Saturday, December 5, 2009

บทที่ 104 " ชายลึกลับ...กับซองจดหมาย "



บทที่ 104 “ ชายลึกลับ...กับซองจดหมาย ”

เฮ้ย คิดอะไรบ้าๆ ในวัดในวาน่ะมึง บาปกรรม กูว่าไปตามพวกพี่ซันเถอะ กูเริ่มหิวข้าวแล้วว่ะ ผมพยายามหาทางออก แกล้งลุกขึ้นยืน แล้วทำทีจะเดินไปที่หน้าโบสถุ...จริงๆแล้วมันก็ใกล้เที่ยงแล้วล่ะ จะว่าไปก็ยังอิ่มมะพร้าวอยู่เลย
อ้าว มึงหิวแล้วเหรอ ถ้างั้นไปตามพวกพี่ซันกัน ไอ้มุกลุกขึ้นยืนบ้าง แล้วเดินนำหน้าผมเข้าไปที่หน้าโบสถุ...ดูเหมือนว่ามันจะไม่เซ้าซี้ถามเรื่องพี่ชายที่รักอีก
ไอ้โชค ไอ้ม้วน ไอ้โกก และไอ้เท่ง ดูพวกมันตื่นเต้นกันมากที่เห็นผมถือลูกยางอันหนึ่งอยู่ในมือ พวกมันแย่งกันโยนเล่นอย่างสนุกสนาน...ผมเลยต้องพาพวกมันย้อนกลับไปเก็บเอาลูกยางมาจำนวนหนึ่ง...เห็นพวกมันบอกว่ามันจะเอากลับไปเป็นที่ระลึก....เพราะเห็นเป็นของแปลกกระมัง
พี่ซันขับรถพาพวกเราออกมาจากวัด พวกผมแวะทักทายบ้านไอ้อ้วน ซึ่งเป็นทางผ่านออกสู่ถนนใหญ่ (อันนี้เพื่อนๆลองนึกภาพดูน่ะครับ บ้านไอ้ซอจะอยู่หัวมุมเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดใหญ่ระยะห่างราว10 กิโลเมตรได้ ซึ่งบ้านมันจะอยู่ทางด้านเหนือ แต่พวกเรามองไม่เห็นกันหรอกครับ เพราะมีป่ามะพร้าวและต้นหมากบังอยู่เป็นทิวแถว...ถัดมาจากบ้านไอ้ซอ ทางขวามือจะเป็นที่ว่าการอำเภอ ...บ้านไอ้อ๊อด... ตลาด...ตามถนนมาเรื่อยๆ จะเป็นทางเข้าวัด ซึ่งเรากำลังจะเดินทางออกมา ไงครับ ส่วนบ้านผม ก่อนที่จะถึงบ้านไอ้อ้วน จะมีถนนตัดผ่านออกมาทางด้านทิศใต้ อีกประมาณกิโลเศษๆ ซึ่งบ้านผมจะปลูกแบบสมัยใหม่หน่อย น้ำประปายังไม่มี แต่บ้านผมสร้างแท๊งค์น้ำ ไว้สูงๆข้างๆตัวบ้าน จะใช้เครื่องสูบน้ำบาดาล ให้เต็มเวลาใช้น้ำตามก๊อกน้ำ หรือฝักบัว ก็เลยดูเหมือนจะคล้ายการใช้น้ำประปาในเมือง ครับผม)
บ้านไอ้อ้วนพ่อมันจะเปิดร้านซ่อมพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะ ทีวี เสตอริโอ ฯลฯ และทำนาไปด้วย มันมีน้องชายถัดมันลงมาปีหนึ่ง หล่อและเรียนเก่งด้วย ส่วนน้องชายคนที่สอง พ่อมันส่งไปเรียนทางด้านช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้านี่แหละ ที่กรุงเทพฯ และมันมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง โดยปรกติตอนเรียนม.ต้น ไอ้อ้วนจะสนิทกับผมมากกว่าใครในแก๊งค์ แต่ว่าตอนนี้ ไอ้อ๊อดมาจับจองตัวมันสะแล้ว 5555 สองคนนี้ไม่ยอมห่างจากกันเลย ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็เถอะ ดูเหมือนไอ้อ๊อดจะมาสิงสถิตอยู่ที่นี่
พวกเราเดินทางกันต่อจนถึงสี่แยก ด้านตรงข้ามจากทางเข้าตัวเมือง จะเป็นทางไปเที่ยวอุทยาน และเป็นทางผ่านบ้านไอ้จุ๊ ส่วนถนนสายเอเชียที่ตัดผ่าน ด้านขวามือจะไปทางโรงเรียนเก่าผม และใกล้ๆบ้านไอ้ซอ ต่อจากนั้นถนนเส้นนี้จะตัดผ่านเทือกภูเขาที่กั้นเขตแดนของจังหวัด....เอาไว้ (และไม่ไกลนักจะเป็นอุทยานแห่งชาติอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน) ส่วนด้านซ้ายมือ ก็เป็นถนนที่มาจากจังหวัดอื่นที่เจริญกว่าจังหวัดที่ผมอยู่ (แฟนคลับอย่าเพิ่งบ่นน่ะครับ ว่าอยู่ตรงไหนของประเทศไทย เอาไว้เฉลยแน่นอนครับ เมื่อเรื่องใกล้จบ แกะดำสัญญาครับผม)
พี่ซันเอารถไปจอดที่หน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง ตรงหัวมุมถนนด้านขวามือ นับจากทางที่พวกเราออกมาจากตัวเมือง ซึ่งร้านค้าตรงนี้จะมีตึกอาคารพาณิชย์เรียงกันออกมาหลายๆตึก (บรรยายมากเกินไปแล้ว 5555 เดี๋ยวเบื่อ เอาเป็นว่ารอบๆสี่แยกตรงนี้ จะมีตึกอาคารร้านค้า กระจัดกระจายทั้งสี่ทิศ เพราะผู้คนเริ่มอพยพจากตัวเมืองเก่าออกมาหาความเจริญที่บริเวณนี้นั่นเอง )
พวกเราเข้าไปสั่งอาหารตามสั่งกันคนล่ะจานสองจาน ที่โต๊ะผมมีไอ้มุกประกบผมไม่ห่าง นอกจากนี้ก็มีไอ้ม้วน ไอ้โชค และไอ้โกก นั่งอยู่ด้วย ส่วนไอ้เท่งไปนั่งกับพวกไอ้ซอ ไอ้จุ๊ ไอ้อ้วน ไอ้อ๊อด และไอ้เบนซ์ อีกโต๊ะหนึ่ง ก็มีพี่ซันพี่ไช้ และแฟนสาวทั้งสองคน ในร้านค้ามีตู้เพลงในสมัยนั้น ที่จะต้องหยอดเหรียญหนึ่งบาท ในการเลือกเพลง พวกเราก็เข้าไปเลือกเพลงกันตามสะดวก
ขณะที่พวกผมกำลังรับประทานอาหารกันอยู่ รู้สึกจะเป็นข้าวราดกระเพราไก่ ไข่ดาวประมาณนี้ ผมสังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่ง รูปร่างสันทัด ผิวพรรณออกดำๆแดงๆ ใส่เสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อน กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบสีขาว ...นั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะหัวมุม กำลังจิบกาแฟเย็น และอ่านหนังสือพิมพ์ แต่ว่าเหมือนจะอำพรางใบหน้าสะมากกว่า เพราะวิธีการอ่านหนังสือของแก เหมือนไม่ตั้งใจอ่าน...ดูเหมือนจะลอบมองไปข้างนอกถนนอยู่เรื่อย เหมือนรอคอยใครสักคน...
ต่อจากนั้นผมก็ไม่ได้ใส่ใจอีก เพราะมัวแต่คุยเรื่องสัพเพเหระกับเพื่อนๆในโต๊ะ แต่ทว่ามีตอนหนึ่ง ที่ชายผู้นั้นเริ่มสนใจมองมาที่โต๊ะของผม
ไอ้แกะ นี่มึงจะย้ายไปอยู่กับพี่ยุทธ เมื่อไหร่ว่ะ ไปอยู่แฟลตตำรวจ แล้วมันจะสะดวกสะบายเหมือนอยู่บ้านพี่เอกหรือว่ะ ไอ้ม้วนถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
แล้วไง อยู่แฟลตตำรวจ มันไม่ดีตรงไหน ห้องพี่ยุทธน่ะ กูรับผิดชอบ ทำความสะอาดอยู่โว๊ย ไอ้แกะมึงไม่ต้องห่วงหรอก นอกจากนี้เรื่องอาหารการกินและเสื้อผ้า กูก็ดูแลอยู่แล้ว ไอ้โชคพูดขึ้นมาเหมือนไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
เฮ้ย กูไม่ได้ตั้งใจว่ามึง เพียงแต่กูเป็นห่วงพี่เอกว่ะ แกต้องอยู่บ้านคนเดียวน่ะสิ
อ้าว งานนี้ พ่อไอ้แกะเป็นคนสั่งนะโว๊ย ไอ้แกะต้องไปเป็นเด็กในปกครองของพี่ยุทธ...พ่อเขาคงอยากให้มึงเป็นตำรวจมั๊ง จริงมั๊ยไอ้แกะ ไอ้โกกเสริมขึ้นบ้าง
ตกลงเรื่องเป็นมายังไงเนี่ยะแกะ กูล่ะงงว่ะ พวกมึงคุยเรื่องอะไรกันว่ะ ไอ้มุกคนเดียวล่ะครับ ที่ไม่รู้เรื่องอะไร
แล้วใครคือ พี่เอก และพี่ยุทธนี่คือใคร ทำไมมึงต้องเป็นเด็กในปกครองของเขาด้วยว่ะ พวกเราตักข้าวเข้าปากไป ก็สนทนากันไป ในตอนนี้ดูเหมือนว่าชายคนนั้น จะลุกขึ้นมาเดินเลียบๆเคียงๆใกล้โต๊ะผมมากขึ้น แล้วแกล้งเฉไฉทำทีไปดูรายชื่อเพลงที่ตู้เพลง ซึ่งมันเงียบมาได้สักพักแล้ว เนื่องจากต้องการให้คนไปหยอดเหรียญต่อ
ไอ้มุก พี่เอกก็คือพี่ดำที่มึงเจอกันที่วัดน่ะแหละ....ส่วนพี่ยุทธ ก็คือพี่หมวด ร้อยตำรวจโท.....ประจำ ส.น.....ไง ...สำหรับเรื่องที่กูจะไปอยู่กับแกนี่ เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ว่ะ อืม พ่อกูคงอยากให้กูไปซึมซับความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎรมั้ง ผมอธิบายไอ้มุกไปเรื่อยๆ และตอนนี้ดูเหมือนชายแปลกหน้าคนนั้นจะชงักนิ่ง แล้วหันหน้ามาจ้องมองผมไม่วางตา....เอ แล้วจะมามองทำไม ถ้าจะว่าเป็นประเภทชายรักชาย ก็ไม่เห็นว่าจะมีวี่แววเอาสะเลย ตัวก็ล่ำๆ หน้าก็โหดๆ เหมาะจะเป็นพวกมือปืน หรือนักเลงหัวไ้ม้สะมากกว่า
ผมหลบหน้าไปทางอื่น...แต่พอหันกลับไป แกก็กลับเดินหนี และดูเหมือนจะเข้าห้องน้ำไป....
อย่างนี้เองใช่มั๊ย ที่พี่ดำเขาห่วงมึงนักห่วงมึงหนา เพราะอยู่บ้านเดียวกันนี่เอง ไอ้มุกโพล่งขึ้นมาเสียงดังเชียว เล่นเอาผมตกอกตกใจหมด
ฮ่ะ ฮ่ะ ไอ้มุ๊ก พี่เอกน่ะเขามีศักดิ์เป็นพี่ชายไอ้แกะคนหนึ่งน่ะมึง แถมตอนนี้จะกลายมาเป็นพี่เขยอีก โอ๊ยกูล่ะกลุ้ม ลำดับญาติบ้านนี้ไม่ถูกเลยว่ะ ไอ้ม้วนคุยไปหัวเราะไปโดยไม่ระแคะระคายความผิดปกติที่ใบหน้าของไอ้มุก ใช่ครับตอนนี้มันคงจะเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่ชายที่รักเข้าให้แล้ว
หวอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงไซเลนรถตำรวจดังลั่นอยู่หน้าร้าน ผู้คนแตกตื่นกันกรูกันออกมาดูที่นอกร้านกันหมด ผมก็เดินออกมาดูกับเขาด้วย ทันได้เห็นรถตำรวจคันหนึ่งกำลังไล่จี้ ตามจับรถตู้สีขาว ซึ่งติดฟิมล์กรองแสงสีดำสนิท...รถสองคันวิ่งผ่านหน้าร้าน ไปอย่างรวดเร็ว ไปตามถนนใหญ่มุ่งหน้าไปทางบ้านไอ้จุ๊ (ซึ่งทางนี้ห่างไปอีกห้ากิโลได้ จะมีทางลัด ซึ่งแยกออกจากถนนใหญ่ที่จะไปอุทยาน ทางที่ผมกับพี่ชายที่รักใช้เดินทางกลับบ้านบ่อยๆ )
สงสัยตามจับพวกค้ายาบ้ามั๊ง หมู่นี้ชักจะชุมน่ะ บ้านเราอ่ะ ต้องระวังลูกๆหลานๆกันให้ดี เสียงชาวบ้านพากันส่งเสียง อื้ออึง วิพากษ์วิจารณ์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หวอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงรถตำรวจอีกคันกำลังใกล้เข้ามา ดูเหมือนว่าจะใกล้เข้ามาที่ร้านที่พวกผมอยู่ทุกขณะ
หวอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ้าวนั้นอีกคัน รู้สึกจะมาจากในเมืองที่ผมเพิ่งออกมาตะกี้ และจุดหมายน่าจะเป็นที่ร้านนี้อีกเช่นกัน
ไอ้น้อง พี่ขอคุยด้วยหน่อย เร็วเข้า ชายแปลกหน้าคนนั้น เข้ามากระซิบที่ข้างหูผมเบาๆ พร้อมกับดึงแขนผมแทบกระชาก ตอนนั้นเพื่อนๆทุกคนต่างพากันสนใจรถตำรวจที่กำลังวิ่งเข้ามาที่ร้านกันหมด เลยไม่มีใครสนใจในตัวผม
ชายแปลกหน้าลากตัวผมเข้ามาในห้องน้ำ แล้วปิดประตูอย่างแน่นหนา พร้อมกับกอดปล้ำผมแล้วดันผมไปติดฝาผนัง
เฮ้ย! พี่จะทำอะไรผม อย่าน่ะ ผมสู้น่ะ ผมผลักหน้าอกแกออกไป พร้อมกำหมัด ในท่าการ์ดมวย
เป็นมวยด้วยรึ ดี หมวดยุทธนี่ก็ตาแหลมเหมือนกันน่ะ ชายคนนั้นไม่สะทกสะท้านอะไร คงคิดว่าเด็กอายุแค่ สิบห้าอย่างผมคงไม่มีพิษสงล่ะมัง
ไอ้น้องรู้จักหมวดยุทธใช่มั๊ย พี่ฝากซองนี้ให้หมวดหน่อยน่ะ พี่ต้องรีบไปแล้ว ตอนแรกนึกว่าแกจะเข้ามาทำมิดีมิร้ายผมสะอีก แต่ทั้งหน้าตาและท่าทางมันไม่ใช่สเปกผมเลยอ่ะ 5555555+
อย่าลืมบอกหมวดยุทธ ให้ล๊อคประตูให้ดีน่ะ บอกว่าพี่กำลังไปเชียงราย ชายคนนั้นพูดเร็วปรื๋อ ก่อนที่จะถอดกลอนประตูห้องน้ำแล้วพรวดพราดออกไป
ดะ เดี๋ยว ผมพูดแค่ในลำคอเท่านั้น ยังไม่ได้เปล่งเสียงออกมาเลย เหตุการณ์มันเกิดเร็วมาก จนตั้งสติไม่ทัน
หยุด! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยกมือขึ้น ตำรวจหนุ่มคนหนึ่ง โผล่พรวดเข้ามา พร้อมกับเอาปืนจี้ที่หน้าอกผม ผมตกใจจนตัวสั่น แต่ก็ยอมยกมือทั้งสองข้างขึ้นตามคำสั่ง
อ่ะ เ่อ่อ กะ เกิดอะไรขึ้นครับ ผมละล่ำละลักถาม
เงียบ!กำอะไรเอาไว้ แบบมือออก ไม่งั้น ถูกยิง!จ่าตำรวจหนุ่มยังคงจี้ปืนอยู่ที่หน้าอกผมเขม็ง ผมจำเป็นต้องคลายมือออก ซองจดหมายสีขาวก็เลยร่วงหล่นลงบนพื้น
ถอยไป!" ผมถูกผลักให้ไปประชิดกับผนังห้องน้ำด้านหนึ่ง แล้วถูกจับหันหลัง พร้อมกับปืนกดเข้าที่ท้ายทอย ด้านหน้าของผมตอนนี้ถูกเบียดบี้แบนอัดเข้ากับผนังปูนอย่างแรง
สารวัตรครับ พบผู้ต้องสงสัยอยู่ในห้องน้ำครับผ๊ม!” เสียงจ่าตำรวจหนุ่มคนเดิมตะโกนออกไปข้างนอก แต่ปืนยังจี้ที่ท้ายทอยของผมอยู่
ว่าไง! เสียงเหมือนตำรวจที่เป็นสารวัตรจะเข้ามา
พบผู้ต้องสงสัย กำซองกระดาษสีขาวนี้อยู่ครับผม! เหมือนเสียงจะเงียบไป คงจะมีคนหยิบซองนั่นขึ้นมาเปิดดู
ซองเปล่า!
ค้นตัวมันสิ! สารวัตรสั่งให้ลูกน้องค้นตัวผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เว้นแม้ภายในกางเกงใน
ของอยู่ไหน มึงบอกกูมาซะดีๆ เสียงถามแบบกระชากๆ นี่ผมไม่ใช่ผู้ต้องหาน่ะครับ
ขะของอะไร ผะ ผมไม่รู้เรื่อง ผมพยายามพูดด้วยความยากลำบาก มีโอกาสพูดก็ตอนที่มันถอนตัวออกจากการเบียดขยี้ตัวผมที่กำแพงนั่นแหละ
โป๊ก!
โอ๊ย!มันเอาด้ามปืนตีหัวผมครับ
โกหก! มึงเป็นลูกน้องเสี่ยศักดิ์ ใช่มั๊ย?”
เอาละสิงานนี้ผมล่ะงงเป็นไก่ตาแตก ตกลงเรื่องระหว่างพี่หมวดกับเสี่ยศักดิ์เกี่ยวข้องอะไรกับชายลึกลับคนนี้...และทำไมเขาถึงฝากซองจดหมายเปล่าๆไว้ให้พี่หมวดล่ะ....ตกลงตอนนี้ผมต้องมากลับกลายเป็นผู้ต้องหาไปแล้วใช่มั๊ย?

Thursday, December 3, 2009

บทที่ 103 " พี่ชายที่รัก...ปะทะไอ้มุก "


บทที่ 103 พี่ชายที่รัก...ปะทะไอ้มุก

ผมนั่งเหม่อมองสายน้ำ ปล่อยจิตใจให้ล่องลอย ตามกระแสน้ำเชี่ยวกราก...สักพักหนึ่ง เหมือนกับว่ามีลมพัดมาอย่างแรง ปะทะร่างของผมจนแทบจะตกท่าน้ำ...และแล้ว ผลลูกยางจำนวนมาก ต่างพากันทิ้งขั้วของตัวเอง...(จากต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆท่าน้ำ)...แล้วปล่อยตัวให้สายลมพัดใบพัดที่อยู่ด้านบนของผล หมุนติ้วๆเหมือนใบพัดเฮลิคอปเตอร์ ลอยละลิ่วไปตามกระแสลม ดูหลากหลายสวยงามยังกะ มีแมลงยักษ์บินว่อนไปมาเป็นฝูงๆ...บางส่วนก็ตกลงใกล้ๆ บนพื้นดิน บางส่วนก็ตกลงบนผิวน้ำ แล้วให้กระแสน้ำพัดพาไป... แต่บางส่วนที่แข็งแรงหน่อย และจังหวะกระแสลมแรงได้ที่ ก็จะพัดไปไกลแสนไกล...ใช่ครับผมกำลังมองดู การขยายพันธ์ของต้นยาง (ไม่แน่ใจว่าตามหลักสากลแล้ว ต้นไม้ชนิดนี้เรียกว่าต้นอะไร แต่เห็นชาวบ้านเรียกว่าต้นยางครับ ต้นใหญ่มาก และผลของมัน จะมี เ็ม็ดแห้งๆกลมๆ สีน้ำตาล มีก้านสองก้าน ลักษณะเหมือนใบพัด)
ผมปาดน้ำตาที่กำลังหยุดไหล จากนั้นผมก็หยิบลูกยางอันหนึ่งขึ้นมาพินิจพิเคราะห์ เพ่งมอง พร้อมกับคิดอะไรบางอย่างเงียบๆเพียงลำพัง
ดูสิ ขนาดเจ้าเป็นแค่ผลของต้นไม้แท้ๆ ยังรู้จักการขยายเผ่าพันธ์ แล้วมนุษย์อย่างเราล่ะ?????? ใช่แล้วครับ ผมกำลังคิดถึงพี่ชายที่รัก...พี่ชายที่รักครับ ผมจะพยายามตัดใจจากพี่ให้ได้ครับ...ผมอยากจะเห็นพี่ชายที่รักเดินทางไปในทางที่ถูกต้อง...และตอนนี้พี่กำลังเดินถูกทางแล้วใช่มั๊ยครับ ....แล้วผมจะมามัวนั่งเสียอกเสียใจไปทำไม
ผมดึงเจ้าลูกยางอันนั้นเข้ามาแนบที่อก ...ขอบใจเจ้ามากน่ะ ที่ทำให้ชั้นคิดอะไรบางอย่างได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ ชั้นจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม...แต่ชั้นคิดว่าสักวันหนึ่ง...กาลเวลาคงจะทำให้ชั้น...ดีขึ้นมากกว่านี้...
เฮ้ย แกะมานั่งทำอะไรแถวนี้ เห็นพี่กวางกับแฟนเขาตามหานายอยู่น่ะ ไอ้มุกเดินเข้ามาหาผมที่ท่าน้ำ....นี่ตกลงทุกคนเข้าใจกันหมดแล้วล่ะสิ ว่าพี่ชายที่รักคือแฟนของพี่กวาง....
มาดูลูกยางว่ะ มันสวยดี มันแปลกดีน่ะมึง เหมือนใบพัดเลย ผมเดินขึ้นมาจากท่าน้ำพร้อมกับชูลูกยางให้มันดู
โอ๊ย พูดยังกะมึงไม่เคยเห็นยังงั้นแหละ...นี่ไง เอ๊าเห็นมั๊ย เคยเล่นกันตั้งแต่มึงย้ายมาอยู่ที่นี่ ทำเป็นลืมน่ะมึง ไอ้มุกหยิบลูกยางอันหนึ่ง ปาขึ้นไปในอากาศ...ครับ มันก็หมุนใบพัดได้เหมือนกัน ก่อนที่จะหมุนติ้วๆลงมาที่พื้นอีกครั้ง....จำได้ว่า ผมเคยเอามาโยนเล่นกับไอ้มุกอยู่บ่อยๆ
ผมกับไอ้มุกเดินกลับเข้าวัด ยังไม่พ้นหลังโบสถุออกไปเลย ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่น
แกะ แกะมาอยู่นี่เอง พี่ตามหาแทบแย่ เป็นไงบ้างฮึ ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเลยน่ะเรา พี่ชายที่รักวิ่งกระหืดกระหอบมา แล้วจับไหล่ผมเขย่าไปมา...จนผมต้องเบี่ยงกายหลบ เพราะอยู่ต่อหน้าไอ้มุก
พี่กวางอยู่ที่ไหนล่ะครับ แล้วพี่มาไหว้พระกับพี่กวางเหรอ ผมพยายามพูด ให้ดูเหินห่างมากที่สุด และเน้นว่า ตอนนี้พี่ชายที่รักเป็นแฟนพี่กวางแล้ว...ไม่สมควรที่จะห่วงใยอะไรในตัวผม...อีกต่อไป
เอ่อ กวางเขาอยู่ที่รถ เห็นกำลังคุยกับเพื่อนเก่าอยู่...แล้วคืนนี้แกะคงกลับบ้านได้แล้วสิน่ะครับ...อะ เ่อ่อ พ่อกับแม่เป็นห่วงน่ะครับ พี่ชายที่รักพูดในตอนท้าย...เหมือนผมจะรู้ว่าหมายถึงตัวแกที่เป็นห่วง...แต่ทว่าเห็นแกหันไปชำเลืองมองไอ้มุก แกก็เลยต้องเลี่ยงไป อ้างถึงพ่อแม่แทน...
พี่ดำครับ นี่ไอ้มุก เกลอเก่าผมเองครับ ผมแนะนำไอ้มุกให้รู้จัก
สวัสดีครับ พี่เป็นแฟนพี่กวางใช่มั๊ยครับ ไอ้มุกยกมือไหว้แถมรีบทำท่าทาง อ่อนน้อมถ่อมตน เนื่องจากเป็นแฟนพี่สาวของเพื่อน ก็ต้องนับถือกันเป็นธรรมดา
อ่ะ เ่อ่อ คือ พี่... พี่ดำพูดยังไม่จบ ผมเลยรีบสอดขึ้นมาว่า
ใช่ นี่แหละ ว่าที่พี่เขย กูล่ะ ไอ้มุก ฮ่ะ ฮ่ะ ผมหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ทว่าพี่ชายที่รัก นี่สิ หน้าดูซีดไปนิดหนึ่ง
โธ่ กูรู้ตั้งแต่ไอ้จุ๊ มันโม้ให้ฟังตั้งแต่เจอพี่เขาครั้งแรกแล้ว ฮ่ะ ฮ่ะ กูก็ฟอร์มไปงั้นแหละไอ้มุกหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอามือมากอดเอวผม ด้วยความลืมตัว
ท่าทาง เราสองคนจะสนิทกันมากเลยน่ะ พี่ชายที่รักจ้องมองผมไม่วางตา สีหน้าดูยังไงก็รู้ว่า ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
โอ๊ย ผมกับไอ้แกะน่ะ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น แหละว่าซี้กันแค่ไหน จริงมั๊ยมึง ฮ่ะ ฮ่ะ ไอ้มุกเปลี่ยนจากกอดเอว มาเป็นกอดคอแทน พร้อมกับยิ้มกว้างแบบ เปิดเผยสุดๆ
พี่หวังว่า เราสองคน คงจะเป็นเพื่อนรักกันไปอีกนาน พี่ชายที่รักเหมือนจะประชดประชันผม
เอ๊า แน่นอนสิครับพี่ เฮ้ยไอ้แกะ ว่าไงว่ะ ที่มึงจะไปค้างบ้านกูคืนนี้อ่ะ พ่อกับแม่กูบ่นคิดถึงมึงจะแย่ เอาเข้าไป ไอ้มุก นี่มึงตั้งใจบอกอะไรรึเปล่าว่ะ....แค่นี้กูก็แทบจะมองหน้าพี่ชายที่รักไม่ติดแล้ว....
อ้าว แล้วนี่แกะ จะไม่กลับบ้านเลยเหรอครับ... พี่ชายที่รักตอนนี้ไม่สนใจแล้วว่า มีไอ้มุกอยู่ตรงหน้า...ดีน่ะที่ไอ้มุกไม่ทันสังเกตอะไร
คะ คือว่า ผม เ่อ่อ ผมยังลังเลอยู่เหมือนกัน ใจหนึ่งก็อยากจะกลับบ้าน แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะพาพวกไอ้โกกเที่ยวต่อ ที่บ้านเพื่อนคนอื่น อาจจะเป็นบ้านไอ้จุ๊...หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะยกโขยงไปบ้านไอ้มุกสะเลย
ว่าไง ชวนเพื่อนๆไปค้างที่บ้านอีกก็ได้นี่ คะ คือ พ่อแม่ และกวางเขาเป็นห่วงน่ะ พี่ชายที่รักพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมกลับบ้านท่าเดียว
คุยอะไรกันค่ะ กวางจะต้องไปบ้านเพื่อนต่อน่ะค่ะ พี่กวางเดินมาตามพี่ชายที่รัก ไอ้มุกเลยทักทายตามระเบียบ
อ้าว น้องมุกเองหรือจ๊ะ โตขึ้นแล้ว หล่อไม่เบาเลยน่ะเนี่ยะ พี่กวางทักไอ้มุกอย่างสนิทสนม
โห พี่กวางก็สวยครับ เหมาะสมกันดีน่ะครับ พี่ดำก็หล่อมากทีเดียว
ขอบใจจ๊ะ แล้วนี่มาเจอแกะได้ยังไงล่ะ แล้วจะพากันไปเที่ยวไหนกันต่อหรือจ๊ะ
เห็นพี่ซันว่าจะพาไปเที่ยวน้ำผุดน่ะครับ แล้วพี่กวางไม่ไปด้วยหรือครับ
อ๋อ เมื่อกี้ซันเขาก็ชวนพี่อยู่เหมือนกัน...เห็นทีต้องขอตัวล่ะจ๊ะ พอดีพี่ต้องไปธุระบ้านเพื่อนน่ะจ๊ะ...ไงพ่อตัวดีคืนนี้จะกลับมานอนที่บ้านรึเปล่า พี่กวางตอบไอ้มุก แล้วก็หันมาถามผมต่อ
ผมมองพี่ชายที่รักแว่บหนึ่ง...ผมรู้ว่าพี่ชายที่รักจะต้องอยากให้ผมกลับบ้านแน่ๆ...อย่างน้อยเราก็ยังมีเวลาที่จะอยู่ด้วยกัน...ก่อนที่ผมจะย้ายไปอยู่กับพี่หมวด...พี่ชายที่รักเหมือนจะรอคำตอบ....
พี่กวางช่วยบอกพ่อกับแม่ทีน่ะครับ ผมขอนอนบ้านเพื่อนอีกสักคืน พรุ่งนี้เย็นๆ เพื่อนๆผมก็จะกลับกันแล้วอ่ะครับ ผมชำเลืองมองพี่ชายที่รัก ดูแกทำหน้าผิดหวังเป็นอย่างมาก....ดีแล้วล่ะครับ ขืนผมไปเจอภาพบาดตาอีก ผมอาจจะทำใจไม่ได้ ขอให้ผมอยู่กับเพื่อนๆ...ทำใจสักพักก่อนก็แล้วกัน...
ตามใจ แต่ว่าคืนวันอาทิตย์ต้องกลับไปนอนที่บ้านน่ะ เพราะพี่กับพี่ดำจะไปงานวันเกิดเพื่อน อ้าว นี่พี่กวางเอาพี่ชายที่รักออกงานแล้วหรือนี่
ครับๆ งั้นผมไปเที่ยวกับเพื่อนๆต่อน่ะครับ
เราทั้งสี่เดินมาที่หน้าโบสถุพร้อมกัน จากนั้นต่างแยกย้ายกันไป พี่ชายที่รักสตาร์ทรถพร้อมกับหันมามองผม...มองอยู่พอสมควร...เมื่อพี่กวางซ้อนท้ายได้แล้ว ทั้งคู่ก็พากันออกนอกบริเวณวัดไป....
ตอนนี้พวกพี่ซันกำลังไหว้พระอยู่ในโบสถุ และกำลังเสี่ยงเซียมซีกันอยู่อย่างเพลิดเพลิน ผมยกมือไหว้พระประธานอยู่ข้างนอก เสร็จแล้วก็มานั่งรอพวกพี่ซันอยู่ที่ใต้ต้นโพธิ์ (ต้นใหญ่เ่ก่าแก่มาก อยู่ข้างๆโบสถุนั่นเอง ไม่แน่ใจว่าเป็นต้นโพธิื โบราณ หรือนำมาปลูกใหม่ภายหลัง)
ไอ้มุกมานั่งข้างๆ พร้อมกับส่งคำถามขึ้นมา ที่ทำให้ผมถึงกับสะอึก
ไอ้แกะ กูว่าพี่ดำนี่ดูแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ว่ะ
แปลกยังไงว่ะ ผมตกใจ แต่พยายามทำเสียงให้ดูเป็นปกติที่สุด...อย่าบอกน่ะว่า ไอ้มุกจับพิรุธอะไรได้
ไม่รู้สิ กูว่าพี่เขาดูเป็นห่วงเป็นใย มึงยังไงชอบกล
อ้าว ก็เขาจะมาเป็นพี่เขยกู กูไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหน
จะไม่แปลกได้ยังไงว่ะ กูรู้สึกว่า แก...อ่ะ... เอ่อ หะ หึง...มึงน่ะสิ

Tuesday, December 1, 2009

บทที่ 102 " หนีหัวใจ...ไม่พ้น "


บทที่ 102 หนีหัวใจ...ไม่พ้น

ผมรีบชำระร่างกายให้สะอาดหมดจด แล้วคว้ากางเกงขาสั้นที่ยาวถึงเข่า (แบบที่นิยมสมัยนั้น ส่วนมากจะสกรีนลาย Pepsi หรือ Coke คือจะใส่แบบลำลอง หรือเล่นกีฬาก็ได้) จากนั้นใส่เสื้อยืดสีขาวตัวเก่ง ลากรองเท้าแตะ แบบคีบ (ยี่ห้อ นันยาง มีใครจำได้มั๊ยครับ) ขณะที่กำลังเดินไปที่หลังบ้าน ไอ้มุกก็มาถึงพอดี
ไิ้อ้แกะ กูมาทันมั๊ยเนี่ยะ เพื่อนๆมึงไปเที่ยวน้ำผุดกันแล้วรึ ไอ้มุกมันมาในชุดหล่อเลยอ่ะครับ งานนี้ ผมแบบรองทรง (เรียนปวช เลยไม่ต้องตัดเกรียนแบบผม) ใส่เจลหวีผมแสกข้าง แน่ะ มันเหมาะกับหน้าหล่อๆของมันเป็นไหนๆ มันใส่เสื้อเชิ๊ตพื้นขาวลายทางลงแถบเล็กสีเขียว นุ่งกางเกงขายาวแบบผ้าแสล็คสีดำ แต่ที่ผมสะดุดตา ก็คือ รองเท้าหนังแบบสานสีดำที่ทำมาจากยางรถยนต์เก่าๆ โอ้โหโคตรเท่ห์เลยน่ะมึง
มึงจะแต่งหล่อไปไหนเนี่ยะ นับวันมึงยิ่งจะหล่อกว่ากูเข้าทุกวัน ฮ่ะ ฮ่ะ ผมเข้าไปกอดคอมันด้วยความสนิมสนม เอ๊ะจะว่าไปมันก็มีอะไรๆกับผมมาแล้วนี่ครับ 55555+
กูก็แค่อยากให้มึงรู้ว่า กูดูดีสำหรับมึง แค่นั้นแหละ ดูเหมือนมันจะน้อยใจนิดๆ ผมเลยหันซ้ายแลขวา ไม่เห็นใครก็เลยหอมแก้มมันดัง ฟอด มันก็เลยหน้าแดงๆ แล้วรีบเบี่ยงตัวหลบออกไป
ไอ้บ้า เดี๋ยวใครเห็นเข้า เออ เพิ่งรู้ตัวว่าต้องเก็บเป็นความลับ ก็ดีน่ะกูจะได้รอดตัวด้วยอีกคน หุ หุ
ว่าแต่รองเท้านี่ มึงซื้อมาจากไหนว่ะ เท่ห์ชิบหาย กูอยากได้สักคู่ว่ะ
อ๋อ มีพี่คนหนึ่งเขาทำขาย มีแบบให้เลือกด้วยน่ะ เย็นนี้เดี๋ยวกูจะพามึงไปตัด ดูไอ้มุกมันชื่นชมรองเท้ามันไม่ย่อยเหมือนกันน่ะ ก็แหมรองเท้าแบบนี้หายากจะตาย ใครได้ใส่ล่ะก็เท่ห์ไม่หยอกเชียวล่ะ
ผมและไอ้มุกเดินเข้าไปในสวน ก็เจอไอ้พวกเพื่อนตัวแสบ มันแซวเล็กๆ เรื่องมาช้า แต่ว่าก็ไม่มีอะไรเป็นที่พิรุธ พวกมันกำลังนั้งโซ้ยมะพร้าวอ่อนกันเป็นที่สนุกสนาน
เฮ้ย ไอ้แกะ มึงปีนต้นมะพร้าวได้รึเปล่าว่ะ ไอ้โกกตั้งคำถาม พร้อมกับกำลังใช้ช้อนแทะเนื้อมะพร้าวที่เหลืออยู่ครึ่งซีก และมันกำลังจะหมดพอดี
เฮ้ย ไม่ได้ว่ะ ก็กูไม่ใช่ลูกชาวสวนนี่ ไอ้ห่า ทำไมไม่ให้ไอ้ซอปีนให้มึงว่ะ
ไอ้ซอมันปีนแล้ว แต่ได้เฉพาะต้นเตี้ยๆ แม่งสงสัยมันจะกลัวความสูง ไอ้ห่า แล้วที่ผลมันดกๆน่ากิน ดันอยู่บนต้นสูงๆสะฉิบ ไอ้โกกบ่นอุบ
สรุปทุกคนลองปีนกันหมดแล้ว ต่างโบกมือยอมแพ้ ขนาดไอ้อ้วน ไอ้จุ๊ เองก็ยังปีนได้เฉพาะต้นเตี้ยๆ ส่วนไอ้อ๊อดไม่ต้องพูดถึง มันก็ไม่ใช่คนพื้นเพที่นี่เหมือนผม งานนี้ทุกคนเลยเชียร์ให้ผม (ซึ่งเป็นหัวหน้าและบ้าบิ่นกว่าใครๆ) ทดลองปีนให้พวกมันดู
เอางั้นเลยหรือว่ะ อ้าว ลองก็ลอง ว่าแล้วผมก็ใช้มือโอบรอบต้นมะพร้าว ลองขยับใต่ดูเหมือนลิงปีนต้นไม้ 55555+ แต่ทว่าพอไปได้แค่ครึ่งต้น ดันหน้ามืดเอาดื้อๆ
กู ไม่ไหวแล้วโว๊ย หน้ามืด กูจะลงแล้วน่ะ ผมตะโกนบอกเพื่อนๆที่รอเชียร์อยู่ข้างล่าง เอ๊ะ นี่ผมเป็นอะไรรึว่าหมดแรงเพราะเสียน้ำ(ก็ตั้งสามน้ำ ในตอนเช้าน่ะสิ ฮ่ะ ฮ่ะ)
แกะ เป็นอะไรมากรึเปล่า มา มานอนพักก่อน ดูไอ้มุกมันจะเป็นห่วงผมเอามากๆ มันประคองผมแล้วให้ผมนอนบนตักมันเฉยเลย
อ้าว เฮ้ย ตกลงมึงเป็นเมียไอ้แกะรึไงว่ะ ดูเอาอกเอาใจกันจังเลยน่ะ ไอ้จุ๊ปากเสียตามสไตล์ของมันล่ะครับ ผมเลยเงยหน้าขึ้นด่ามัน
ไอ้จุ๊ เดี๋ยวจะโดนตีนกู ปากดีน่ะมึง
ว่าไง ไอ้มุก ถ้ามึงไม่อยากให้กูล้อมึงล่ะก็ มึงปีนต้นมะพร้าวให้พวกกูหน่อยเป็นไร ก็แค่นั้นแหละ ไอ้ห่าจุ๊จะขอร้องไอ้มุกดีๆ ตั้งแต่ต้นก็สิ้นเรื่อง งานนี้ไอ้มุกเลยโชว์ฟอร์ม ปีนมะพร้าวด้วยความคล่องแคล่ว แถมใช้เท้าถีบลูกอ่อนๆน่ากินๆลงมาตั้งหลายลูก อิ่มหนำสำราญกันไปตามๆกัน
แต่มะพร้าวที่สวนไอ้ซอเป็นมะพร้าวพื้นเมือง น้ำมะพร้าวจะไม่ค่อยหอมเท่าไหร่ บางลูกออกเปรี้ยวๆหวานๆด้วยซ้ำ แต่เนื้อมะพร้าวนุ่มอร่อยดี...ไอ้มุกมาบอกผมทีหลังว่าที่บ้านมันกำลังทดลองปลูกมะพร้าวน้ำหอม คุณภาพดี ต้นเตี้ยๆ สามารถเก็บเอาลูกมะพร้าวมาได้โดยง่าย มันเลยชวนผมไปนอนค้างที่บ้านของมัน...
เสร็จจากรับประทานมะพร้าว พวกเราก็เตรียมตัวจะไปเที่ยวน้ำผุดกัน แต่พอเดินมาถึงบ้าน ปรากฏว่า พี่ซันมีแขก แขกพิเศษสะด้วย ก็แฟนสาวแกไงล่ะครับ 55555+ สวยสะด้วย แถมพี่เขายังพาเพื่อนหญิงซึ่งสวยไม่แพ้กัน ที่เรียนวิทยาลัยครูด้วยกัน มาเที่ยวด้วย งานนี้เพื่อนแฟนของพี่ซัน เลยประกบคู่กับพี่ไช้ อย่างกลมกลืน...เล่นเอาผมแซวพี่ซันกับพี่ไช้ ไม่หยุด....
ไอ้น้อง เรื่องระหว่างเราสามคน เป็นความลับน่ะโว๊ย ไม่เช่นนั้นเองตรูดฉีกแน่ พี่ไช้แอบกระซิบข้างหูผม ด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง
ได้เลยพี่ แต่ว่า...พี่จะต้องเลิกคิดล่อประตูหลังผมอีก เป็นอันขาด ฮ่ะ ฮ่ะ งานนี้พี่ไช้เลยต้องจำยอม ที่จะแก้แค้นเอาประตูหลังผมคืน ก็ตอนนี้แกกำลังหลงหญิงนี่ครับ ถามได้ แถมแกยังสามารถ เสียบพี่ซัน เมื่อไหร่ก็ได้....งานนี้ไอ้แกะรอดตัวอีกแล้วครับท่าน 555555+
ในที่สุด แผนการเลยเปลี่ยน แทนที่จะไปเที่ยวน้ำผุด กลับต้องไปไหว้พระประธานก่อน เนื่องจากสองสาวขอมา พี่ซันเลยตามใจแฟน พี่ซันอาสาขับรถเอง โดยมีแฟนสาวนั่งข้างๆ ส่วนพี่ไช้และแฟนใหม่นั่งเบาะหลัง ไอ้เท่งเลยต้องมานั่งข้างหลังกับพวกผม แต่ก็ดีเพราะไอ้เท่งร้องเพลง...เมคอินไทยแลนด์...บัวลอย ได้เพราะ พวกผมเลยเพลิดเพลินกันไป
รถเคลื่อนไปตามทางของหมู่บ้าน ซึ่งตอนนี้ทางยังเป็นดินลูกรังอยู่เลย สองข้างทางก็ร่มรื่นด้วยสวนมะพร้าว สวนหมากตลอดแนว รถผ่านมาที่ว่าการอำเภอ (ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นตึกไม้สองชั้น) ข้างๆกันเป็นโรงพักตำรวจ ช่วงนี้ถนนจะดีหน่อยลาดยางมะตอยเรียบร้อย...เราผ่านโรงเรียนประถม ซึ่งบ้านไอ้อ๊อดอาศัยอยู่ที่บ้านพักครู แม่ไอ้อ๊อดเป็นครูประถม เราเข้าไปแวะทักทายแม่มันแป๊ปหนึ่ง มันมีน้องสาวถึงสี่คนครับ ส่วนพ่อมันหนีไปมีเมียน้อย (ชีวิตไอ้อ๊อดจริงๆก็น่าสงสาร มันถึงติดไอ้อ้วนแจ ไงล่ะครับ)
รถผ่านเข้าไปในตลาด ร้านค้าดูซบเซาลงอย่างประหลาด ตึกรามบ้านช่องเริ่มเก่าทรุดโทรม อย่างเห็นได้ชัด จะว่าไปเมืองนี้เคยรุ่งเรืองมาก่อน แต่เนื่องจากทางรัฐบาลตัดถนนใหม่สายเอเชีย ซึ่งห่างจากทางเข้าประมาณ 5 กิโล เมืองนี้เลยเหมือนเป็นเมืองปิด เพราะรถโดยสารไม่ผ่านเข้ามาในตัวเมืองอีกนั่นเอง ช่วงนี้ผู้คนเริ่มทะยอยอพยพไปอยู่ที่สี่แยกทางเข้าอำเภอ มีการจัดการตลาดสดกันใหม่ที่นั่น และตึกรามบ้านช่องก็เริ่มปลูกสร้่างกันเพิ่มขึ้น
พวกเราแวะเข้ามาถึงตัววัดประธาน ซึ่งหลังจากพิสูจน์แล้วพระประธานมีอายุ ไม่ต่ำกว่าเจ็ดร้อยปี พระประธานนี้จะอยู่ในปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิ มือซ้ายวางหงายที่หน้าตัก ส่วนมือขวาจะวางคว่ำที่ขาขวา (ผิดพลาดประการใดขออภัยน่ะครับ)
ตามประวัติเล่าว่า เจ้าเมืองแตกทัพมาจากเมืองหนึ่ง แล้วดั้นด้นมาเจอเมืองร้างคือเมืองนี้อยู่กลางป่า ซึ่งร่มรื่นมีลำธารอุดมสมบูรญ์ แต่โดยมากจะเป็นป่าไผ่ ส่วนต้นมะพร้าวและต้นหมาก เห็นคนแก่คนเฒ่าเล่าว่า นำมาปลูกภายหลัง (เลยกลายเป็นสัญญลักษณ์ ของอำเภอนี้ไปโดยปริยาย)
ครั้งแรกที่เจ้าเมืองมาเจอ พระประธานเก่าแก่มาก ถูกรากต้นโพธิ์ รัดเศียรจนขาดตกอยู่ที่พื้น ส่วนหูข้างขวาขาดหวิ่นไป ต่อมาจึงมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ ต่อเศียร และต่อหูที่ขาดไป แต่ที่น่าแปลกก็คือ พระประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันตก (ปรกติพระประธานที่อื่นจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เคยสังเกตกันบ้างมั๊ยครับ) นอกจากนี้มีซากปรักหักพังที่บ่งบอกว่าเป็นโบสถุเก่า ล้อมรอบองค์พระ และข้างๆจะมีเจดีย์เก่าแก่ (ปัจจุบันมีคนไปโอบปูนสีขาวสร้างใหม่ น่าเสียดายมากๆ น่าจะอนุรักษณ์ของเก่าเอาไว้)
ขอต่ออีกนิดน่ะครับ ต่อมาไม่นาน มีคนนำลายแทงมาจากเขมร ตกดึกเมื่อพระเณรหลับไหลกันแล้ว ชายผู้นั้นเข้าไปเจาะทะลุกลางหลังขององค์พระ ถึงรู้ว่าข้างในกลวง เหมือนซ่อนสมบัติอะไรสักอย่างเอาไว้
แต่อีกตำนานกล่าวว่า...วันหนึ่งตอนบ่ายแก่ๆ เณรน้อยรูปหนึ่งหายไปจากวัด แต่มีคนเห็นว่าล่าสุดท่องหนังสืออยู่ในโบสถุตามลำพัง...ในที่สุดทุกคนก็จับได้ว่าที่ปากของพระพุทธรูปมีรอยเลือดและเศษผ้าสบง...หลวงพ่อจึงทำพิธีฆ่าพระประธาน โดยฟันสพายแล่ง จากหน้าอกด้านซ้ายของตัวพระ พาดยาวสี่สิบห้าองศา ลงมาข้างล่างทางด้านขวามือ (ยังเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าอกขององค์พระมาจนทุกวันนี้) จากนั้นใช้มีดอาคมแทงด้านหลังจนเป็นรูโบ๋ ...อันนี้โปรดใช้วิจารณญาณเอาเองน่ะครับ
ทุกๆปีประมาณเดือนกุมภาพันธ์จะมีการเฉลิมฉลองพระประธาน เป็นที่สนุกสนาน รวมทั้งมีประเพณีแห่พระด้วย ซึ่งจะได้กล่าวถึงในลำดับถัดไป
พี่ซันจอดรถเสร็จ ก็กลายเป็นมัคคุเทศน์พาทุกคนนำเที่ยวชมวัด ด้านซ้ายมือก่อนเข้าไปในบริเวณวัด จะเป็นศาลศักการะท่านเจ้าเมือง (ปัจจุบันได้สร้างรูปปั้นจำลองท่านเจ้าเมือง เอาไว้เคารพบูชา สำหรับลูกหลานชาวเมืองนี้เรียบร้อยแล้วครับผม)
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนอกสนใจฟังพี่ซันบรรยายอยู่นั้น ผมก็สังเกตุเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง จอดอยู่ใต้ต้นโพธิ์หน้าโบสถุ ทำใมคุ้นๆจัง ผมเลยเลี่ยงผู้คนออกมาคนเดียว....ใช่แล้ว นี่มันรถของพี่ชายที่รัก อย่างแน่อน
ไวเท่าความคิดผมเลยย่องๆเข้าไปที่ข้างๆหน้าต่างโบสถุ และนั่น ภาพบาดตาของผมก็ปรากฏให้เห็นชัดเจน....
พี่ชายที่รักกับพี่กวางกำลังจุดธูปเทียนอธิษฐานขอพรจากพระ ทั้งคู่นั่งเคียงข้างอย่างสงบ ...ใครๆก็ดูออกว่าทั้งสองคนต้องเป็น...คู่รักกันอย่างแน่นอน....
ผมรู้สึกเหมือนโดนเข็มมาทิ่มแทงที่หัวใจอีกครั้ง...ทำไมน่ะ ทำไมเรายังไม่ลืมพี่ชายที่รักสะที...ดูสิ ทีเมื่อก่อนคนที่นั่งข้างๆพี่ชายที่รัก และขอพรจากพระคือตัวเราไม่ใช่เหรอ....แล้วตอนนี้ผมควรจะทำยังไงดี ...ผมวิ่งเตลิดออกไปนอกวัด ด้านหลังโบสถุุ เหมือนคนเสียสติ...จนมานั่งอยู่ที่ท่าน้ำข้างลำห้วย อย่างไม่รู้ตัว
ผมนั่งน้ำตาคลอเบ้า มองสายน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว ด้วยใจหดหู่...อนิจจา...ถึงแม้ว่าผมจะพยายามหนี...หนีพี่ชายที่รักมากเท่าไหร่ ...แต่ทำยังไงก็หนีหัวใจรักไม่พ้น...ถึงแม้ว่าจะลืมเลือนไปบ้างเมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง....แต่ทว่าคราใดที่เจอพี่ชายที่รัก...ทำไม หัวใจของผมถึงเจ็บปวดมากมายขนาดนี้....หรือว่านี่คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วใช่มั๊ย...ว่าแท้ที่จริงในหัวใจทั้งสี่ห้องของผม ยังคงรอคอยพี่ชายที่รัก...อยู่ทุกลมหายใจ