Tuesday, December 1, 2009

บทที่ 102 " หนีหัวใจ...ไม่พ้น "


บทที่ 102 หนีหัวใจ...ไม่พ้น

ผมรีบชำระร่างกายให้สะอาดหมดจด แล้วคว้ากางเกงขาสั้นที่ยาวถึงเข่า (แบบที่นิยมสมัยนั้น ส่วนมากจะสกรีนลาย Pepsi หรือ Coke คือจะใส่แบบลำลอง หรือเล่นกีฬาก็ได้) จากนั้นใส่เสื้อยืดสีขาวตัวเก่ง ลากรองเท้าแตะ แบบคีบ (ยี่ห้อ นันยาง มีใครจำได้มั๊ยครับ) ขณะที่กำลังเดินไปที่หลังบ้าน ไอ้มุกก็มาถึงพอดี
ไิ้อ้แกะ กูมาทันมั๊ยเนี่ยะ เพื่อนๆมึงไปเที่ยวน้ำผุดกันแล้วรึ ไอ้มุกมันมาในชุดหล่อเลยอ่ะครับ งานนี้ ผมแบบรองทรง (เรียนปวช เลยไม่ต้องตัดเกรียนแบบผม) ใส่เจลหวีผมแสกข้าง แน่ะ มันเหมาะกับหน้าหล่อๆของมันเป็นไหนๆ มันใส่เสื้อเชิ๊ตพื้นขาวลายทางลงแถบเล็กสีเขียว นุ่งกางเกงขายาวแบบผ้าแสล็คสีดำ แต่ที่ผมสะดุดตา ก็คือ รองเท้าหนังแบบสานสีดำที่ทำมาจากยางรถยนต์เก่าๆ โอ้โหโคตรเท่ห์เลยน่ะมึง
มึงจะแต่งหล่อไปไหนเนี่ยะ นับวันมึงยิ่งจะหล่อกว่ากูเข้าทุกวัน ฮ่ะ ฮ่ะ ผมเข้าไปกอดคอมันด้วยความสนิมสนม เอ๊ะจะว่าไปมันก็มีอะไรๆกับผมมาแล้วนี่ครับ 55555+
กูก็แค่อยากให้มึงรู้ว่า กูดูดีสำหรับมึง แค่นั้นแหละ ดูเหมือนมันจะน้อยใจนิดๆ ผมเลยหันซ้ายแลขวา ไม่เห็นใครก็เลยหอมแก้มมันดัง ฟอด มันก็เลยหน้าแดงๆ แล้วรีบเบี่ยงตัวหลบออกไป
ไอ้บ้า เดี๋ยวใครเห็นเข้า เออ เพิ่งรู้ตัวว่าต้องเก็บเป็นความลับ ก็ดีน่ะกูจะได้รอดตัวด้วยอีกคน หุ หุ
ว่าแต่รองเท้านี่ มึงซื้อมาจากไหนว่ะ เท่ห์ชิบหาย กูอยากได้สักคู่ว่ะ
อ๋อ มีพี่คนหนึ่งเขาทำขาย มีแบบให้เลือกด้วยน่ะ เย็นนี้เดี๋ยวกูจะพามึงไปตัด ดูไอ้มุกมันชื่นชมรองเท้ามันไม่ย่อยเหมือนกันน่ะ ก็แหมรองเท้าแบบนี้หายากจะตาย ใครได้ใส่ล่ะก็เท่ห์ไม่หยอกเชียวล่ะ
ผมและไอ้มุกเดินเข้าไปในสวน ก็เจอไอ้พวกเพื่อนตัวแสบ มันแซวเล็กๆ เรื่องมาช้า แต่ว่าก็ไม่มีอะไรเป็นที่พิรุธ พวกมันกำลังนั้งโซ้ยมะพร้าวอ่อนกันเป็นที่สนุกสนาน
เฮ้ย ไอ้แกะ มึงปีนต้นมะพร้าวได้รึเปล่าว่ะ ไอ้โกกตั้งคำถาม พร้อมกับกำลังใช้ช้อนแทะเนื้อมะพร้าวที่เหลืออยู่ครึ่งซีก และมันกำลังจะหมดพอดี
เฮ้ย ไม่ได้ว่ะ ก็กูไม่ใช่ลูกชาวสวนนี่ ไอ้ห่า ทำไมไม่ให้ไอ้ซอปีนให้มึงว่ะ
ไอ้ซอมันปีนแล้ว แต่ได้เฉพาะต้นเตี้ยๆ แม่งสงสัยมันจะกลัวความสูง ไอ้ห่า แล้วที่ผลมันดกๆน่ากิน ดันอยู่บนต้นสูงๆสะฉิบ ไอ้โกกบ่นอุบ
สรุปทุกคนลองปีนกันหมดแล้ว ต่างโบกมือยอมแพ้ ขนาดไอ้อ้วน ไอ้จุ๊ เองก็ยังปีนได้เฉพาะต้นเตี้ยๆ ส่วนไอ้อ๊อดไม่ต้องพูดถึง มันก็ไม่ใช่คนพื้นเพที่นี่เหมือนผม งานนี้ทุกคนเลยเชียร์ให้ผม (ซึ่งเป็นหัวหน้าและบ้าบิ่นกว่าใครๆ) ทดลองปีนให้พวกมันดู
เอางั้นเลยหรือว่ะ อ้าว ลองก็ลอง ว่าแล้วผมก็ใช้มือโอบรอบต้นมะพร้าว ลองขยับใต่ดูเหมือนลิงปีนต้นไม้ 55555+ แต่ทว่าพอไปได้แค่ครึ่งต้น ดันหน้ามืดเอาดื้อๆ
กู ไม่ไหวแล้วโว๊ย หน้ามืด กูจะลงแล้วน่ะ ผมตะโกนบอกเพื่อนๆที่รอเชียร์อยู่ข้างล่าง เอ๊ะ นี่ผมเป็นอะไรรึว่าหมดแรงเพราะเสียน้ำ(ก็ตั้งสามน้ำ ในตอนเช้าน่ะสิ ฮ่ะ ฮ่ะ)
แกะ เป็นอะไรมากรึเปล่า มา มานอนพักก่อน ดูไอ้มุกมันจะเป็นห่วงผมเอามากๆ มันประคองผมแล้วให้ผมนอนบนตักมันเฉยเลย
อ้าว เฮ้ย ตกลงมึงเป็นเมียไอ้แกะรึไงว่ะ ดูเอาอกเอาใจกันจังเลยน่ะ ไอ้จุ๊ปากเสียตามสไตล์ของมันล่ะครับ ผมเลยเงยหน้าขึ้นด่ามัน
ไอ้จุ๊ เดี๋ยวจะโดนตีนกู ปากดีน่ะมึง
ว่าไง ไอ้มุก ถ้ามึงไม่อยากให้กูล้อมึงล่ะก็ มึงปีนต้นมะพร้าวให้พวกกูหน่อยเป็นไร ก็แค่นั้นแหละ ไอ้ห่าจุ๊จะขอร้องไอ้มุกดีๆ ตั้งแต่ต้นก็สิ้นเรื่อง งานนี้ไอ้มุกเลยโชว์ฟอร์ม ปีนมะพร้าวด้วยความคล่องแคล่ว แถมใช้เท้าถีบลูกอ่อนๆน่ากินๆลงมาตั้งหลายลูก อิ่มหนำสำราญกันไปตามๆกัน
แต่มะพร้าวที่สวนไอ้ซอเป็นมะพร้าวพื้นเมือง น้ำมะพร้าวจะไม่ค่อยหอมเท่าไหร่ บางลูกออกเปรี้ยวๆหวานๆด้วยซ้ำ แต่เนื้อมะพร้าวนุ่มอร่อยดี...ไอ้มุกมาบอกผมทีหลังว่าที่บ้านมันกำลังทดลองปลูกมะพร้าวน้ำหอม คุณภาพดี ต้นเตี้ยๆ สามารถเก็บเอาลูกมะพร้าวมาได้โดยง่าย มันเลยชวนผมไปนอนค้างที่บ้านของมัน...
เสร็จจากรับประทานมะพร้าว พวกเราก็เตรียมตัวจะไปเที่ยวน้ำผุดกัน แต่พอเดินมาถึงบ้าน ปรากฏว่า พี่ซันมีแขก แขกพิเศษสะด้วย ก็แฟนสาวแกไงล่ะครับ 55555+ สวยสะด้วย แถมพี่เขายังพาเพื่อนหญิงซึ่งสวยไม่แพ้กัน ที่เรียนวิทยาลัยครูด้วยกัน มาเที่ยวด้วย งานนี้เพื่อนแฟนของพี่ซัน เลยประกบคู่กับพี่ไช้ อย่างกลมกลืน...เล่นเอาผมแซวพี่ซันกับพี่ไช้ ไม่หยุด....
ไอ้น้อง เรื่องระหว่างเราสามคน เป็นความลับน่ะโว๊ย ไม่เช่นนั้นเองตรูดฉีกแน่ พี่ไช้แอบกระซิบข้างหูผม ด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง
ได้เลยพี่ แต่ว่า...พี่จะต้องเลิกคิดล่อประตูหลังผมอีก เป็นอันขาด ฮ่ะ ฮ่ะ งานนี้พี่ไช้เลยต้องจำยอม ที่จะแก้แค้นเอาประตูหลังผมคืน ก็ตอนนี้แกกำลังหลงหญิงนี่ครับ ถามได้ แถมแกยังสามารถ เสียบพี่ซัน เมื่อไหร่ก็ได้....งานนี้ไอ้แกะรอดตัวอีกแล้วครับท่าน 555555+
ในที่สุด แผนการเลยเปลี่ยน แทนที่จะไปเที่ยวน้ำผุด กลับต้องไปไหว้พระประธานก่อน เนื่องจากสองสาวขอมา พี่ซันเลยตามใจแฟน พี่ซันอาสาขับรถเอง โดยมีแฟนสาวนั่งข้างๆ ส่วนพี่ไช้และแฟนใหม่นั่งเบาะหลัง ไอ้เท่งเลยต้องมานั่งข้างหลังกับพวกผม แต่ก็ดีเพราะไอ้เท่งร้องเพลง...เมคอินไทยแลนด์...บัวลอย ได้เพราะ พวกผมเลยเพลิดเพลินกันไป
รถเคลื่อนไปตามทางของหมู่บ้าน ซึ่งตอนนี้ทางยังเป็นดินลูกรังอยู่เลย สองข้างทางก็ร่มรื่นด้วยสวนมะพร้าว สวนหมากตลอดแนว รถผ่านมาที่ว่าการอำเภอ (ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นตึกไม้สองชั้น) ข้างๆกันเป็นโรงพักตำรวจ ช่วงนี้ถนนจะดีหน่อยลาดยางมะตอยเรียบร้อย...เราผ่านโรงเรียนประถม ซึ่งบ้านไอ้อ๊อดอาศัยอยู่ที่บ้านพักครู แม่ไอ้อ๊อดเป็นครูประถม เราเข้าไปแวะทักทายแม่มันแป๊ปหนึ่ง มันมีน้องสาวถึงสี่คนครับ ส่วนพ่อมันหนีไปมีเมียน้อย (ชีวิตไอ้อ๊อดจริงๆก็น่าสงสาร มันถึงติดไอ้อ้วนแจ ไงล่ะครับ)
รถผ่านเข้าไปในตลาด ร้านค้าดูซบเซาลงอย่างประหลาด ตึกรามบ้านช่องเริ่มเก่าทรุดโทรม อย่างเห็นได้ชัด จะว่าไปเมืองนี้เคยรุ่งเรืองมาก่อน แต่เนื่องจากทางรัฐบาลตัดถนนใหม่สายเอเชีย ซึ่งห่างจากทางเข้าประมาณ 5 กิโล เมืองนี้เลยเหมือนเป็นเมืองปิด เพราะรถโดยสารไม่ผ่านเข้ามาในตัวเมืองอีกนั่นเอง ช่วงนี้ผู้คนเริ่มทะยอยอพยพไปอยู่ที่สี่แยกทางเข้าอำเภอ มีการจัดการตลาดสดกันใหม่ที่นั่น และตึกรามบ้านช่องก็เริ่มปลูกสร้่างกันเพิ่มขึ้น
พวกเราแวะเข้ามาถึงตัววัดประธาน ซึ่งหลังจากพิสูจน์แล้วพระประธานมีอายุ ไม่ต่ำกว่าเจ็ดร้อยปี พระประธานนี้จะอยู่ในปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิ มือซ้ายวางหงายที่หน้าตัก ส่วนมือขวาจะวางคว่ำที่ขาขวา (ผิดพลาดประการใดขออภัยน่ะครับ)
ตามประวัติเล่าว่า เจ้าเมืองแตกทัพมาจากเมืองหนึ่ง แล้วดั้นด้นมาเจอเมืองร้างคือเมืองนี้อยู่กลางป่า ซึ่งร่มรื่นมีลำธารอุดมสมบูรญ์ แต่โดยมากจะเป็นป่าไผ่ ส่วนต้นมะพร้าวและต้นหมาก เห็นคนแก่คนเฒ่าเล่าว่า นำมาปลูกภายหลัง (เลยกลายเป็นสัญญลักษณ์ ของอำเภอนี้ไปโดยปริยาย)
ครั้งแรกที่เจ้าเมืองมาเจอ พระประธานเก่าแก่มาก ถูกรากต้นโพธิ์ รัดเศียรจนขาดตกอยู่ที่พื้น ส่วนหูข้างขวาขาดหวิ่นไป ต่อมาจึงมีการบูรณะขึ้นมาใหม่ ต่อเศียร และต่อหูที่ขาดไป แต่ที่น่าแปลกก็คือ พระประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันตก (ปรกติพระประธานที่อื่นจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เคยสังเกตกันบ้างมั๊ยครับ) นอกจากนี้มีซากปรักหักพังที่บ่งบอกว่าเป็นโบสถุเก่า ล้อมรอบองค์พระ และข้างๆจะมีเจดีย์เก่าแก่ (ปัจจุบันมีคนไปโอบปูนสีขาวสร้างใหม่ น่าเสียดายมากๆ น่าจะอนุรักษณ์ของเก่าเอาไว้)
ขอต่ออีกนิดน่ะครับ ต่อมาไม่นาน มีคนนำลายแทงมาจากเขมร ตกดึกเมื่อพระเณรหลับไหลกันแล้ว ชายผู้นั้นเข้าไปเจาะทะลุกลางหลังขององค์พระ ถึงรู้ว่าข้างในกลวง เหมือนซ่อนสมบัติอะไรสักอย่างเอาไว้
แต่อีกตำนานกล่าวว่า...วันหนึ่งตอนบ่ายแก่ๆ เณรน้อยรูปหนึ่งหายไปจากวัด แต่มีคนเห็นว่าล่าสุดท่องหนังสืออยู่ในโบสถุตามลำพัง...ในที่สุดทุกคนก็จับได้ว่าที่ปากของพระพุทธรูปมีรอยเลือดและเศษผ้าสบง...หลวงพ่อจึงทำพิธีฆ่าพระประธาน โดยฟันสพายแล่ง จากหน้าอกด้านซ้ายของตัวพระ พาดยาวสี่สิบห้าองศา ลงมาข้างล่างทางด้านขวามือ (ยังเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าอกขององค์พระมาจนทุกวันนี้) จากนั้นใช้มีดอาคมแทงด้านหลังจนเป็นรูโบ๋ ...อันนี้โปรดใช้วิจารณญาณเอาเองน่ะครับ
ทุกๆปีประมาณเดือนกุมภาพันธ์จะมีการเฉลิมฉลองพระประธาน เป็นที่สนุกสนาน รวมทั้งมีประเพณีแห่พระด้วย ซึ่งจะได้กล่าวถึงในลำดับถัดไป
พี่ซันจอดรถเสร็จ ก็กลายเป็นมัคคุเทศน์พาทุกคนนำเที่ยวชมวัด ด้านซ้ายมือก่อนเข้าไปในบริเวณวัด จะเป็นศาลศักการะท่านเจ้าเมือง (ปัจจุบันได้สร้างรูปปั้นจำลองท่านเจ้าเมือง เอาไว้เคารพบูชา สำหรับลูกหลานชาวเมืองนี้เรียบร้อยแล้วครับผม)
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนอกสนใจฟังพี่ซันบรรยายอยู่นั้น ผมก็สังเกตุเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง จอดอยู่ใต้ต้นโพธิ์หน้าโบสถุ ทำใมคุ้นๆจัง ผมเลยเลี่ยงผู้คนออกมาคนเดียว....ใช่แล้ว นี่มันรถของพี่ชายที่รัก อย่างแน่อน
ไวเท่าความคิดผมเลยย่องๆเข้าไปที่ข้างๆหน้าต่างโบสถุ และนั่น ภาพบาดตาของผมก็ปรากฏให้เห็นชัดเจน....
พี่ชายที่รักกับพี่กวางกำลังจุดธูปเทียนอธิษฐานขอพรจากพระ ทั้งคู่นั่งเคียงข้างอย่างสงบ ...ใครๆก็ดูออกว่าทั้งสองคนต้องเป็น...คู่รักกันอย่างแน่นอน....
ผมรู้สึกเหมือนโดนเข็มมาทิ่มแทงที่หัวใจอีกครั้ง...ทำไมน่ะ ทำไมเรายังไม่ลืมพี่ชายที่รักสะที...ดูสิ ทีเมื่อก่อนคนที่นั่งข้างๆพี่ชายที่รัก และขอพรจากพระคือตัวเราไม่ใช่เหรอ....แล้วตอนนี้ผมควรจะทำยังไงดี ...ผมวิ่งเตลิดออกไปนอกวัด ด้านหลังโบสถุุ เหมือนคนเสียสติ...จนมานั่งอยู่ที่ท่าน้ำข้างลำห้วย อย่างไม่รู้ตัว
ผมนั่งน้ำตาคลอเบ้า มองสายน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว ด้วยใจหดหู่...อนิจจา...ถึงแม้ว่าผมจะพยายามหนี...หนีพี่ชายที่รักมากเท่าไหร่ ...แต่ทำยังไงก็หนีหัวใจรักไม่พ้น...ถึงแม้ว่าจะลืมเลือนไปบ้างเมื่ออยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง....แต่ทว่าคราใดที่เจอพี่ชายที่รัก...ทำไม หัวใจของผมถึงเจ็บปวดมากมายขนาดนี้....หรือว่านี่คือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วใช่มั๊ย...ว่าแท้ที่จริงในหัวใจทั้งสี่ห้องของผม ยังคงรอคอยพี่ชายที่รัก...อยู่ทุกลมหายใจ

1 comment:

  1. แง๊ะ สงสารพี่ดำจัง สงสารคนที่มีรักแท้

    ReplyDelete