Wednesday, September 2, 2009

บทที่ 63 " เพื่อนใหม่...ที่แฟลตตำรวจ "

บทที่ 63 เพื่อนใหม่...ที่แฟลตตำรวจ

         ผมนอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนที่นอน ใช่นอนอยู่คนเดียว กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย หลังจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ มันเกิดเรื่อง หลายเรื่องเหลือเกินจนผมเองก็รับแทบไม่ได้...
หมวดยุทธขอร้องให้ผมเข้ามานอนในห้องคนเดียว แกอยากจะนั่งคิดอะไรสักพักอยู่ที่ห้องรับแขก ประโยคหนึ่งที่กินใจผมเหลือเกินนั่นก็คือ
ถ้าหากแกะรักพี่ ห้ามทำแบบนี้อีกเด็ดขาด เข้าใจมั๊ย?
นั่นคือสิ่งที่ผมจะต้องจดจำจนวันตายว่า ผมจะไม่แตะต้องพี่หมวดอีกต่อไป ไม่ว่าจะทางด้านร่างกายหรือจิตใจ...
ผมนอนพลิกตัวไปมา ทำยังไงก็นอนไม่หลับ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าเสียงข้างนอกเงียบไป ผมจึงผลุดลุกขึ้นจากที่นอน แล้วค่อยๆย่องออกไปดู...
หมวดยุทธนอนขดตัวอยู่บนที่โซฟา นุ่งกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว เสื้อแสงก็ไม่ใส่ ผมเห็นว่าแกคงจะหนาว จึงเข้าไปหยิบผ้าห่มผืนหนึ่งมาคลุมให้ แกกำลังหลับสนิท ใบหน้านั้นดูซีดเซียว เพราะผ่านการร้องไห้ และความเครียดจากเรื่องเมื่อตะกี้ ผมถึงกับน้ำตาตก น้ำตาเริ่มไหลลงมาเป็นทางอีกครั้ง ผมรู้สึกสงสารผู้ชายคนที่นอนอยู่ตรงหน้าอย่างจับใจ....
ผมขอโทษครับ พี่หมวด ผมไม่น่าทำให้พี่หมวดต้องเสียใจ...ต้องได้รับความอัปยศอดสูถึงเพียงนี้เลย ฮือ ฮือ ผมสะอื้นไห้รำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ ผมมองใบหน้าแกสักพัก แล้วค่อยๆเอื้อมมือไปปิดไฟ จากนั้นเดินกลับเข้ามานอนในห้องเหมือนเดิม...ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยๆ...จนผมไม่รู้ตัวเลยว่า...ม่อยหลับไปเมื่อใด
ผมตื่นขึ้นมาคงจะแปดโมงเช้าแล้ว หมวดยุทธไม่อยู่ที่ห้องรับแขก ผมหาจนทั่วก็หาแกไม่เจอ เจอแต่กางเกงในตัวใหม่ ถุงเท้าคู่ใหม่ และเสื้อยืดตัวหนึ่งพาดไว้ที่โซฟา กองอยู่กับกางเกงยีนส์ตัวเก่งของผม แกคงจะเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ผมใส่นั่นเอง ส่วนกางเกงในตัวเก่า เสื้อยืดตัวเก่า รวมทั้งถุงเท้าที่ผมใส่เมื่อวานหายไป รึว่าแกเอาเสื้อผ้าไปซักข้างล่าง..ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็คิดจะเปิดประตูออกไปตามหาหมวดยุทธ
ตื่นแล้วหรือค่ะ ป้าชื่อสาน่ะค่ะ เป็นเมียของจ่ามิตร ลูกน้องหมวดยุทธน่ะค่ะ ผู้หญิงอายุสักประมาณไม่เกินสามสิบห้า แต่แทนตัวเองว่าป้า กำลังจะไขกุญแจห้องเข้ามาพอดี
สวัสดีครับ...ไม่ทราบว่าพี่หมวดไปไหนครับ ผมยกมือไหว้ พร้อมยิงคำถามทันที
โอ๊ย ไม่ต้องไหว้ป้าหรอกค่ะ พอดีหมวดเขามีธุระด่วนไปที่โรงพักตั้งแต่เช้า แกเลยฝากให้ป้าดูแลหนูน่ะค่ะ แกยื่นกุญแจคืนให้ผม สงสัยหมวดยุทธจะฝากเอาไว้ให้เปิดเข้ามาดูผมนั่นเอง
อ้าวเหรอครับ แล้วพี่หมวดจะกลับมามั๊ยครับ
เห็นบอกว่าจะมารับหนูไปไหนสักแห่งน่ะค่ะ สักสิบโมงมั๊งค่ะ ว่าแต่ตอนนี้หนูหิวรึยังค่ะ ป้าจะได้เรียกลูกชายป้าให้ยกอาหารมาให้เลยแล้วแกก็เดินจากไปที่ชั้นล่าง...ผมมารู้ทีหลังว่าป้าสา แกเปิดร้านอาหารตามสั่งอยู่ข้างล่างแฟลต พร้อมทั้งดูแลเป็นแม่บ้านของแฟลตไปในตัว ดังนั้นหมวดยุทธจึงได้แกนี่แหละดูแลเรื่องทำความสะอาดห้องให้ พร้อมทั้งฝากท้องไปด้วย โดยแกจะคิดค่าจ้างเป็นเดือนๆไป
ผมกลับเข้ามานั่งรอที่โต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งมันก็มีเก้าอี้นั่งแค่สองตัวเท่านั้น หมวดยุทธอยู่คนเดียวคงไม่ต้องการเฟอร์นิเจอร์อะไรมากมาย.... สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงเคาะประตู พอผมบอกให้เข้ามาได้เท่านั้น ก็ต้องตกใจเมื่อเสียงทักดังลั่น จนผมต้องหันหน้าไปมอง
พระเอกเกาหลี นี่นายจริงๆเหรอเนี่ยะ เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ผมพอจะจำได้ ไอ้นี่มันชื่อ โชค เรียนอยู่ห้องเจ็ด จำได้ว่ามันเคยเป็นตัวแทนของห้องตอนตอบปัญหาระดับม.4 ในครั้งนั้น มันสูงไม่มากคงราวๆ 165 ซม. เท่ากับไอ้ม้วน แต่มันผิวขาวกว่า มีมัดกล้ามพองาม แต่หน้าตาหล่อเหลาทีเดียว คิ้วเข้ม จมูกโด่งได้รูป เห็นสาวๆในห้องผมก็พูดถึงมันอยู่บ่อยๆ เพราะมันเป็นนักบาสของโรงเรียน และรู้จักไอ้ซอดีเพราะเล่นบาสด้วยกัน แต่ักับผมมันไม่เคยแม้แต่จะได้คุยกันตัวต่อตัวแบบนี้
ไอ้โชค ยืนเก้ๆกังๆ ถือถาดอาหารอยู่ มันเหมือนจะดีใจที่เจอผม และค่อนข้างจะอายผมนิดหน่อยที่มันต้องเป็นเด็กส่งอาหาร เออน่ะ ทำงานช่วยครอบครัว ไม่เห็นต้องน่าอายตรงไหน ผมเรียกให้มันยกอาหารมาวางที่โต๊ะ อืม น่ารับประทานเหมือนกันแฮะ เป็นโจ๊กหมู ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ใส่เครื่อง อาหารเช้าง่ายๆ แต่ก็ทำเอาผมน้ำลายสอเลยเชียว
เห็นแม่บอกว่า ให้เรายกอาหารมาให้ น้องชายหมวดยุทธ ไม่คิดเลยว่า จะเป็นนาย มันยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมไปไหน
เราดีใจจังเลย ที่นายจะย้ายมาอยู่ที่นี่ เราอยากจะรู้จักนายมานานแล้ว อะไรกันนี่ ทำไมไอ้โชค ถึงรู้ว่าเราจะย้ายมาอยู่ที่นี่ เรายังไม่ได้ตกลงอะไรกับหมวดยุทธเลยน่ะเนี่ยะ
ใครบอกนาย ว่าเราจะย้ายมาอยู่ที่นี่ และนายอยากรู้จักเราไปทำไม ผมรับประทานโจ๊กไป ก็พูดกวนตีนมันไป
โหย พระเอกเกาหลีอย่างนาย ใครๆเขาก็อยากรู้จักกันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหล่อที่สาวๆหลงใหล แถมยังเรียนหนังสือเก่งอีกด้วย ยัง ยังๆไม่พอ เล่นกีฬาก็เก่ง โดยเฉพาะตอนนายฝึกซ้อมมวยน่ะ โอ๊ย นายโคตรเท่ห์เลยว่ะ ไอ้นี่พล่ามสะยาวเชียว แต่ก็ดีจะได้รู้ว่า นักเรียนห้องอื่นเขาคิดยังไงกับผมบ้าง
แต่เอ...นายเป็นน้องชายพี่เอก ไม่ใช่หรือ แล้วไหงดันกลายมาเป็น น้องชายหมวดยุทธได้ล่ะ เออ เอาเข้าไป มึงถามมากูจะตอบยังไงว่ะ กูก็ยังงงๆอยู่เหมือนกัน
เรื่องมันยาวว่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลังแล้วกัน ว่าแต่ยังไม่บอกเราเลยน่ะว่า รู้ได้ไงว่าเราจะย้ายมาอยู่นี่
ก็พ่อเราไง จ่ามิตรที่เป็นลูกน้องหมวดยุทธอ่ะ นายไปสร้างวีระกรรมอะไรเอาไว้ล่ะ พี่หมวดถึงจะคุมนายเข้มขนาดนี้ แล้วนายไม่พักอยู่บ้านพี่เอกแล้วเหรอ ไอ้นี่ถามสะกูตอบไม่ทัน กูยังไม่รู้โว๊ย ไม่รู้หมวดยุทธ เขาจะจัดการต่อไปยังไง...
เ่อ่อ นายช่วยแม่นายทำงานด้วยหรือ แจ๋วเลยนี่หว่า ผมชมมันเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
ก็ ต้องช่วยอ่ะน่ะ ก็แม่ทำงานคนเดียวไม่ไหวหรอก ...อืม...ห้องนี้ เรายังเคยมาทำความสะอาดให้เลย นายไม่ต้องห่วงน่ะ ถ้านายมาอยู่ เราจะดูแลทำความสะอาดไม่ให้ตกบกพร่องเลย มันพูดไปยิ้มไป ท่าทางภูมิใจมากเลยน่ะมึง
ว่าแต่ว่า นายจะย้ายมาอยู่เมื่อไหร่ล่ะ เราดีใจว่ะ จะได้มีนายเป็นเพื่อน อ้าวไอ้นี่ ก็กูยังไม่รู้เลยว่าจะได้เข้ามาอยู่มั๊ย...พูดเองเออเองเสร็จสรรพเลยน่ะมึง
เดี๋ยวบ่ายๆ เราจะจัดห้องให้น่ะ นายอยากได้อะไรก็บอกน่ะ เดี๋ยวเราลงไปช่วยแม่ทำงานต่อ ถาดอาหารเอาออกไปวางไว้ข้างนอกห้องน่ะ เดี๋ยวเราจะขึ้นมาเก็บเอง พูดเสร็จมันก็เดินออกไป...ท่าทางกูจะเจอคนคุยเก่งสะแล้ว นี่ถ้าเกิดได้มาอยู่ที่นี่จริงๆ คงหูชากันไปข้างหนึ่ง...
สิบโมงเช้าตรงเป๊ะ รถยุโรปยี่ห้อดัง มีดาวห้าแฉก อยู่ด้านหน้ากระโปรงรถ ก็เข้ามาจอดข้างๆที่ผมยืนอยู่ เสี่ยศักดิ์นั่งอยู่ข้างหลังรถอย่างสง่าผ่าเผย โดยปล่อยหน้าที่ขับรถให้โชว์เฟอร์ประจำตัว ตามติดมาด้วยรถญี่ปุ่นของหมวดยุทธ ซึ่งตอนนี้พี่หมวดใส่เครื่องแบบเต็มยศแสดงว่า แกคงจะเข้าเวรแทนใครสักคนเป็นแน่ เพราะแกบอกว่าวันอาทิตย์เป็นวันหยุดแก
ไง ไอ้เสือ จะนั่งรถพี่ หรือจะนั่งรถไอ้หมวดมันล่ะ

No comments:

Post a Comment