บทที่ 77 “ โชคดีครับ...น้องชายที่รัก ”
ผมยืนนิ่งอึ้ง ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี พี่ชายที่รักคงจะโกรธมากถึงเดินหนีออกจากห้องไปซะเฉยๆ อย่างนั้น ... แต่แกก็เคยบอกผมแล้วนี่ ว่าถ้าผมจะเลือกทางเดินเอง แกจะตามใจผม นี่นา....
ผมยืนหันรีหันขวาง จะออกไปตามพี่ชายที่รักดีมั๊ย คิดไปคิดมาหลายตลบ เดินไป เดินมาก็แล้ว...ในที่สุดก็ตัดสินใจ จะออกไปตามแก กลับปรากฏว่า พี่ชายที่รัก เดินถือถุงกระดาษที่ไว้ใส่เสื้อผ้า เดินสวนทางเข้ามาในห้อง แล้ววางถุงกระดาษที่ข้างๆเตียงนอน ใกล้ๆ กับโต๊ะเครื่องแป้ง (โต๊ะที่มีกระจก และมีเก้าอี้ ไว้นั่งแต่งตัว ปรกติผู้หญิงจะใช้เป็นที่แต่งหน้าทาปาก พูดง่ายๆ เหมือนห้องพักในโรงแรมก็แล้วกันน่ะครับ)
“แกะ มานี่หน่อย พี่มีอะไรจะให้ดู” เอ๊ะ น้ำเสียงพี่ชายที่รักก็ปกติ นี่นา ไม่เห็นแกจะโกรธอะไรสักหน่อย
“ครับ พี่ดำ มีอะไรหรือครับ ” ผมเดินเข้าไปยืนประกบข้างๆโดยง่าย ก็กลัวว่าแกจะโกรธนี่ครับ... พี่ดำล้วงเอากล่องใส่แว่นตายี่ห้อเรแบนด์ ขึ้นมาแล้วแกะกล่องออก เผยให้เห็นแว่นตากันแดด สีดำ ขอบทอง ใหม่เอี่ยม เหมือนไม่เคยถูกใช้มาก่อน
“นี่เป็นแว่นตากันแดด ที่พี่เก็บหอมรอมริบ ตอนทำงานช่วยงานน้าอรที่นิวซีแลนด์ จนซื้อมันได้นี่แหละ” ว่าแล้วแกก็กางขามันออกแล้วสวมเข้าที่ใบหน้าของผม
“อืม หล่อทีเดียว พระเอกเกาหลีของพี่ คราวนี้ แฟนแกะคงไม่เห็นขอบตาที่บวมแล้วน่ะ” พี่ชายที่รักพูดพร้อมกับยิ้มๆ
“โอ้โห พี่ชายที่รักครับ นี่ผมหรือครับ ทำไมหน้าตาแปลกๆ อ่ะ” ผมตกตลึงความหล่อของตัวเอง (ไม่ได้ยอตัวเองนะครับ อิอิ) เมื่อมองไปที่กระจกเครื่องแป้ง ก็คนมันหล่อจริงๆนี่นา
“อืม พี่ยกให้น่ะ รักษามันไว้ให้ดีล่ะ” พี่ชายที่รักพูดขึ้น พร้อมกับจ้องหน้าผม สีหน้าของแกตอนนี้ดูดีขึ้นมาก ....เอ รึว่า เราจะคิดมากไปเอง
(หมายเหตุ เป็นแว่นกันแดด ที่ผมใช้มาทุกวันนี้ครับผม และในภาพถ่ายที่เพื่อนๆบางคนได้ยลโฉมไงครับ หุหุ)
“ขอบคุณครับ พี่ดำ แล้วพี่ไม่เสียดายหรือครับ ท่าทางจะแพงน่ะครับ” ผมตรงเข้าไปหอมแก้มแมนๆของแกดังฟอด แล้วกอดแกแน่น ความรู้สึกตอนนี้มันยากที่จะบรรยายจริงๆครับพี่น้อง มันบอกไม่ถูกอ่ะ เพราะเข้าใจว่าพี่ชายที่รักจะต้องโกรธเรื่องที่ผมจะไปเจอ กรกนก แฟนสาว แต่นี่แกกลับไปหาแว่นกันแดด แถมใหม่เอี่ยม และเป็นน้ำพักน้ำแรงที่แกหาเงินซื้อได้ด้วยตนเอง แกตั้งใจเอามาให้ผม เพื่อใส่อำพราง ตาข้างซ้ายที่มันบวม ในการไปพบแฟนสาวของผมนั่นเอง
“พี่มีแว่นอีกอันหนึ่ง ไม่ต้องห่วงหรอก เออ นี่แน่ะ ยังมีกางเกงยีนส์ และเสื้อเชิ๊ตด้วยน่ะ” ว่าแล้วแกก็ล้วงไปหยิบกางเกงยีนส์ สีน้ำเงินออกมา พร้อมกับเสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีออกน้ำเงินอมฟ้า สไตล์ มีกระเป๋าเสื้อถึงสี่กระเป๋า ที่อยู่ด้านหน้า แถมเล่นลายเย็บด้ายสีขาวปักโดยรอบ เท่ห์อย่าบอกใครเชียว
“โห นี่มัน ลีวายน์ 501 ริมแดงนี่ครับ ”ผมอุทานเสียงดังถึงกางเกงยีนส์ยี่ห้อดัง และเป็นรุ่นที่นิยมในสมัยนั้น แถมทั้งกางเกงและเสื้อ ยังใหม่เอี่ยมอยู่เลย แสดงว่า พี่ดำไม่เคยใช้งานเลยตั้งแต่ซื้อมา
“พี่ซื้อที่นิวซีแลนด์ ยังไม่เคยใส่เลย ไหนลองสวมให้พี่ดูหน่อยสิครับ” ผมถอดกางเกงขาสั้นออกอย่างว่าง่าย แล้วใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินสุดเท่ห์ทันที
“อืม เอวหลวมไปนิด เดี๋ยวพี่จะหาเข็มขัดมารัดสะหน่อยคงจะใช้ได้ ส่วนขากางเกงที่มันยาว ก็ปล่อยให้มันกองอยู่ที่ข้อเท้านั่นแหละ ใส่รองเท้าผ้าใบส้นที่มันสูงสักหน่อยก็โอเคแล้ว” พี่ดำไม่ลืมที่จะเอาเข็มขัดหนังสีดำ ที่อยู่ในถุง เข้ามาร้อยหูกางเกง โห หลังจากแกจัดการรัดเข็มขัด แล้ว กางเกงยีนส์ที่ดูหลวมเมื่อกี้ ดูกระชับเอวขึ้นมาทีเดียว
พี่ดำจัดการ ใช้ลูกกลิ้งระงับกลิ่นกายมาทาที่ใต้วงแขนทั้งสองข้างของผม แล้วบรรจงสวมเสื้อเชิ๊ต โดยเอาปลายเสื้อเข้าข้างใน จากนั้นแกก็จับตัวผมหมุนไปมาที่หน้ากระจก
“หุ่นดีเหมือนกันน่ะ บอกแล้วว่าน้องชายพี่หล่ออย่าบอกใคร” ผมนึกว่าจะเสร็จแล้ว ยังครับ ยังไม่พอ พี่ดำดึงลิ้นชักที่กระจกเครื่องแป้ง ล้วงเขาเจลใส่ผม มาชะโลมทั่วทั้งศรีษะ จากนั้นแกก็ปัดๆ ดึงๆ ให้ผมที่มันสั้น ตั้งเด่เป็นแผงอยู่กลางหัว ทันสมัยเหมือนกันน่ะเนี่ยะ ผมมองตัวเองในกระจกถึงกับอ้าปากค้าง นี่กูหรือว่ะเนี่ยะ นึกว่านายแบบโฆษณาที่ไหน (แฟนคลับอย่าเพิ่งหมั่นไส้น่ะครับ ก็คนมันไม่เคยแต่งตัวอ่ะ อิอิอิ)
“โห พี่ชายที่รักครับ ผมไม่อยากเชื่อเลยครับ ว่าจะเป็นตัวผม ที่อยู่ในกระจกนั่นน่ะครับ” ผมยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ที่เห็นตัวเองเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้ ไม่น่าเชื่อจริงๆ
“ใช่...น้องชายที่รัก ของพี่น่ะแหละ คราวนี้แฟนแกะ จะต้องประทับใจแน่ๆ” พี่ดำพูดไป ก็ยังเอื้อมมือไปหยิบ น้ำหอม อรามิส กลิ่นคลาสสิก เข้ามาป้ายที่หลังใบหูของผม และที่ข้อมือทั้งสองข้าง
“โอ้โห หอมจังครับ พี่ชายที่รัก ผมไม่กล้าออกจากบ้านแล้วครับ อายคนเขาอ่ะครับ” ก็แหม ผมเคยใช้น้ำหอมกับเขาเป็นซะที่ไหน ดูเถื่อนๆอีกต่างหาก (ว่าแต่คนอื่นเถื่อน อิอิ) โชคดีที่หน้าตา พอดูได้ (ถ้าจะว่า เหมือนพระเอกเกาหลีอีก เดี๋ยวแฟนคลับบางคนจะค้อนเอาวงเบ้อเริ่ม ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ)
“ท้งหล่อ ทั้งหอมไปทั้งตัวแบบนี้ สาวไม่หลง พี่ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว” พี่ดำยังชมผมไม่หยุดปาก นี่ตกลงแกจะให้ผมเดินตามทางของผมจริงล่ะหรือ
“พี่ชายที่รักครับ ผะ ผม อะ เอ่อ” ผมเข้าไปกอดแกแน่น น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีก ด้วยความตื้นตันใจ พี่ชายที่รักก็กอดผมแน่นเช่นกัน ผมได้ยินเสียงแกสะอื้นเบาๆ ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงสั่นพร่า ว่า
“ไปเถอะ น้องชายที่รัก ไปตามทางที่น้องเลือกเดิน ไม่ต้องห่วงพี่น่ะครับ” ผมถึงกับปล่อยโฮออกมา จนน้ำหูน้ำตาเลอะเทอะแว่นกันแดดราคาแพงอันนั้น
“โฮ ฮือ ฮือ พี่ดำครับ ผม ผมรักพี่ครับ ฮือ ฮือ” ผมร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อาย พร้อมสะอื้นฮักๆ
“ไม่ต้องร้องน่ะครับ คนดี ฮัก ฮัก ฮือ ฮือ พี่ชายคนนี้ ยินดีเสมอ ถ้าน้องชายที่รัก ของพี่มีความสุข” พี่ดำกอดผมแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ตะ แต่ พี่ครับ ผะ ผม ฮือ ฮือ” ความรู้สึกจุกๆ แน่น มันตื้อๆขึ้นมาที่หน้าอก ความรู้สึกตอนนี้ มันบอกไม่ถูก ทั้งรัก ทั้งสงสารพี่ชายที่รัก เหลือเกิน ทำไมเราทั้งคู่จะต้องมาจบด้วยวิธีนี้ หรือว่าเป็นลิขิตของสวรรค์....
ผมจำไม่ได้ว่ายืนกอดพี่ชายที่รักอยู่นานแค่ไหน เราทั้งร้องไห้ทั้งรำพึงรำพันต่อกันไม่หยุด .....จนกระทั่ง เวลาที่จะไปรับ กรกนกก็ใกล้เข้ามา
พี่ชายที่รักให้ผมไปล้างหน้าล้างตา แล้วหาถุงเท้าและรองเท้าสีขาวมาใส่ จากนั้นแกก็หยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซด์ มาให้ (สไตล์แบบผู้ชายที่มีหม้อน้ำมันอยู่ข้างหน้าคนขับ และมีหน้ากากครอบอยู่ที่ไฟหน้ารถ) แกเดินมาส่งผมที่หน้าบ้าน
ผมขึ้นไปนั่งคร่อมประจำที่ สตาร์ทรถ เตรียมตัวจะออกรถ แต่ไม่รู้เป็นไง เป็นห่วงพี่ชายที่รักขึ้นมาเฉยๆ จึงจอดรถทิ้งไว้ แล้วเดินน้ำตาซึมเข้ามากอดพี่ชายที่รักที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู
“พี่ดำครับ ผะ ผม ผมอยากจะบอกว่า ผมรักพี่เสมอน่ะครับ ฮือ ฮือ” ผมกอดแกแน่นอีกครั้ง แกก็กอดตอบพร้อมกับพูดว่า
“พี่บอกแ้ล้วไง ไม่ต้องห่วงพี่ อย่าร้องไห้ เดี๋ยวน้ำตามันจะเปียกแว่นกันแดดน่ะ คนดี ” ผมรู้ว่าพี่ชายที่รักกำลังกลั้นสะอื้น
“แต่ ผะ ผม อะ เอ่อ ฮือ ฮือ” ผมร้องไห้จนได้
“ไปเถอะ เดี๋ยวแฟนรอ อย่าลืมพาเขามาพบพี่บ้างน่ะ พี่อยากจะรู้จักน้องสะใภ้ของพี่เหมือนกัน” พี่ดำพยายามลากตัวผมมาที่รถ
“ฮือ ฮือ ครับผม พี่ชายที่รักของผม ผมรักพี่น่ะครับ ฮือ ฮือ” พี่ชายที่รักค่อยๆแกะมือผมออกจากการกอดรัด แล้วดันตัวผมขึ้นไปนั่งประจำที่ เตรียมออกรถ
ผมขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านช้าๆ ผมยังคงมองเหลียวหลังไปดู พี่ชายที่รักอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเกือบลับสายตา พี่ชายที่รักก็ยกมือข้างขวาขึ้นมา ปลายนิ้วชี้จรดที่หัวแม่มือเป็นรูปวงกลม อีกสามนิ้วที่เหลือ ก็เอียงตามเป็นรูปครึ่งวงกลม ไล่ลงไปตามลำดับ สัญญลักษณ์อันนี้ แกคงอยากจะบอกให้ผมรู้ว่า...
“โชคดี...น่ะครับ...น้องชายที่รัก”
No comments:
Post a Comment