บทที่ 75 “ควันหลง...หลังการแข่ง ”
ผมนั่งขี่คอพี่โก้ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นสุดหล้า ชูกำหมัดที่ติดปลายนวมอยู่ พร้อมส่งรอยยิ้มให้กับกองเชียร์ ด้วยความตื้นตันใจ (ทำท่าเหมือนตัวเองชนะอย่างนั้นแหละ อิอิ) และนั่นผมเห็นแจ๊ด แมว และไอ้เมฆ เชียร์อยู่มุมหนึ่ง มาเีชียร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ กำลังปรบมือส่งเสียงเชียร์อยู่ไม่ขาด ส่วนพวกเพื่อนแก๊งค์ตัวแสบนี่ ยิ่งตะโกนเสียงดัง ด้วยความสะใจสุดๆ...
พี่โก้นั่งคุกเข่า วางผมลง หลังจากแกเดินได้ราวสามรอบ แล้วแกก็ถอดเฮดการ์ดและนวมออกให้ผม จากนั้นแกก็ยืนรออยู่ข้างๆ
“น้องครับ พี่ขอกอดน้องหน่อยได้มั๊ยครับ” ไอ้คู่ชกผมครับ มันถอดเฮดการ์ดออก แล้วเดินเข้ามาขอกอดผมเอาดื้อๆ แถมสายตาที่มองมา ส่งประกายตาประหลาด ทำตาซึ้งๆ ต่างจากท่าทางและสายตาที่ดุดัน จากเมื่อก่อน น่าแปลกตอนนี้หน้าตามันที่ผมคิดว่าหล่อเหลาพอใช้ได้ ตอนที่พบครั้งแรก คราวนี้มันกลับยิ่งดูเท่ห์ และมีเสน่ห์มากกว่าเดิม อาจจะเป็นเพราะสายตาที่ดูอ่อนโยนลงรึเปล่าน่ะ แถมผิวพรรณที่เคยดูดำเป็นตอตะโก กลับดูดี ดำขำ เพิ่มมาดแมนเข้าไปอีก
“เฮ้ย! ได้ไงว่ะ นี่มึงจะมาหาเรื่องรึไง” พี่โก้ตะโกนขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมกับทำหน้าบอกบุญไม่รับ
ผมเลยหันไปพยักหน้าให้พี่โก้ ทำนองว่าไม่เป็นไร ก่อนที่จะตอบมันว่า
“ได้สิครับ ยินดีครับ” แค่ผมพูดจบ มันก็เข้ามากอดผมแนบแน่น พร้อมกระซิบที่ข้างหูทันที
“ไอ้น้อง พี่ชื่อสิงห์น่ะครับ ยังไม่เคยมีใคร ต่อยพี่จนกรรมการนับแปด ได้เหมือนน้อง ...เ่อ่อ พี่ชอบน้องอ่ะครับ”
“ผมชื่อแกะครับ ขอบคุณน่ะครับ ที่ออมฝีมือให้ผม” ผมกอดตอบ พร้อมตบที่หลังแน่นๆของพี่สิงห์เบาๆ
“ใครบอก บนสังเวียนนักสู้ ไม่มีใครออมฝีมือหรอกน่ะ ไอ้น้อง” แกตบหลังของผมเบาๆเหมือนกัน
“อ้าวๆ นี่แหละครับ น้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ขอให้ทุกคนปรบมือให้นักกีฬาทั้งสองอีกครั้งครับ” เสียงอาจารย์ประกาศผ่านไมโครโฟน
“เฮ เฮ......” เสียงเชียร์ และเสียงปรบมือดังกึกก้องอีกครั้ง
“น้องครับ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก พี่ขอบอกน้องอีกครั้ง พี่ชอบน้องครับ” พี่สิงห์พูดเสร็จ ก็แอบหอมซอกหูผมอย่างจัง ก่อนที่จะแยกออกจากกัน เฮ้ย! อย่าบอกน่ะว่า กูเจอเพื่อนร่วมฝูงอีกคน เป็นไปไม่ได้น่า......
พอลงจากเวที ว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็พอดี ผ.อ. เรียกเข้าพบ
“ผมขอโทษน่ะครับ ที่ผมทำไม่สำเร็จ” ผมยกมือไหว้ืท่าน พร้อมก้มหน้าลงเล็ก น้อย
“โธ่...ไอ้ลูกชาย แค่นี้เธอก็ช่วยกู้หน้าโรงเรียนได้มากโขแล้ว ขอบใจน่ะ ที่อุตส่าห์สู้เต็มที่ เพื่อส่วนรวม ทั้งๆที่เธอเองก็ไม่ใช่นักมวยซะด้วย”
“ขอบคุณครับผม”
“อะไรน่ะ คุณอย่าบอกน่ะว่า ไอ้เด็กนี่ ไม่ใช่นักมวย” ผ.อ. โรงเรียนฝ่ายนู้นถึงกับตกใจ
“เขาไม่ใช่หรอก เพียงแต่เขามาฝึกซ้อมเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น”
“โธ่เอ๊ย คุณก็ไม่บอกผมแต่แรก ว่าคุณไม่มีนักมวยรุ่นนี้ ไม่เช่นนั้นผมจะบอกงดไปแล้ว” ดูเหมือนจะเป็นการแก้ตัวรึเปล่าครับท่าน ทีก่อนหน้านี้เห็นดูถูกโรงเรียนเรายังกับอะไรดี
“แผลเป็นไงมั่งล่ะ เจ็บมากมั๊ย” ผ.อ. โรงเรียนผม ถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ครับ” เพราะตอนนี้ผมยังมึนๆ ชาๆ อยู่นั่นเอง
“เดี๋ยวผมจะจัดยาแก้ช้ำใน กับยาทาให้เขา เองครับ ไม่ต้องห่วงครับผม ” อาจารย์วิชาญเข้ามาสมทบ
“อืม ฝากดูแลด้วยน่ะ ว่าแต่ เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมถึงกล้าหาญนัก”
“ผมลูกชายอาจารย์....อาจารย์ใหญ่โรงเรียน....ครับผม” ผมบอกชื่อพ่อและชื่อ โรงเรียนที่พ่อผมสอนอยู่
“อ้าว ที่แท้ก็ลูกชายอาจารย์...นี่เอง นึกว่าใครที่ไหน” แกยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วลูบหัวผมเบาๆ อายุอานามของท่านก็คงจะเลย 50 ปีกว่าๆ อาจจะเป็นรุ่นพี่ของพ่อผมอีกที
“อืม เดี๋ยว ผ.อ. จะโทรรายงานเรื่องของเธอ ให้พ่อเธอทราบน่ะ”
“ครับผม” จากนั้นแกก็ควักธนบัตรใบละร้อย ห้าใบมาให้เป็นของรางวัล เงินห้าร้อยบาทสมัยนั้นมันมากโขอยู่น่ะครับพี่น้อง อิอิอิ
ต่อจากนั้นเป็นพิธีมอบรางวัลให้กับ ผู้ชนะเลิศ และ ผ.อ. ก็กล่าวปิดงาน ทุกคนทะยอยกันกลับบ้าน แต่พวกผมจำเป็นต้องอยู่ต่อ เพราะจะมีเลี้ยงขอบคุณโรงเรียนที่มาเยือน งานนี้ไม่ได้จัดที่โรงเรียน ผ.อ. กลับพาไปที่สวนอาหารแห่งหนึ่งแทน พี่ชายที่รักไม่ได้เกี่ยวกับรายการนี้ เลยต้องอยู่ซ้อมบอล ที่โรงเรียน และจะตามไปรอรับผมกลับบ้านที่หน้าสวนอาหารอีกที
สวนอาหารจัดได้สวยงามทีเดียว มีอาคารสไตล์เรือนไทย สองสามหลัง ตรงกลางจะทำเป็นสวนน้ำตกจำลอง น้ำจะถูกส่งมาจากท่อประปาด้านหลังหินก้อนใหญ่ๆ พุ่งลงมาเหมือนน้ำตกจริงๆ ไหลมารวมกันเป็นแอ่งน้ำขนาดพอสมควร มีสะพานเล็กๆข้ามผ่านไปได้ และเขาเลี้ยงปลาจำพวกปลาคร๊าฟ สีทอง แหวกว่ายไปมา สวยงามทีเดียว
โต๊ะรับประทานอาหารของส่วนอาจารย์ ถูกแยกออกไปอยู่อีกอาคารหนึ่ง เพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนพวกนักกีฬา ก็แยกออกมาอีกที่หนึ่ง โดยแบ่งเป็นสองโต๊ะอย่างชัดเจน ฝ่ายโรงเรียนนู้นมีประมาณ 7 คน ส่วนฝ่ายผมมีเยอะ สิบห้าคนได้ ก็เล่นมาทั้งทีมนี่ครับ อ้าวลืมนับตัวเอง (ซึ่งไม่อยู่ในทีม อิอิอิ) สรุป โต๊ะผมมีสิบหกคนครับผม ผมนั่งอยู่ ใกล้สวนน้ำตก กำลังมองการตกแต่งร้านด้วยความเพลิดเพลิน บรรยากาศตอนเย็นๆแบบนี้ โรแมนติกดีจัง ผมน่าจะชวนพี่ชายที่รักมาทานอาหารที่นี่สักครั้ง
หลังจากรับประทานอาหารกันไปได้สักพัก พวกนักกีฬาก็เริ่มทักทายเป็นกันเองมากขึ้น ต่างคนต่างลุกสลับที่กันไปมา ดูอึกทึกทีเดียว
“แกะ พี่ขอนั่งด้วยคนน่ะครับ” พี่สิงห์เข้ามาทักทาย แถมถือโอกาสมานั่งข้างๆผมทางด้านซ้าย (เจ้าของที่ไม่รู้ไปไหน สงสัยไปทักทายที่โต๊ะนู้นมั๊ง) ซึ่งมีพี่โก้นั่งเป็นไม้กันหมาอยู่ข้างๆทางด้านขวา และตอนนี้แกทำหน้ายังกะไม่พอใจใครมาทั้งชาติ
“แกะ เก่งจังเลยน่ะครับ พี่ได้ข่าวว่าแกะ เพิ่งจะอยู่ ม.4 เอง ไม่ใช่หรือครับ”
“ขอบคุณครับ พี่สิงห์เองก็เก่งน่าดูเลยน่ะครับ เห็นบอกว่าได้เหรียญทองหลายสมัย”
“อืม ตอนนี้พี่ก็จะจบม.6 แล้ว คงแข่งให้โรงเรียนอีกไม่ได้แล้วล่ะ แล้วแกะล่ะครับจะลงแข่งกีฬาประจำจังหวัดมั๊ยครับ (กีฬาระหว่างโรงเรียนของจังหวัด จะจัดช่วงราวปลายเดือนธันวาคมของทุกปี) พี่มั่นใจว่าการแข่งขันครั้งต่อไป คงไม่มีใครเอาชนะแกะได้ คะ คือ พี่อยากจะเห็นแกะพิชิตเหรียญทองให้ได้น่ะครับ ”
“แกะเขาไม่ลงแข่งหรอก เขาไม่ใช่นักมวยนี่” พี่โก้โพล่งขึ้นมา จนพี่สิงห์ถึงกับตกใจ
“อ้าว แกะไม่ใช่นักมวย...แล้ววันนี้ที่แข่งกับพี่ล่ะ มันคืออะไร”
“เ่อ่อ คือ พอดีนักมวยที่จะขึ้นชกกับพี่อ่ะครับ อาหารเป็นพิษ เข้าโรงบาลกระทันหัน ผมเลยต้องลงแข่งแทน”
“เฮ้ย แต่แกะ ก็เก่งนี่นา เล่นต่อยเอาจนพี่ล้มไม่เป็นท่า”
“ต้องยกความดี ให้ครูผมครับ นีไงครับ พี่โก้ครูมวยของผม” ผมพยายามให้ทั้งสองได้รู้จักกันมากขึ้น เพราะดูเหมือนว่าจะไม่กินเส้นกันขึ้นทุกขณะ
“อะ เ่อ่อ นาย เอ่อ นายโก้ นายสอนมวยให้แกะเขาหรือ”
“อืม แล้วไง”
“แล้วแกะเขาไม่ใช่นักมวย แล้วนายสอนมวยให้เขาทำไม” พี่สิงห์ถามแบบกวนตีนๆ
“ฝึกป้องกันตัว เข้าใจมั๊ย” พี่โก้เริ่มกวนตีนตอบ
“แล้วนายยอมให้แกะขึ้นเวที เนี่ยะน่ะ ทั้งที่รู้ว่า แกะอาจจะเจ็บตัว...” แกหยุดพูดค้างไว้ ก่อนที่จะหันหน้ามาคุยกับผม
“ ดีน่ะที่แกะกล้าหาญ ถึงผ่านมาได้ด้วยดี อืม เกือบเอาชนะพี่ได้แนะ...แกะครับ พี่ขอโทษครับ แกะเจ็บมากมั๊ยครับ ดูสิ หน้าหล่อๆ เสียโฉมหมดเลย” แกเอามือมาลูบที่เบ้าตาข้างซ้ายของผม ซึ่งผมก็เริ่มรู้สึกปวดๆหนึบๆขึ้นมาแล้ว สงสัยฤทธิ์ยาแก้ปวดคงจะระงับไม่อยู่แล้วตอนนี้...ก็มันบวมจนตาแทบจะปิดให้ได้ขนาดนั้นนี่ครับ
“มึงไม่ต้องมายุ่งกับน้องกู” พี่โก้ปัดมือพี่สิงห์ออกทันควัน จนพี่สิงห์งง ที่พี่โก้ทำกิริยาแบบนั้น
“เฮ้ย ไรว่ะ ก็เราแค่เป็นห่วงน้องเขา ก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องรุนแรงกันแบบนี้นี่หว่า” พี่สิงห์เริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้าง
“แต่นี่มัน ไม่ใช่ห่วงธรรมดาแล้ว มัน...”
“แล้วนายคิดว่าเราคิดอะไร...กับน้องเขา ล่ะ” เอาละสิ สองคนเริ่มจ้องหน้ากันแบบไม่กินเส้นกันสุดๆ
“พูดแบบนี้มันหาเรื่องกันนี่ เจอลูกศิษย์มาแล้ว อยากเจอตัวครูมวยของน้องเขามั๊ยล่ะ” พี่โก้ครับ อย่ามีเรื่องกันเลยครับ ผมขอร้อง
“เฮ้ย แบบนี้ก็สวยสิ วันนี้กูจะขอชกข้ามรุ่นล่ะว่ะ” พี่สิงห์อีกคน ตกลงจะต่อยกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเนี่ยะน่ะ
“พี่ทั้งสอง หยุดทีเถอะครับ ตอนนี้ผมอยากกลับบ้านแล้วครับ ผมเริ่มปวดที่เบ้าตาอ่ะครับ” ผมเริ่มเอามือจับที่ขอบตาข้างซ้ายที่มันเริ่มปวดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ส่งผลให้ทั้งคู่หยุดกะทันหัน
“แกะ ทานยาแก้อักเสบน่ะครับ แล้วนอนพักผ่อนให้เยอะๆ เดี๋ยวพี่จะไปขอยืมรถอาจารย์ไปส่งที่บ้านเอง” พี่โก้วิ่งไปบอกอาจารย์วิชาญ แล้วถือกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ติดมือมาด้วย
ผมก็เลยต้องไปล่ำลาอาจารย์กลับบ้าน จากนั้นก็เดินออกมาที่ประตูโดยมีพี่โก้เดินประกบไม่ห่าง ส่วนพี่สิงห์เดินตามหลังมาเงียบๆ
พอออกมาที่หน้าสวนอาหาร พี่ชายที่รักก็จอดมอเตอร์ไซค์รออยู่แล้ว มาเร็วดีเหมือนกันนี่ พี่ชายที่รัก
“พี่โก้ครับ พี่ชายผมมารับแล้ว ขอบคุณน่ะครับ ที่จะไปส่ง” ผมบอกพี่โก้ แล้วก็หันไปล่ำลาพี่สิงห์ด้วย
“ผมไปก่อนน่ะครับ พี่สิงห์ โชคดีน่ะครับ”
“โชคดีครับ น้องแกะ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกน่ะครับ” พี่สิงห์โบกมือให้ ในขณะที่ผมกำลังนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ของพี่ชายที่รัก
ผมหันหลังกลับมา ก็ยังคงเห็นสองคนนั่นมองตามผมจนลับตา พี่ชายที่รักคงสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง จึงถามผมขึ้น หลังจากที่รถวิ่งไปได้สักพัก
“ท่าทาง คู่ชกของแกะนี่แปลกๆน่ะ มีอะไรรึเปล่า”
No comments:
Post a Comment