จักรและไอ้โจกลับไปแล้ว ผมเดินเข้าไปดูพี่หมวด เห็นนอนหลับกรนครอกฟี้ๆเสียงดังเชียว คงจะมีความสุขมากล่ะสิน่ะ ไปเริงร่ากับหญิงบริการมา เฮ้อ ! ตกลงพี่หมวดเป็นอะไรกันแน่ หึงหวงพี่โรสงั้นเหรอ พอกันทีน่ะพี่หมวด
ในความรู้สึกตอนนี้ผมกลับคิดว่า พี่หมวดเป็นเพียงพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น น่าแปลกที่ความรู้สึกที่อยากได้แกมาเป็นเจ้าเข้าเจ้าของกลับเลือนหายไปอย่างประหลาด ต่อไปนี้ผมคงไม่คิดอะไรเลยเถิดกับพี่หมวดอีกแล้ว...ซึ่งมันก็น่าจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้นไม่ใช่หรือ