Wednesday, September 30, 2009

บทที่ 79 " กรกนก...แฟนสาว "

บทที่ 79 กรกนก...แฟนสาว

ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมในขณะนี้ มีใบหน้าที่สวยงามน่ารัก โครงหน้าดูดีเอามากๆ ไม่ใช่ใบหน้ารูปไข่ หรือคางแบบเหลี่ยมซะทีเดียว แต่ดูกึ่งๆระหว่างทั้งสองแบบ แก้มทั้งสองข้างมีสีชมพูเรื่อๆ จมูกโด่ง งอนเชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีออกแดงเรื่อๆ ตาโตดำขลับ ประดับด้วยขนตางอนเช้ง คิ้วโก่งได้รูป วางพอเหมาะพอเจาะอยู่ บนหน้าผากที่กลมกลึง ยิ่งตอนนี้เธอติดกิ๊บสีขาวใหญ่ๆตามสมัยนิยม ยิ่งทำให้ใบหน้าของเธอดูน่ารักยิ่งขึ้นอีก แถมยิ่งขับให้ทรงผมนักเรียนทรงบ๊อบที่ดูธรรมดาๆ กลับกลายเป็นทรงผมที่ดูน่ารักเอามากๆ เธอยังคงอยู่ในชุดนักเรียน กระโปรงสีน้ำเงิน และเสื้อเชิ๊ตสีขาว ทำให้รูปร่างที่ดูอรชร ซึ่งสูงประมาณ 165 ซม. ดูสวยงามราวเทพธิดาในสายตาของผมทีเดียว
ไหนลองอธิบายมาสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น รึว่าเธอเปลี่ยนรสนิยมแล้ว เรื่องระหว่างเราจะได้จบกัน กรกนกใส่เป็นชุด ...ไม่ทำให้ผมทันตั้งตัว... เธอถือกระเป๋าแบบเป้สะพายแกว่งไปมา ด้วยความไม่สบอารมณ์ ...คิ้วเธอขมวดเข้าหากันเล็กน้อย... พร้อมกับสายตาที่จ้องมองมาที่ผมนั้น มันเต็มไปด้วยคำถาม...อยู่ดีๆชายคนรัก มีใครก็ไม่รู้...รึจะเรียกว่า กระเทยที่ไหนก็ไม่รู้ ก็คงจะถูก...มายืนกอดออเซาะร้องไห้...ออดอ้อน กลางสาธารณะชน...จะไม่ให้เธอคิดเป็นอื่นได้อย่างไร
กรกนก...อ่ะ เ่อ่อ ...เธอกำลังเข้าใจผิดน่ะ สิ่งที่เธอเห็น...ไม่ใช่สิ่งที่เธอกำลังคิด ผมละล่ำละลัก รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน พร้อมกับแกะมือนังแต๋นออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว
นังแต๋นเองก็ตกใจไม่น้อย มองหน้า กรกนก อย่างงงงัน แต่ก็มีกะใจทักทายขึ้นมาว่า
เ่อ่อ เธอคงจะเป็นแฟน แกะล่ะสิน่ะ เราขอโทษน่ะ ที่ทำให้เธอเข้าใจผิด
แล้วตกลงเรื่องมันเป็นยังไงล่ะ กรกนกเริ่มมีสีหน้าดีขึ้น หันไปคุยกับแต๋นอย่างกันเอง
เธอต้องภูมิใจ ในตัวแฟนเธอน่ะ มานี่เถอะ คนสวย เราจะอธิบายให้ฟัง แต๋นถือโอกาสจูงมือกรกนก ไปนั่งที่ม้านั่งสำหรับผู้โดยสาร ภายใต้หลังคา ของอาคาร ผมเห็นว่า สองสาวคงจะมีเรื่องอยากคุยกันเป็นการส่วนตัว ก็เลยเลี่ยงออกมา โดยเอากระเป๋าสะพายที่บรรจุเสื้อผ้าของแฟนสาว ไปเก็บไว้ที่รถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นก็นั่งมองมาที่คนทั้งสอง ซึ่งอยู่ไม่ห่างเท่าใดนัก
เห็นสองสาวหัวร่อต่อกระซิก อย่างคนคุยถูกคอ เฮ้อ...โล่งอกไปที อย่างน้อยแต๋น มันก็น่าจะอธิบายให้แฟนผมเข้าใจบ้่างล่ะ ในฐานะที่ผมช่วยมันไว้ในระดับหนึ่ง
สักพักหนึ่งนังแต๋นก็โบกไม้โบกมือให้ผม แล้วเดินจากไป บ้านของแต๋นอยู่ไม่ไกลจากบขส. เท่าไหร่นััก ส่วนกรกนกก็เดินยิ้มกริ่มมาที่ผม
ตกลงเข้าใจเราดีแล้วใช่มั๊ยล่ะ ผมยิ้มให้คนรักด้วยความสุขใจ ที่เห็นใบหน้าของเธอยิ้มแย้มแจ่มใส
อืม เข้าใจแล้ว แต่แต๋นขออะไรเราอย่างหนึ่งแน่ะ กรกนกยิ้มอย่างมีเลศนัย แฮะ หรือว่า...
ขออะไร ผมขมวดคิ้ว นี่นังแต๋นยังจะขออะไรจากแฟนผมอีก
เขาขอ...คิกคิก...ขอเป็น...ขอเป็นน้อยน่ะ ฮิฮิ กรกนกเอามือปิดปาก หัวเราะงอหาย จนตัวโยน
ก๊ากๆๆๆๆ เล่นตลกอะไรอีกล่ะเนี่ยะ ฮ่ะ ฮ่ะ ผมอดหัวเราะไม่ได้ แฟนผมก็เป็นอย่างนี้แหละ ชอบอำผมอยู่เรื่อย
แต๋นเขาน่าสงสารน่ะ เห็นบอกว่าถูกผู้ชายหลอก เอาเงินเอาทองไปก็ตั้งเยอะ พอมาตอนหลังจับได้ว่าไปมีแฟนเป็นผู้หญิง ก็เลยจะมาตกลงกัน ส่วนฝ่ายผู้ชายคงจะอายเพื่อนๆล่ะมั้ง ถึงทำกับแต๋นแบบนี้ แฟนผมอธิบายให้ผมฟังเรื่อยๆ
แล้วแต๋นเขาเข็ดรึยังล่ะ เขาจะทำยังไงต่อไป
เห็นบอกว่า ได้รักแล้ว คงจะเลิกยาก ไว้มีโอกาสจะพยายามปรับความเข้าใจกันใหม่
เวรกรรม เขาทำถึงขนาดนี้ ยังไม่เข็ดอีก เราสองคนนิ่งไปพักหนึ่ง ต่อมากรกนกจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
แต่งตัวซะหล่อเชียว ตอนแรกจำแทบไม่ได้เลย จะพาแต๋นไปเที่ยวไหนเหรอ ฮึ ฮึ แนะ ยังมีลูกเหน็บอีกน่ะ แม่กรกนก แฟนสาวคนสวยของผม
ก็แต่งตัวมารับแฟนไงคร๊าบ...ไม่น่าถามเล๊ย ผมยักคิ้วข้างหนึ่ง ทำหน้าเจ้าเล่ห์ตามสไตล์ ก็เลยโดนทุบเข้าที่หน้าอกดังตุ๊บ
นี่แนะ เจ้าเล่ห์นัก แล้ว หน้าตาไปโดนอะไรมา ทำใมเขียวคล้ำแบบนี้ เธอเริ่มจับสังเกตใบหน้าของผม ถึงจะเอาแว่นดำมาปิดตาข้างซ้ายที่บวมตาแทบปิด แต่ใบหน้าส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโหนกแก้ม ปลายคาง ยังมีรอยช้ำๆ เขียวๆจางๆ จากการถูกชกต่อยอยู่ดี
ต่อยมวยที่โรงเรียนน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ผมพยายามเบี่ยงตัวหลบ ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ เตรียมสตาร์ท แล้วรีบพูดต่อ ไม่ให้เธอจับผิดสังเกต เกิดเธอถอดแว่นผมขึ้นมาคงจะดูไม่จืดเลยน่ะเนี่ยะ
รีบไปกันเถอะ ไอ้ก้อย วาด และเพื่อนๆรออยู่ที่ร้านขนมน่ะ ผมสตาร์ทรถทันที
คิดดีแล้วเหรอ ไปต่อยมวยน่ะ เราเป็นห่วงน่ะ แฟนผมบ่นอุบ แต่ก็ไม่ว่าอะไรมาก เธอขึ้นนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ โดยนั่งเอียงๆเอาด้านซ้ายมาชนหลังของผม หันหน้าไปทางถนน แล้วใช้มือข้างซ้ายเกาะเอวผมไว้หลวมๆ (เนื่องจากเธอใส่กระโปรงอยู่จึงนั่งคร่อมแบบผู้ชายไม่ได้ คิดว่าเพื่อนคงมองภาพออกน่ะครับ)
เกาะแน่นๆน่ะ เราจะออกรถแล้ว กรกนกจึงเกาะเอวผมแน่นขึ้น ส่วนมืออีกข้างเธอคงจะจับที่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์ (หมายเหตุ ในสมัยนั้นยังไม่มีกฎหมายใส่หมวกกันน็อคครับผม)
ผมพาเธอ ขับรถมอเตอร์ไซค์ วิ่งช้าๆ เข้าไปในตลาด ผ่านร้านรวง ต่างๆ ดูเธอตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เราสองคนผ่านพวกนักเีรียนที่กำลังเดินกลับบ้าน กลุ่มแล้ว กลุ่มเล่า... ต่างพากันส่งเสียง ฮือฮากันใหญ่ เพราะพวกนั้น จำผมได้นั่นเอง พวกเขาคงจะงง ว่าผมพานักเรียนสาวที่ไหนซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ดูท่าทางหวานแหววกันเหมือนคู่รักกันยังไงยังงั้น...บรรยากาศตอนนี้ ผมมีความสุขมากเลยครับพี่น้อง
ผมจอดรถที่หน้าร้านเจ๊แหม่ม ยังไม่ดับเครื่องดีเลย ไอ้พวกเพื่อนตัวแสบ ก็พากันออกมา ต้อนรับแฟนผม ส่งเสียงอื้ออึงดังลั่น นี่มากันครบเซ็ตเลยนี่หว่า ไม่ว่าจะเป็น วาด ไอ้ก้อย ไอ้จุ๊ ไอ้ซอ ไอ้อ้วน ไอ้อ๊อด ไอ้ม้วน ไอ้เท่ง ไอ้โกก ไอ้เบนซ์ อ้าว แล้วนั่นไอ้โชคมันมาเกี่ยวอะไรกับงานนี้ว่ะเนี่ยะ
มาแล้ว มาแล้ว แฟนไอ้แกะ เป็นไงสวยมั๊ย พวกเรา ไอ้จุ๊ หันหน้าไปบอกเพื่อนใหม่ในกลุ่ม ส่วนเพื่อนจากโรงเรียนเดิมรู้จักกรกนกดีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องแนะนำให้เสียเวลา
สวย สวยว่ะ สมกันยังกะกิ่งทองใบหยก เลยน่ะเนี่ยะ เสียงไอ้โกกดังขึ้น
โห แม่ง ไอ้แกะ มันจ๊าบว่ะ ดูมันแต่งตัวไปรับแฟนมันสิ เท่ห์เป็นบ้าเลย ไอ้ม้วนพูดมั่ง
นี่ๆ พวกเธอ กลับเข้าไปนั่งที่กันได้แล้ว เสียงไอ้ก้อยทอมสาวดังลั่น ได้ผลทุกคนต่างกลับไปนั่งที่ของใครของมัน แต่ก็ยังส่งเสียงแซวมาเป็นระยะๆ
ผมได้ที่นั่งข้างๆไอ้โกก ถัดไปเป็นไอ้ม้วน และไอ้โชค ส่วนตรงข้ามผม เป็นกรกนก ไอ้ก้อย และวาด ผมเพิ่งสังเกตว่า ไอ้ก้อยมันเปลี่ยนไปแฮะ จากเดิมที่ดูเป็นทอมบอย ทำใมมันกลายเป็นหญิง แถมสวยซะด้วยสิ เราสั่งขนมกันมาคนละถ้วยสองถ้วย ผมก็เลือกขนมถ้วยโปรดคือ ฟักทองกับรากบัวเชื่อม และสั่งให้กรกนกแฟนผมด้วย
ตกลง เธอจะค้างกับพวกเราคืนนี้ แล้วตอนเช้าจะรีบไปเลยหรือ ไอ้ก้อยถามแฟนผมขึ้น
ใช่ ก็พี่สาวเรา (อาจารย์ของพวกผมที่โรงเรียนเก่าครับ) จะย้ายไปสอนที่ต่างจังหวัด เราต้องไปช่วยพี่เราเก็บของน่ะสิ
แล้วๆ คืนวันพรุ่งนี้ เธอ พอจะมีเวลามาสังสรรค์กับพวกเราที่บ้านแกะมั๊ยล่ะ เดี๋ยวพวกเราให้เบนซ์ขับรถไปรับ วาดพูดขึ้นมาบ้าง
งานสังสรรค์อะไรกัน เราไม่เห็นรู้เรื่องเลย ผมโพล่งขึ้นมาด้วยความสงสัย จะจัดงานกันตอนไหน ไม่ยักกะรู้แฮะ แถมบ้านตัวเองซะด้วยสิ
นี่นายแกะ พี่กวางไม่ได้บอกรึไง พวกเรานัดกับพี่เขาไว้เป็นอาทิตย์สองอาทิตย์แล้วย่ะ พี่เขาอยากเจอยัยกรด้วย ไอ้ก้อยตอบคำถามแทน อ้าว ตกลงพี่สาวกูนัดกับเพื่อนๆกูไว้ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ยะ รึว่ากูมัวแต่หลงระเริง.....ก็เลยไม่รู้เรื่องกัน
ขอเราไปเที่ยวบ้านแกะด้วยสิ เราอยากไปน่ะ น่ะแกะ ไอ้โชคมันพูดขึ้นมาบ้าง แต่สายตาดันมองแต่หน้าไอ้ก้อย อืม...กูพอจะรู้แล้ว ที่ไอ้โชคมันมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ อยู่ตอนนี้....และไอ้ก้อยเปลี่ยนไปเป็นสาวสวย ก็เพราะเหตุนี้ นี่เอง...สำคัญน่ะมึง ไอ้โชค สำคััญทีเดียว อิอิอิ
ไม่มีปัญหา ว่าแต่ทางบ้านนายรู้เรื่องรึยังล่ะ เดี๋ยวพ่อแม่นายมาว่าเราไม่ได้น่ะ ผมตอบมันพร้อมยักคิ้วให้มันข้างหนึ่ง เหมือนรู้ทัน ที่มันมาจีบไอ้ก้อย
ก็...เราก็กำลังขอร้องนาย ให้ไปช่วยพูดกับพ่อเราให้ไง พ่ออยู่ที่โรงพักน่ะ โรงพักตำรวจจริงๆแล้วก็อยู่ตรงข้ามกับร้านเจ๊แหม่มนั่นแหละ เดินข้ามถนนไปแป๊ปเดียวก็ถึงแล้ว
เออ เดี๋ยวเราจะไปคุยให้ ผมบอกมันไปคิดว่าหลังจากทานขนมเสร็จจะแวะไปหาพี่หมวดอยู่พอดี เพราะแกเองก็จะไปบ้านผมในคืนพรุ่งนี้อยู่เหมือนกัน
สรุปตกลง เพื่อนๆในแก๊งค์ทั้งหมดจะไปเที่ยวบ้านผมกัน โดยมีไอ้เท่งเป็นคนขับรถ มันจะยืมรถกระบะของพ่อมันไป พวกเราตกลงจะพากันออกเดินทางหลังเลิกเรียนในวันพรุ่งนี้ เพราะวันศุกร์และวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการ พวกเราจึงมีเวลาถึงสี่วันในการท่องเที่ยว
เฮ้ย นี่ไอ้แกะ มึงอยู่ในร้านขนาดนี้ แล้วมึงยังใส่แว่นดำอยู่อีกหรือว่ะ เอ... แว่นสวยดีว่ะ มาขอกูยืมใส่หน่อย ไอ้ม้วน ไอ้เพื่อนตัวแสบ มันกำลังเข้ามายื้อแย่งแว่นออกจากหน้าผม
เฮ้ย ไม่ได้ ไม่ได้ ดะ เดี๋ยว ผมพยายามร้องห้ามเสียงหลง
อะไรกัน แกะ แค่เพื่อนขอยืมใส่แค่นี้ ก็ไม่ได้เชียวเหรอ กรกนกทำเสียงดุๆ ทำนองตำหนิ
แต่ อะ เอ่อ แต่ว่า... ผมไม่รู้จะทำยังไงดี ก็เลยจำยอมให้ไอ้ม้วนมันถอดแว่นออกไปจนได้ ผมเลยรีบเอาฝ่ามือข้างซ้ายมาปิดตาซ้ายที่มันบวมเป่งทันที
อืม เท่ห์ดีว่ะ ใส่แล้วหล่อเหมือนมึงก็ดีสิ ไอ้ม้วนใส่แว่นแล้วยืดหน้าไปมา โดยไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติของผม
แกะ ตาเป็นอะไรน่ะ ทำไมถึงเอามือปิดไว้ โอย ตายๆๆๆๆๆๆๆ กรกนกจะดึงมือผมออกล่ะสิครับพี่น้อง
ไอ้ม้วน มึงเอาแว่นคืนมา เร็ว!” ผมเรียกมันเสียงดังลั่นเลย จนทุกคนถึงกับหันมามอง รวมทั้งแขกที่โต๊ะอื่นๆด้วย
แต่ช้าเกินไป กรกนกดึงมือผมออกจนได้ คราวนี้ ตาข้างซ้ายที่บวมปูด ตาจะปิดมิปิดแหล่จึงเผยโฉมออกมา อย่างช่วยไม่ได้ แค่นั้นแหละ ผมแทบเอาปี๊ปคลุมหัว
ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พระเอกเกาหลีตาปิด ฮ่ะ ฮ่ะๆๆๆๆๆ ไอ้พวกเพื่อนตัวแสบ มันพร้อมใจกันหัวเราะซะดังลั่นร้านเชียว เล่นเอาโต๊ะอื่นๆถึงกับมองมาแล้วยิ้มๆ
ผมรีบคว้าแว่นมาสวมทันที แล้วค่อนขอดแฟนสาวต่อ
ทำให้เราขายหน้า เธอต้องทำอะไรไถ่โทษน่ะ ผมต่อว่าแฟนสาว ซึ่งกำลังหัวเราะ ขำๆ กับท่าทีของผม
จ้า พ่อนักมวยฮีโร่ จะให้เราทำอะไรล่ะ ตอนนี้กรกนกรู้เรื่องทุกอย่างดีแล้ว จึงแซวผมกลับมา
หอมแก้ม ผมเอียงแก้มข้างหนึ่งไปให้เธอ
บ้า! อายเขา
ถ้างั้นป้อนขนมก็ได้เอา... ผมยื่นปากเข้าไปใกล้ๆหน้าเธอ
เฮ้อ ก็ได้ เพื่อเห็นแก่ความดี ที่ทำให้โรงเรียนของเธอน่ะเนี่ยะ ว่าแล้วแฟนผมก็ตักขนมป้อนเข้าปากผมอย่างช้าๆ... ทันใดนั้น ผมรู้สึกว่าเหมือนมีร่างของใครคนหนึ่งมายืนอยู่ใกล้ๆตัวผม และเสียงของไอ้ม้วนก็ดังลั่นอยู่ข้างๆหู
อ้าว พี่เอก มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ หวัดดีครับพี่

Tuesday, September 29, 2009

บทที่ 78 " เหตุเกิด...ที่ชานชาลา "

บทที่ 78 เหตุเกิด...ที่ชานชาลา

ผมขับมอเตอร์ไซค์ออกมาพ้นซอยแล้ว กำัลังจะเข้าถนนใหญ่ น้ำตาเจ้ากรรมมันไหลไม่หยุด จนเปียกแว่นไปหมด ผมจึงจำเป็นต้องหยุดรถเข้าข้างทาง สงบสติอารมณ์สักพัก...
พี่ชายที่รักครับ...โชคดีเช่นกันน่ะครับ ต่อไปนี้ ไม่มีผมแล้ว หวังว่าพี่ชายที่รักจะเดินทาง ไปในทางที่ถูกต้องซะที...ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลบันดาลให้ พี่ชายที่รักเห็นใจในความรักของพี่กวาง และตกลงเป็นคู่รักกัน...ซึ่งนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้นแล้ว.... ผมรำพึงรำพันให้กับตัวเอง พร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าสะอื้นไห้ ผมภาวนาขอให้การสูญเสียน้ำตาของผมในครั้งนี้ เป็นการร้องไห้อาลัยรัก... พี่ชายที่รักเป็นครั้งสุดท้ายทีเถอะ...
ผมกลั้นใจล้วงผ้าเช็ดหน้า ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหลัง เช็ดคราบน้ำตาให้แห้งเหือด รวมทั้งเช็ดแว่นตาเรย์แบนด์สีดำอย่างบรรจง เอาล่ะเราต้องเข้มแข็ง เพื่ออนาคตของเรา และของพี่ชายที่รักด้วย จะมามัวเสียน้ำตาอีกไม่ได้แล้ว...
ผมขับรถต่อไป พยายามลืมทุกสิ่งอยู่ข้างหลัง กรกนก... คือความหวังของเรา ความหวังในอนาคต ในการสร้างครอบครัวให้มั่นคง และอบอุ่น ผมจะต้องตัดใจจากพี่ชายที่รักให้ได้...ผมขับรถไปด้วยใจมุ่งมั่น จนกระทั่งผมพาตัวเองมาที่ชานชาลา บขส. รถประจำทางโดยไม่รู้ตัว...
ผมเหลือบดูนาฬิกา ตอนนี้มันแค่สี่โมงเย็น ยังเหลือเวลาอีกตั้งสามสิบนาที กว่ารถประจำทางที่กรกนก นั่งโดยสาร จะเดินทางมาถึง ผมจึงหามุมสงบจอดรถรออยู่เงียบๆ
ไปให้พ้น!...อีตุ๊ด อยากเจ็บตัวรึไง ห่ะ เสียงนั่นดังลั่น จนผมต้องหันหน้าไปมอง เอ๊ะ นั่นมัน อีแต๋น (จริงๆชื่อแตน กระเทยห้องคิงส์ ที่ชอบมาก่อร้อก่อติกกับ แก๊งค์ผมไงครับ) กำลังถูกนักเรียนชายคนหนึ่ง ผลักอกกระเด็นล้มลงจากรถโดยสารคันหนึ่ง(เป็นรถสองแถว ที่ตามชนบทใช้รับส่งผู้โดยสาร)
พล ทำไมทำกับแต๋น อย่างนี้อ่ะ ฮือ ฮือ พลไม่รักแต๋นแล้วหรือ ทำไมต้องผลักไสไล่่่ส่งแต๋นถึงเพียงนี้ แต๋น ยังอยู่ในชุดนักเรียนชาย แต่ทั้งบุคลิกและการแต่งเนื้อแต่งตัว ใครๆก็ดูออกว่า เธอเป็นสาว... เธอกำลังร้องไห้คร่ำครวญ อย่างน่าเวทนา เป็นที่น่าสมเพสของนักเรียนชายอีกกลุ่มใหญ่ที่อยู่บนรถโดยสารคันนั้น
ใครบอกว่ากูรักมึง อีกระเทยเอ๊ย ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว กูรักผู้หญิงโว๊ย จะบอกให้หายโง่ ใครจะไปเอามึงลง อีตุ๊ด ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสียงของนักเรียนชายที่ชื่อพล (เรียนอยู่ม.4 ห้องแปด สูงประมาณ 170 ผิวเข้ม หน้าคม หุ่นสมาร์ท หล่อสไตล์ลูกทุ่ง ท่าทางจะเป็นลูกชาวไร่ชาวนา และที่สำคัญ เป็นนักกีฬาบาสฯ ของโรงเรียน ไม้เบื่อไม้เมากับไอ้ซอเพื่อนผมนั่นเอง) มันกำลังหัวเราะเยาะ และดูถูกเหยียดหยาม แต๋น อย่างที่สุด
ถ้าพลไม่รักแต๋น แล้วมาหลอกแต๋นทำไม ฮือ ฮือ แต๋นยังร้องไห้ไม่หยุด
ก็มึงมันโง่เองนี่หว่า ฮ่า ฮ่า เฮ้ย! พวกมึงอีกระเทยนี่มันบอกว่า มันรักกูว่ะ ฮ่า ฮ่า ถุย! ไอ้พลหัวเราะเยาะ แถมถ่มน้ำลายลงพื้น ต่อหน้าแต๋น อีกต่างหาก
โห่ ฮิ้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อีกระเทยหน้าโง่ เสียงนักเรียนชายกลุ่มนั้นส่งเสียงโห่ฮา แบบป่าเถื่อน แล้วพวกมันสามสี่คน รวมทั้งไอ้พล ก็กระโดดลงจากรถ เข้ามาจับแต๋น ผลักไปให้คนนั้นที คนนี้ที่เป็นที่สนุกสนาน เหมือนเป็นตัวตลกของพวกมัน
เอาเฮ้ย ใครอยากได้ อีกระเทยนี่เป็นเมีย กูยกให้ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ไอ้พล ผลักแต๋นไปให้เพื่อนมันคนหนึ่ง
มามะ อยากดูด คะอวยมากไม่ใข่เหรอ อีตุ๊ด มันกดหน้าแต๋นเข้าไปที่เป้ากางเกงของมัน แล้วผลักไปให้คนอื่นๆ ทำแบบเดียวกัน ต่อๆไป เรียกเสียงหัวเราะครื้นเครงไปทั้งคันรถ ผมล่ะแปลกใจจริงๆ ก็เห็นมีผู้ใหญ่อยู่ในรถตั้งหลายคน กลับไม่มีใครห้ามปราม ต่างพากันหัวเราะงอหายเป็นที่สนุกสนาน ...
อย่า ฮือ อือ อย่า อย่าทำแต๋น แต๋นได้แต่ร้องไห้ พยายามดิ้นรนช่วยเหลือตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนจะคิดเข้ามาช่วย คงปล่อยให้หญิงในร่างชายถูกกระทำย่ำียีต่อไป... แต๋นคงจะเจ็บใจ ...เสียใจที่คนที่ตัวเองคิดว่ารัก กลับทำตัวผลักไส แถมยังพาเพื่อนมาทำกิริยาป่าเถื่อน ให้อับอายขายหน้าชาวบ้าน ถึงขนาดนี้
กรรมของแก แล้ว อีแต๋นเอ๊ย เกิดมาเป็นแบบนี้ก็แย่พอแล้ว... ยังไม่วายเป็นที่ตลกขบขันของคนจิตใจเลวทรามอย่างไอ้พวกนี้อีก ผมเดินปราดเข้าไปขัดขวาง เพราะทนเห็นสภาพของคนถูกรังแกต่อไปไม่ไหว
รังแกคนไม่มีทางสู้แบบนี้ คิดว่าเป็นลูกผู้ชาย พอรึไง ผมตะโกนลั่น อยากให้ได้ยินถึงผู้ใหญ่หลายๆคนที่นั่งอยู่ข้างในรถ ให้รู้สำนึกถึงความเป็นคนมั่ง แทนที่จะห้ามปราม กลับเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน ลูกเต้า ญาติโกโหติกา ของท่านๆ ไม่เกิดมาเป็นแบบแต๋น ไม่รู้หรอกว่า มันเจ็บปวดเพียงใด
เสียงตะโกนของผม คงดังพอสมควร...ได้ผลทุกคนเงียบกริบ แต่...
เฮ้ย แล้วมึงมาเสือก เรื่องของชาวบ้าน ทำไมว่ะ ไอ้พลพูดไม่พูดเปล่า ปล่อยหมัดหนึ่งเข้ามา เพื่อที่จะให้โดนใบหน้าผม แต่กลับโดนแค่ข้อศอกที่ผมยกขึ้นปกป้อง ขณะเดียวกัน มันโดนหมัดสวนไปที่ปลายคาง อย่างจัง ฝีมือมันคนล่ะขุมโว๊ย พรรคพวก
พลั่ก!
ตัวมันเสียหลักเอียงกะเท่เร่ ถลาลงที่พื้นอย่างสะใจ สมน้ำหน้ามึง หาเรื่องเจ็บตัวแท้ๆเลยน่ะมึงนี่
เฮ้ย มันต่อยกู พวกมึงจัดการมันเร็ว! คราวนี้พวกมันเตรียมตัวรุมผม ย่างสามขุมเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ส่วนแต๋น เมื่อเห็นมีคนมาช่วย ก็วิ่งมาเกาะข้างหลังผม ด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา
แกะ...พระเอกเกาหลี ใช่มั๊ย ช่วยแต๋นด้วยน่ะ ช่วยแต๋นด้วย ฮือ ฮือ แต๋นพูดละล่ำละลั่ก
อืม ไม่ต้องกลัวแต๋น มีเราอยู่ทั้งคน พวกมันไม่กล้าทำอะไรแต๋นหรอก ผมปลอบใจแต๋น พร้อมตั้งการ์ดเตรียมสู้
เฮ้ย พวกเรา นี่มัน ไอ้พระเอกเกาหลีนี่หว่า เสียงใครคนใดคนหนึ่งดังขึ้น คราวนี้แทนที่พวกมันจะมาหาเรื่อง พวกมันกลับมาขอจับมือแทน
นึกว่าใครที่ไหน ฮีโร่ของโรงเรียนนี่เอง ขอจับมือหน่อยน่ะ พวกมันต่างพากันยิ้มแย้มด้วยความเป็นมิตร
กูไม่จับ จนกว่าพวกมึงจะขอโทษแต๋นเขาก่อน ผมปัดมือพวกมันออกไป อย่างรังเกียจ พวกมันหน้าจ๋อยไปตามๆกัน แต่ก็ชะเง้อชะแง้คอมองหาแต๋น ที่อยู่ข้างหลังผม พร้อมพากันพูดว่า
อะ เอ่อ พวกเราขอโทษ น่ะแต๋น พวกเราไม่ได้ตั้งใจหรอก พวกเราทำตามไอ้พล มันน่ะ คราวนี้เพื่อนๆมันต่างยอมศิโรราบ แต่โดยดี พวกมันคงไม่อยากมีเรื่องกับผมกระมัง
มึงคิดว่ามึงเป็นมวย แล้วจะเอาชนะกูได้ทุกเรื่องรึยังไง ไอ้พลลุกขึ้นมาจ้องหน้าผมด้วยความโกรธ
มึงอยากได้อีกสักหมัดมั๊ย เผื่อทำให้มึงสำนึกบ้าง ผมขู่มันไป
เฮ้ย พล อย่ามีเรื่องกันเลยว่ะ พวกเราสู้เขาไม่ได้หรอก เขาเป็นนักมวยน่ะมึง และที่สำคัญ พวกกูอยากเป็นมิตรกับเขาว่ะ พวกมันพยายามเกลี้ยกล่อมไอ้พล
จำไว้น่ะพวกมึง เห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อน ไอ้พลมันด่าเพื่อนๆมันด้วยความโกรธ
กูไม่ต่อยกับมึงหรอก ยังไงกูก็แพ้มึงอยู่ดี แต่จำไว้น่ะวันนี้กูแพ้ แต่วันหน้ากูจะเอาคืน มันกล่าวอาฆาตแฮะ แต่ผมไม่กลัวมันหรอก
มึงอยากเป็นผัวอีตุ๊ด นี่มากใช่มั๊ย เอาไปเลย กูยกให้ แล้วบอกมันน่ะ ว่าอย่ามายุ่งกับกูอีก ว่าแล้วมันก็เดินหนีขึ้นรถไป พร้อมกับที่เพื่อนๆมันก็ทะยอยกันขึ้นรถ เพราะโชเฟอร์ตะโกนบอกว่ารถจะออกแล้ว แต่ทว่านังแต๋นนี่สิ...
พล...อย่าทิ้งแต๋นไป ฮือ ฮือ...แต๋นรักพล น่ะ ฮือ ฮือ แต๋นพยายามจะวิ่งตามไป แต่โดนผมจับข้อมือเอาไว้ทันท่วงที
โดนเขาทำถึงขนาดนี้ ยังจะอาลัยอาวรณ์เขาอยู่อีกหรือ ผมกล่าวด้วยความระอา
แกะ ไม่เป็นแบบเรา แกะไม่รู้หรอก ฮือ ฮือ ในขณะเดียวกัน รถโดยสารของพวกมันก็ขับผ่านเราสองคนออกไป
อีตุ๊ด ไปลงนรกซะไป๊!” ไอ้พลยื่นหน้าตะโกนออกมานอกรถ ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป
ฮือ ฮือ แกะ แล้วแต๋นจะทำยังไงดี ฮือ ฮือ แต๋นเอาหน้ามาซบที่อกผม แล้วร้องให้สะอึกสะอื้นออกมาใจแทบขาด
อะเอ่อ แต๋นมันไม่ดีมั๊ง เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า ผมพยายามดึงร่างแต๋นออกจากการซบ แต่แต๋นกลับยิ่งกอดรัดผมแน่นยิ่งขึ้น
ฮือ ฮือ พลทิ้งแต๋นไปแล้ว ฮือ ฮือ แกะ ต้องรับผิดชอบน่ะ ฮือ ฮือ
อะ อ้าว แล้วจะให้เรารับผิดชอบยังไงล่ะแต๋น ผมละงงกับคำถามของแต๋น ขึ้นมาซะแล้วสิ
ก็...มาเป็นแฟนแต๋น แทนไง ฮือ ฮือ
เฮ้ย ไม่ได้หรอก เรามีแฟนแล้วน่ะ และเราไม่ได้ชอบ อ่ะ เอ่อ แบบแต๋นอ่ะ ขอโทษน่ะ (ถ้าเป็นแมนๆ ล่ะก็ กูจะไม่ว่าเล๊ย...เฮ้อ อ้าว เวรรรรรรรรรรรร ขออภัยน่ะครับพี่น้อง ที่มาขัดจังหวะ หุ หุ )
พูดยังไม่ทันขาดคำเลย เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ทำอะไรกันน่ะ! ผมหันขวับไปตามเสียง แล้วต้องตกใจถึงกับตาเหลือก ก็จะมีใครที่ไหนอีกล่ะคร๊าบพี่น้อง โอย...ไม่ซวยคราวนี้ แล้วจะไปซวยคราวไหนอีกๆๆๆๆๆๆๆ ผมเรียกชื่อเจ้าของเสียงออกมาอย่างลืมตัว
กรกนก!

Saturday, September 26, 2009

บทที่ 77 " โชคดีครับ...น้องชายที่รัก "

บทที่ 77 โชคดีครับ...น้องชายที่รัก

ผมยืนนิ่งอึ้ง ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี พี่ชายที่รักคงจะโกรธมากถึงเดินหนีออกจากห้องไปซะเฉยๆ อย่างนั้น ... แต่แกก็เคยบอกผมแล้วนี่ ว่าถ้าผมจะเลือกทางเดินเอง แกจะตามใจผม นี่นา....
ผมยืนหันรีหันขวาง จะออกไปตามพี่ชายที่รักดีมั๊ย คิดไปคิดมาหลายตลบ เดินไป เดินมาก็แล้ว...ในที่สุดก็ตัดสินใจ จะออกไปตามแก กลับปรากฏว่า พี่ชายที่รัก เดินถือถุงกระดาษที่ไว้ใส่เสื้อผ้า เดินสวนทางเข้ามาในห้อง แล้ววางถุงกระดาษที่ข้างๆเตียงนอน ใกล้ๆ กับโต๊ะเครื่องแป้ง (โต๊ะที่มีกระจก และมีเก้าอี้ ไว้นั่งแต่งตัว ปรกติผู้หญิงจะใช้เป็นที่แต่งหน้าทาปาก พูดง่ายๆ เหมือนห้องพักในโรงแรมก็แล้วกันน่ะครับ)
แกะ มานี่หน่อย พี่มีอะไรจะให้ดู เอ๊ะ น้ำเสียงพี่ชายที่รักก็ปกติ นี่นา ไม่เห็นแกจะโกรธอะไรสักหน่อย
ครับ พี่ดำ มีอะไรหรือครับ ผมเดินเข้าไปยืนประกบข้างๆโดยง่าย ก็กลัวว่าแกจะโกรธนี่ครับ... พี่ดำล้วงเอากล่องใส่แว่นตายี่ห้อเรแบนด์ ขึ้นมาแล้วแกะกล่องออก เผยให้เห็นแว่นตากันแดด สีดำ ขอบทอง ใหม่เอี่ยม เหมือนไม่เคยถูกใช้มาก่อน
นี่เป็นแว่นตากันแดด ที่พี่เก็บหอมรอมริบ ตอนทำงานช่วยงานน้าอรที่นิวซีแลนด์ จนซื้อมันได้นี่แหละ ว่าแล้วแกก็กางขามันออกแล้วสวมเข้าที่ใบหน้าของผม
อืม หล่อทีเดียว พระเอกเกาหลีของพี่ คราวนี้ แฟนแกะคงไม่เห็นขอบตาที่บวมแล้วน่ะ พี่ชายที่รักพูดพร้อมกับยิ้มๆ
โอ้โห พี่ชายที่รักครับ นี่ผมหรือครับ ทำไมหน้าตาแปลกๆ อ่ะ ผมตกตลึงความหล่อของตัวเอง (ไม่ได้ยอตัวเองนะครับ อิอิ) เมื่อมองไปที่กระจกเครื่องแป้ง ก็คนมันหล่อจริงๆนี่นา
อืม พี่ยกให้น่ะ รักษามันไว้ให้ดีล่ะ พี่ชายที่รักพูดขึ้น พร้อมกับจ้องหน้าผม สีหน้าของแกตอนนี้ดูดีขึ้นมาก ....เอ รึว่า เราจะคิดมากไปเอง
(หมายเหตุ เป็นแว่นกันแดด ที่ผมใช้มาทุกวันนี้ครับผม และในภาพถ่ายที่เพื่อนๆบางคนได้ยลโฉมไงครับ หุหุ)
ขอบคุณครับ พี่ดำ แล้วพี่ไม่เสียดายหรือครับ ท่าทางจะแพงน่ะครับ ผมตรงเข้าไปหอมแก้มแมนๆของแกดังฟอด แล้วกอดแกแน่น ความรู้สึกตอนนี้มันยากที่จะบรรยายจริงๆครับพี่น้อง มันบอกไม่ถูกอ่ะ เพราะเข้าใจว่าพี่ชายที่รักจะต้องโกรธเรื่องที่ผมจะไปเจอ กรกนก แฟนสาว แต่นี่แกกลับไปหาแว่นกันแดด แถมใหม่เอี่ยม และเป็นน้ำพักน้ำแรงที่แกหาเงินซื้อได้ด้วยตนเอง แกตั้งใจเอามาให้ผม เพื่อใส่อำพราง ตาข้างซ้ายที่มันบวม ในการไปพบแฟนสาวของผมนั่นเอง
พี่มีแว่นอีกอันหนึ่ง ไม่ต้องห่วงหรอก เออ นี่แน่ะ ยังมีกางเกงยีนส์ และเสื้อเชิ๊ตด้วยน่ะ ว่าแล้วแกก็ล้วงไปหยิบกางเกงยีนส์ สีน้ำเงินออกมา พร้อมกับเสื้อเชิ๊ตแขนสั้นสีออกน้ำเงินอมฟ้า สไตล์ มีกระเป๋าเสื้อถึงสี่กระเป๋า ที่อยู่ด้านหน้า แถมเล่นลายเย็บด้ายสีขาวปักโดยรอบ เท่ห์อย่าบอกใครเชียว
โห นี่มัน ลีวายน์ 501 ริมแดงนี่ครับ ผมอุทานเสียงดังถึงกางเกงยีนส์ยี่ห้อดัง และเป็นรุ่นที่นิยมในสมัยนั้น แถมทั้งกางเกงและเสื้อ ยังใหม่เอี่ยมอยู่เลย แสดงว่า พี่ดำไม่เคยใช้งานเลยตั้งแต่ซื้อมา
พี่ซื้อที่นิวซีแลนด์ ยังไม่เคยใส่เลย ไหนลองสวมให้พี่ดูหน่อยสิครับ ผมถอดกางเกงขาสั้นออกอย่างว่าง่าย แล้วใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินสุดเท่ห์ทันที
อืม เอวหลวมไปนิด เดี๋ยวพี่จะหาเข็มขัดมารัดสะหน่อยคงจะใช้ได้ ส่วนขากางเกงที่มันยาว ก็ปล่อยให้มันกองอยู่ที่ข้อเท้านั่นแหละ ใส่รองเท้าผ้าใบส้นที่มันสูงสักหน่อยก็โอเคแล้ว พี่ดำไม่ลืมที่จะเอาเข็มขัดหนังสีดำ ที่อยู่ในถุง เข้ามาร้อยหูกางเกง โห หลังจากแกจัดการรัดเข็มขัด แล้ว กางเกงยีนส์ที่ดูหลวมเมื่อกี้ ดูกระชับเอวขึ้นมาทีเดียว
พี่ดำจัดการ ใช้ลูกกลิ้งระงับกลิ่นกายมาทาที่ใต้วงแขนทั้งสองข้างของผม แล้วบรรจงสวมเสื้อเชิ๊ต โดยเอาปลายเสื้อเข้าข้างใน จากนั้นแกก็จับตัวผมหมุนไปมาที่หน้ากระจก
หุ่นดีเหมือนกันน่ะ บอกแล้วว่าน้องชายพี่หล่ออย่าบอกใคร ผมนึกว่าจะเสร็จแล้ว ยังครับ ยังไม่พอ พี่ดำดึงลิ้นชักที่กระจกเครื่องแป้ง ล้วงเขาเจลใส่ผม มาชะโลมทั่วทั้งศรีษะ จากนั้นแกก็ปัดๆ ดึงๆ ให้ผมที่มันสั้น ตั้งเด่เป็นแผงอยู่กลางหัว ทันสมัยเหมือนกันน่ะเนี่ยะ ผมมองตัวเองในกระจกถึงกับอ้าปากค้าง นี่กูหรือว่ะเนี่ยะ นึกว่านายแบบโฆษณาที่ไหน (แฟนคลับอย่าเพิ่งหมั่นไส้น่ะครับ ก็คนมันไม่เคยแต่งตัวอ่ะ อิอิอิ)
โห พี่ชายที่รักครับ ผมไม่อยากเชื่อเลยครับ ว่าจะเป็นตัวผม ที่อยู่ในกระจกนั่นน่ะครับ ผมยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ที่เห็นตัวเองเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้ ไม่น่าเชื่อจริงๆ
ใช่...น้องชายที่รัก ของพี่น่ะแหละ คราวนี้แฟนแกะ จะต้องประทับใจแน่ๆ พี่ดำพูดไป ก็ยังเอื้อมมือไปหยิบ น้ำหอม อรามิส กลิ่นคลาสสิก เข้ามาป้ายที่หลังใบหูของผม และที่ข้อมือทั้งสองข้าง
โอ้โห หอมจังครับ พี่ชายที่รัก ผมไม่กล้าออกจากบ้านแล้วครับ อายคนเขาอ่ะครับ ก็แหม ผมเคยใช้น้ำหอมกับเขาเป็นซะที่ไหน ดูเถื่อนๆอีกต่างหาก (ว่าแต่คนอื่นเถื่อน อิอิ) โชคดีที่หน้าตา พอดูได้ (ถ้าจะว่า เหมือนพระเอกเกาหลีอีก เดี๋ยวแฟนคลับบางคนจะค้อนเอาวงเบ้อเริ่ม ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ)
ท้งหล่อ ทั้งหอมไปทั้งตัวแบบนี้ สาวไม่หลง พี่ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว พี่ดำยังชมผมไม่หยุดปาก นี่ตกลงแกจะให้ผมเดินตามทางของผมจริงล่ะหรือ
พี่ชายที่รักครับ ผะ ผม อะ เอ่อ ผมเข้าไปกอดแกแน่น น้ำตาเริ่มไหลออกมาอีก ด้วยความตื้นตันใจ พี่ชายที่รักก็กอดผมแน่นเช่นกัน ผมได้ยินเสียงแกสะอื้นเบาๆ ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงสั่นพร่า ว่า
ไปเถอะ น้องชายที่รัก ไปตามทางที่น้องเลือกเดิน ไม่ต้องห่วงพี่น่ะครับ ผมถึงกับปล่อยโฮออกมา จนน้ำหูน้ำตาเลอะเทอะแว่นกันแดดราคาแพงอันนั้น
โฮ ฮือ ฮือ พี่ดำครับ ผม ผมรักพี่ครับ ฮือ ฮือ ผมร้องไห้เสียงดังอย่างไม่อาย พร้อมสะอื้นฮักๆ
ไม่ต้องร้องน่ะครับ คนดี ฮัก ฮัก ฮือ ฮือ พี่ชายคนนี้ ยินดีเสมอ ถ้าน้องชายที่รัก ของพี่มีความสุข พี่ดำกอดผมแน่น ร้องไห้สะอึกสะอื้น
ตะ แต่ พี่ครับ ผะ ผม ฮือ ฮือ ความรู้สึกจุกๆ แน่น มันตื้อๆขึ้นมาที่หน้าอก ความรู้สึกตอนนี้ มันบอกไม่ถูก ทั้งรัก ทั้งสงสารพี่ชายที่รัก เหลือเกิน ทำไมเราทั้งคู่จะต้องมาจบด้วยวิธีนี้ หรือว่าเป็นลิขิตของสวรรค์....
ผมจำไม่ได้ว่ายืนกอดพี่ชายที่รักอยู่นานแค่ไหน เราทั้งร้องไห้ทั้งรำพึงรำพันต่อกันไม่หยุด .....จนกระทั่ง เวลาที่จะไปรับ กรกนกก็ใกล้เข้ามา
พี่ชายที่รักให้ผมไปล้างหน้าล้างตา แล้วหาถุงเท้าและรองเท้าสีขาวมาใส่ จากนั้นแกก็หยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซด์ มาให้ (สไตล์แบบผู้ชายที่มีหม้อน้ำมันอยู่ข้างหน้าคนขับ และมีหน้ากากครอบอยู่ที่ไฟหน้ารถ) แกเดินมาส่งผมที่หน้าบ้าน
ผมขึ้นไปนั่งคร่อมประจำที่ สตาร์ทรถ เตรียมตัวจะออกรถ แต่ไม่รู้เป็นไง เป็นห่วงพี่ชายที่รักขึ้นมาเฉยๆ จึงจอดรถทิ้งไว้ แล้วเดินน้ำตาซึมเข้ามากอดพี่ชายที่รักที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู
พี่ดำครับ ผะ ผม ผมอยากจะบอกว่า ผมรักพี่เสมอน่ะครับ ฮือ ฮือ ผมกอดแกแน่นอีกครั้ง แกก็กอดตอบพร้อมกับพูดว่า
พี่บอกแ้ล้วไง ไม่ต้องห่วงพี่ อย่าร้องไห้ เดี๋ยวน้ำตามันจะเปียกแว่นกันแดดน่ะ คนดี ผมรู้ว่าพี่ชายที่รักกำลังกลั้นสะอื้น
แต่ ผะ ผม อะ เอ่อ ฮือ ฮือ ผมร้องไห้จนได้
ไปเถอะ เดี๋ยวแฟนรอ อย่าลืมพาเขามาพบพี่บ้างน่ะ พี่อยากจะรู้จักน้องสะใภ้ของพี่เหมือนกัน พี่ดำพยายามลากตัวผมมาที่รถ
ฮือ ฮือ ครับผม พี่ชายที่รักของผม ผมรักพี่น่ะครับ ฮือ ฮือ พี่ชายที่รักค่อยๆแกะมือผมออกจากการกอดรัด แล้วดันตัวผมขึ้นไปนั่งประจำที่ เตรียมออกรถ
ผมขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านช้าๆ ผมยังคงมองเหลียวหลังไปดู พี่ชายที่รักอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเกือบลับสายตา พี่ชายที่รักก็ยกมือข้างขวาขึ้นมา ปลายนิ้วชี้จรดที่หัวแม่มือเป็นรูปวงกลม อีกสามนิ้วที่เหลือ ก็เอียงตามเป็นรูปครึ่งวงกลม ไล่ลงไปตามลำดับ สัญญลักษณ์อันนี้ แกคงอยากจะบอกให้ผมรู้ว่า...
โชคดี...น่ะครับ...น้องชายที่รัก

Wednesday, September 23, 2009

บทที่ 76 " ข่าว...เซอร์ไพร้ "

บทที่ 76 ข่าว...เซอร์ไพร้

ผมได้แต่หัวเราะ หึ หึ แต่ไม่ได้พูดอะไร พอมาถึงบ้าน ก็ประมาณ เกือบหกโมงเย็น ตะวันกำลังจะตกดินพอดี พี่ชายที่รักรีบลากตัวผมไปอาบน้ำ แกจัดการอาบน้ำให้ผมซะดิบดี ยังกะผมเป็นเด็กๆยังงั้นแหละ แกฟอกสบู่ไปก็บ่นไป เรื่องที่ผมหาเรื่องเจ็บตัว
ดูหน้าสิ บวมปูดออกอย่างนี้ ความหล่อหายหมดเลย บอกแล้วไม่ฟังว่าไม่ให้ยุ่งกับพวกหมัดๆมวยๆ แกพยายามใช้สบู่ล้างหน้าให้ผมด้วยน้ำอุ่นๆ อย่างเบามือ
ตาข้างซ้ายนี่ท่าทางจะอักเสบมาก พรุ่งนี้สงสัยตาจะปิดรึเปล่าก็ไม่รู้ พี่ว่าไปหาหมอกันดีมั๊ย แกก็บ่นไปเรื่อย ด้วยความเป็นห่วง
เห็นอาจารย์วิชาญบอกว่าไม่เป็นไรนี่ครับ คืนนี้ผมอาจจะระบมไปทั่วตัวด้วยซ้ำ แต่แกก็จัดยามาให้แล้วนี่ครับ ผมพยายามบอกให้แกหายห่วง จะได้ไม่ต้องกังวลมาก
ยังไง ก็ต้องนอนพักผ่อนให้มากๆ น่ะครับ น้องชายที่รักของพี่ พี่ชายที่รักเช็ดตัวให้ผม พลางพูดไปด้วยความเป็นห่วง จากนั้นแกสวมกางเกงขาสั้นให้ แล้วก็พยุงตัวผมมานอนที่เตียง พร้อมเปิดเพลงเบาๆ ให้ผมเคลิบเคลิ้ม ฟังสบายๆ
พี่จะำไปหลังบ้านลุงกับป้าหน่อย เห็นแกชอบปลูกสมุนไพร บางทีอาจจะมีใบบัวบก มาคั้นเอาน้ำ ดื่มแก้ช้ำในได้ พักผ่อนน่ะครับ เดี๋ยวพี่มา พูดเสร็จพี่ชายที่รักก็ออกจากห้องไป ผมเลยนอนหลับตาเล่นๆ ตอนนี้อาการปวดยังไม่มีเพราะเพิ่งทานยาเข้าไปไม่กี่ชั่วโมง
สักครู่ใหญ่ๆ พี่ชายที่รักก็กลับมาพร้อมแก้วน้ำดื่มสีเขียวขุ่นๆ
อ้าว ดื่มซะ นี่น้ำใบบัวบก ทานแล้วแก้ช้ำในชงัดนักแหละ ว่าแล้วพี่ชายที่รักก็ประคองตัวผมให้ลุกขึ้น แล้วบรรจงยกแ้ก้วน้ำใบบัวบกให้ผมดื่ม โห พี่ชายที่รักช่างประเสริฐอะไรขนาดนี้เป็นห่วงเป็นใยผมมากมายขนาดนี้เชียวหรือ...
พี่ชายที่รักครับ พี่รู้มั๊ยครับ ตอนที่ผมพักยกสอง เ่อ่อ ตอนชกมวยน่ะครับ พอผมเห็นน้ำตาของพี่ ผมรู้เลยว่า พี่คิดอะไรอยู่ คราวนี้ผมจ้องหน้าแกด้วยความซาบซึ้ง ตาเริ่มรื้นๆขึ้นมาจนได้
น้องชายที่รัก ทำไมบ้าดีเดือดขนาดนั้น รู้ตัวว่าสู้เขาไม่ได้ ยังยอมเจ็บตัวอีก พี่ชายที่รักเองก็เริ่มน้ำตาซึม
ผมเห็นน้ำตาพี่น่ะแหละครับ เลยทำให้ผมมีแรงฮึด ผมดึงหน้าแกเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับเอาแก้มผมแนบแก้มแกไปมา
ทีหลัง อย่าทำแบบนี้อีกน่ะครับ คนดี... แกะรู้มั๊ยไม่ใช่แกะน่ะที่เจ็บคนเดียว หัวใจของพี่มันจะเจ็บยิ่งกว่า... น้ำตาพี่ชายที่รักเริ่มเอ่อล้นออกมาเป็นทาง
พี่ชายที่รักครับ ผมรักพี่ครับ พี่ช่างดีกับผมเหลือเกิน ฮือ ฮือ ผมดึงร่างแกเข้ามานอนกอดแนบแน่น ...เราสองคนกอดกันอยู่นานทีเดียว
ต่อไปนี้จำไว้น่ะครับ ไม่ว่าแกะจะทำอะไร ให้คิดถึงพี่บ้างน่ะครับ พี่ชายที่รักก็เริ่มร้องไห้ออกมาอีก... ใช่ครับพี่ชายที่รัก เพราะพี่รักผมมากขนาดนี้น่ะแหละ ผมถึงยอมเสียสละตัวเอง ให้พี่เดินทางที่ถูกที่ควรไงครับ ผมคิดถูกแล้วใช่มั๊ยครับ....
รุ่งเช้ามา ร่างกายผมแทบลุกไม่ขึ้น มันระบมอย่างที่เขาว่าจริงๆ เบ้าตาข้างซ้ายบวมอลึ่งฉึ่ง ตาตี่ๆ หยีๆอยู่แล้ว ยิ่งเล็กลงไปใหญ่ ดูไม่จืดเลยจริงๆ ในที่สุดพี่ชายที่รัก ก็เลยตัดสินใจ ให้ผมหยุดเรียน โดยแกยอมขาดเรียนด้วย เพื่ออยู่เป็นเพื่อนผม...ผมคงจะหาใครมาแทนที่พี่ชายที่รัก...พี่ชายที่แสนดี แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว...ในชาตินี้
ผมยังคงนอนพักผ่อนอยู่ภายในห้องนอนน่ะแหละ จนกระทั่งเที่ยงๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์นั่นเอง ใครน่ะโทรมาเวลานี้
ฮัลโหล นี่ชั้นวาดน่ะ แกะ เธอเป็นไงบ้าง เสียงวาด เพื่อนสาวของผมน่ะเอง เธอคงมาหยอดเหรียญ โทรที่ตู้สาธารณะ ข้างหน้าโรงเรียน
ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ เรื่องเรียนเป็นไงบ้างล่ะ อาจารย์เขาว่าอะไรเรามั๊ย ผมยังอดห่วงเรื่องเรียนไม่ได้
ไม่ต้องห่วงหรอก อาจารย์เขาเข้าใจน่ะ ส่วนเรื่องเรียน เดี๋ยวพวกเราติวให้เอง ไม่มีอะไรมากหรอก เรียนสบายๆ... แต่แหม ตอนนี้เป็นฮีโร่ แล้วน่ะ ดังไปทั้งโรงเรียนเลย
อ้าว หมายความว่าไงอ่ะ ที่บอกว่าดังทั้งโรงเรียนอ่ะ ก็คนที่เขามาเชียร์มวยวันนั้น ก็แค่เต็มโรงยิมเอง ส่วนที่เหลืออีกประมาณพันกว่าคนได้มั๊ง ที่ไม่ได้เข้ามาดู และดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสนใจ กีฬาประเภทนี้ด้วยซ้ำ
ก็อาจารย์ เอารูปเธอ ติดหราที่บอร์ดของโรงเรียนขนาดนั้น ใครไม่เห็นก็ตาบอดล่ะ แถม ผ.อ. ยังกล่าวชม เธอ ที่หน้าเสาธงด้วย เมื่อเช้านี่ อ่ะ
อืม แล้วนี่เธอเอาเวลาทานข้าวเที่ยง มาโทรหาเราแค่นี้เหรอ ขอบใจน่ะที่เป็นห่วง พรุ่งนี้เราคงไปเรียนได้แล้วล่ะ ผมบอกวาดไป เพราะคิดว่า วาดคงโทรมาถามข่าว สารทุกสุขดิบ แค่นั้นเอง
ไม่ใช่แค่นั้นหรอกน่ะ ชั้นกะก้อยมีเรื่องจะเซอร์ไพร้เธอน่ะสิ ฮิ ฮิ เอ๊ะเจ้าวาด เพื่อนสาวคนนี้ พูดเหมือนมีเลศนัย
นี่นายแกะ ชั้นเองน่ะย่ะ ชั้นมีข่าวดีจะบอกเธอ อย่าเพิ่งหัวใจวายล่ะ เสียงไอ้ก้อยทอมสาว เพื่อนผมกรอกหูมาแทน
อ้าว ก้อย ทำใมเราต้องหัวใจวาย ด้วย มีอะไรก็บอกมาเถอะน่า เร็วเข้า ผมเองก็ชักอยากรู้เหมือนกันว่า มันเรื่องอะไรนักหนา
ก็ไม่มีอะไร...คิกคิก...แค่นี้น่ะ....คิกคิก อ้าว ไอ้ก้อย เลยไม่รู้เรื่องกันพอดี
นี่เธอ ไปแกล้งฮีโร่ ของโรงเรียนได้ไง หวานใจเขาจะมาแล้ว ก็บอกเขาไปตรงๆสิ เสียงเจ้าวาดดุให้ไอ้ก้อย แต่ผมได้ยินเต็มทั้งสองหู
เฮ้ย วาด... วาด เมื่อกี้เธอว่าอะไรน่ะ หวานจง หวานใจ อะไร ใครที่ไหน เหรอ...หรือว่า....
จ้า พ่อยอดกะล่อน วันนี้สี่โมงครึ่ง คาดว่า กรกนก คงมาถึงที่ท่า บขส. ล่ะ
เธอว่าอะไรน่ะ กร...เ่อ่อ กรกนก จะมาที่นี่งั้นเหรอ ผมแทบหายป่วยเป็นปลิดทิ้ง ผลุดลุกขึ้น เดินไปเดินมา ยังกับเสือติดจั่น หัวใจแทบหยุดเต้นจริงๆ ก็ผมไม่ได้เจอกรกนก มาเกือบปีแล้วน่ะสิครับ ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา
พี่ชายที่รักหันมามองผมแว่บหนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้า ก้มตา แกล้งจัดหนังสือเข้าตู้ แต่ผมรู้ว่าแกตั้งใจฟังอยู่
ใช่น่ะสิ บอกแล้วอย่าหัวใจวาย ฮึ ฮึ...นี่เธอ...พวกเราเลยตัดสินใจ จะเซอร์ไพร้ ยัยกร ให้เธอไปรับที่บขส. คนเดียว แล้วพวกเราจะรออยู่ที่ร้านขนมของเจ๊แหม่ม โอเคมั๊ย
ได้เลย ขอบใจมากน่ะวาด โอ...ในที่สุด กรกนก ก็มาจนได้ ดีใจที่สุดในโลกเล๊ย ผมตะโกนเสียงดังใส่หูโทรศัพท์ พร้อมทั้งเต้นแร้งเต้นกา ไปมา โดยไม่ได้สังเกตุว่า พี่ชายที่รักเงียบ... เงียบมากจนผมชักเอ๊ะใจ..ใจคอผมเริ่มไม่ค่อยจะดีขึ้นมาเชียว... ผมเลยเลิกโทรศัพท์ แล้วหันมามองหน้าพี่ชายที่รัก
อะ เ่อ่อ พี่ดำครับ พะ พอดี วาด เขาโทรมาบอกว่า...อะ เอ่อ ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี จริงๆแล้ว ผมก็ตกลงกับพี่ชายที่รักไปแล้ว เรื่องที่ผมจะแยกออกจากแกสักพัก เพื่อค้นหาตนเองให้เจอ...
พี่ได้ยินแล้ว... แกพูดแค่นั้นจริงๆ และใบหน้าของแกตอนนี้ ยากที่จะเดาได้ ดูเงียบขรึม ผิดปกติ ...ผิดจากที่ผมเคยสัมผัสมา.. โดยไม่รู้สักนิดเลยว่า ในใจของพี่ชายที่รักกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นแกก็เดินออกข้างนอกห้องไป โดยไม่พูดไม่จาอะไรอีกเลย...