Thursday, January 14, 2010

บทที่ 106 " พี่โจม...เจ้าเสน่ห์ "




บทที่ 106 พี่โจม...เจ้าเสน่ห์

พี่หมวดจากไปแล้ว ผมจึงเดินเข้าไปในร้าน สมทบกับเพื่อนๆซึ่งกำลังเตรียมตัวกันไปเที่ยวน้ำผุดต่อ...ตกลงเพื่อนใหม่อย่าง ไอ้โกก ไอ้โชค ไอ้เท่ง และ ไอ้ม้วน รวมทั้งพี่ไช้ด้วย พวกเขาไม่เคยเห็นน้ำผุด เลยอยากจะไปแวะดูแห่งแรกก่อน คือข้างๆโรงเรียนเก่าผม เราขับรถกันไปประมาณ 5 กิโลได้ ตามถนนสายเอเชีย ที่จะทะลุ ข้ามภูเขา เข้าไปสู่ประตูของภาคเหนือของประเทศไทย
ในระหว่างที่นั่งข้างหลังรถ ทุกคนกำลังคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้าน และแต่ละคนก็พยายามซักถามว่า ผมหายไปไหน ผมเพียงแต่ตอบได้สั้นๆว่า เข้าห้องน้ำ พวกมันพยายามซักถามผมต่อ...ว่า... ไม่โดนตำรวจไล่ออกมาข้างนอกร้านเหรอ ฯลฯ แต่ผมก็พยายามเลี่ยงหาคำตอบที่มันไกลตัวหน่อย...ผมจะเอาเรื่องของพี่หมวดมาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
ไม่นานทุกคนก็ลืม ต่างคุยเรื่องใหม่กันต่อตามประสาวัยรุ่น ซึ่งก็มีเรื่องแซวสาวๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ไอ้จุ๊บอกทกคนว่าถ้าอยากจะเห็นสาวๆอาบน้ำ ต้องไปแอบดูที่บ้านมัน เพราะสาวๆจะมาเล่นน้ำที่ท่าน้ำในลำห้วย ท่าน้ำก็แทบจะติดหลังบ้านมันทีเดียว นอกจากนี้บรรดาสาวๆยังชอบนุ่งผ้าถุงกระโจมอก แถมต่อจากนั้นจะพากันตีลมใส่ผ้าถุง ให้พองเหมือนบอลลูน ลอยละล่องไปตามลำน้ำ เป็นที่สนุกสนาน....งานนี้ ดูเป็นที่สนอกสนใจของเพื่อนใหม่เอามากๆ โดยเฉพาะไอ้ม้วนแสดงอาการออกนอกหน้า เขยิบที่นั่งไปคุยจ้อกับไอ้จุ๊อย่างสนอกสนใจ
ข้างๆผมตอนนี้มีไอ้โชคและไอ้โกกประกบซ้ายขวา แต่ทว่าไอ้มุกไปนั่งเหม่อมองอยู่ฝั่งตรงข้าม...ผมเห็นอาการมันแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ก็เลยเข้าไปนั่งข้างๆมัน แต่ไม่กล้าคุยอะไรมาก กลัวคนอื่นๆจะจับได้ พี่ซันขับรถเข้าไปในโรงเรียน ซึ่งสงบเงียบเพราะเป็นวันเสาร์ แต่พวกเพื่อนใหม่ถึงกับเอ่ยปากชมเปาะว่า เป็นโรงเรียนที่น่าเข้าเรียนมากๆ (ถ้ามีม. ปลาย ก็คงจะดี) เพราะจะเห็นวิวทางด้านทิศตะวันตก ซึ่งจะเป็นทุ่งนาราบเรียบไปจนสุดลูกตา แต่ทว่ามีภูเขาตั้งตระหง่านเป็นฉากกำแพงอยู่ด้านหลัง สวยงามทีเดียว
พวกเราแวะดูน้ำผุดที่ข้างๆโรงเรียนพักหนึ่ง เป็นน้ำผุดที่ไม่ใหญ่นัก มีถึงสองบ่ออยู่ติดกัน เป็นต้นน้ำ และมีฝายเล็กๆ ที่ชาวบ้านเขามากั้นเอาไว้ เหมาะที่จะเป็นที่เล่นน้ำ... แต่บรรยากาศโดยรอบโล่งโจ้งเกินไป เลยไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก...มีศาลของเจ้าพ่ออยู่ข้างๆ พวกเรากราบไหว้เสร็จก็เดินทางต่อ...เรามาทางลัดที่จะไปน้ำผุดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งสวยกว่า เนื่องจากอยู่แทบจะติดเชิงเขา และค่อนข้างที่จะเป็นป่าดงดิบ ระหว่างทาง ภูเขาที่เป็นฉากกั้นอยู่ด้านขวามือ เหมือนจะเดินทางไปกับเราด้วย เนื่องจากกินอาณาเขตเยอะพอสมควร ถัดมาจะเป็นภูเขาลูกย่อยๆ สามสี่ลูก ตอนนั้นมีคนไปสัมปทานระเบิดหินด้วย ภูเขาบางลูกถึงกับขาดแหว่งไป...เสียดายมากๆเลยครับ
จากนั้นไม่ไกลเราก็เข้าเขตหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งยังคงมีต้นไม้อยู่เป็นระยะๆ เพื่อนๆเคยเห็นต้นดอกจานมั๊ยครับ ผมจำได้ดีว่ามันมีอยู่ดาษดื่น แทบจะทกหลังคาเรือนเลยครับ (หมู่บ้านนี้ไม่มีต้นหมากมะหร้าวแล้วน่ะครับ เพราะอยู่ติดภูเขา) นอกจากนี้ยังมีต้นงิ้วป่า ไม่ใช่ต้นนุ่นที่เขามาทำหมอนน่ะครับ ต้นงิ้วจริงๆที่มีหนามน่ะครับ (เหมือนตำนานปีนต้นงิ้วยังไงก็ไม่รู้ 5555555+)
น้ำผุดแห่งใหม่นี้จะมีบ่อเดียว แต่ดูลึก และมีพื้นที่กว้างพอที่จะเล่นน้ำได้สบาย นอกนี้ยังเป็นต้นลำธารที่ไหลเชี่ยว คดเคี้ยวไปมา น้ำไหลแรงอย่างไม่น่าเชื่อครับ แถมยังมีป่าดงดิบรกครึ้มบดบัง ดูมืดๆจนดูน่ากลัว มีศาลเจ้าพ่ออยู่ใกล้ๆด้วย แต่ทว่าในสมัยนั้นยังไม่มีร้านค้า และไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่นัก เคยเล่าให้ฟังแล้วใช่มั๊ยครับ ตอนที่ผมเรียน ม.2 เคยมาเข้าค่ายลูกเสือที่นี่ จะว่าไปตอนเข้าค่ายลูกเสือครั้งนั้น น้ำดื่ม...ก็ดื่มจากน้ำผุดน่ะแหละ บรรยากาศเหมือนอยู่ในป่าเขาจริงๆ ทั้งๆที่ห่างออกไปนิดเดียวประมาณ กิโลเศษ ก็จะเป็นหมู่บ้านคนแล้ว (ปัจจุบันน้ำผุดแห่งนี้ จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้วครับ มีร้านรวงมากมาย มีแคร่ที่สร้างขึ้นมาคร่อมลำธาร เพื่อประกอบธุรกิจร้านอาหาร... และเป็นที่นิยมมาท่องเที่ยวกันมากครับ เพราะน้ำท่า ไม่เคยแห้งเหือดถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูแล้งก็ตาม
พวกเราลงเล่นน้ำ (โดยนุ่งกางเกงในกันคนล่ะตัว 55555+) เวลาโดนน้ำ กางเกงในมันจะแนบเนื้อแค่ไหน ก็ต้องถามสองสาวล่ะครับ พี่แกไม่กล้ามอง คงกลัวเป็นกุ้งยิง ถึงหนีไปเดินเล่นในป่าใกล้ๆ จากนั้นก็เห็นพี่ทั้งสองแอบหลบเข้าไปคุยกันในรถ....แหมรู้งี้ หนุ่มๆ อย่างพวกผมน่าจะแก้ผ้าไปเลยเนาะ หุ หุ
ต่อจากนั้นพวกผมเป็นอันรู้กันว่าไม่ได้นุ่งกางเกงในกันแน่นอน ฮ่ะ ฮ่ะ แต่ผมสิต้องระวังนิดหนึ่ง เพราะกางเกงที่ใส่มันเป็นลาย Pepsi ตรงกลางเป็นสีขาว แถบน้ำเงินดันอยู่ด้านข้างสะนี่ื ...ออกจากน้ำผุด เมื่อเข้าสู่ถนนใหญ่ จะผ่านหมู่บ้านที่ไอ้เบนซ์พักอยู่ พวกเราเลยพากันแวะทักทายพ่อแม่มัน ไอ้เบนซ์ จะมีน้องชาย ซึ่งหน้าตาดีกว่ามัน 55555+ และมีน้องสาวอีกคนหนึ่งครับ บ้านมันมีอาชีพขายยาครับ แผนปัจจุบันน่ะแหละครับ นอกนั้นรู้สึกจะเอาของกระจุกกระจิก...โชว์ห่วย มาแซมขายเล็กๆน้อยๆ
ถัดไปไม่ไกลจะเป็นบ้านไอ้ก้อยแล้ว ไอ้ก้อยมีพี่ชาย และน้องชาย อย่างละคน จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมมันถึงทำตัวเป็นทอมบอย...งานนี้ไอ้โชคอยากไปหาไอ้ก้อยใจจะขาด แต่โดนเบรกสะก่อน เพราะไอ้จุ๊จะรีบพาไปแอบดูสาวเล่นน้ำที่บ้านมัน (ในที่นี่ลืมบอกว่า บ้านวาดอยู่ที่ไหน จริงๆแล้วอยู่ในตัวเมือง ตรงตลาดเก่า พอดีไม่ได้ผ่านบ้านวาด เพราะรีบไปดูพระประธาน 700 ปี ไงครับ อ้อ วาด มีพี่ชายเพียงคนเดียว และเรียนที่โรงเรียนกับพวกผมน่ะแหละ)
ไอ้เบนซ์เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็กระโดดขึ้นรถต่อ... แหมรักเพื่อนจริงๆ... ถึงบ้านแล้วแทนที่จะอยู่ช่วยงาน พ่อแม่ 5555+ แต่จริงๆแล้วกระเป๋าเสื้อผ้าบางส่วนยังอยู่บ้านไอ้ซออยู่เลย
พวกเราเดินทางต่อ ถนนข้างหน้าจะทะลุสี่แยก ทางเข้าไปในตัวเมืองของผม แต่ก่อนจะถึง ประมาณ สองกิโลเมตร ด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้า บ้านไอ้จุ๊ ทางเป็นลูกรัง ฝุ่นคลุ้งเลย ถนนแย่ที่สุดที่เจอมา แถมทางเข้ายังต้องขึ้นเนิน ลงเนินอีก เฮ้อ งานนี้มันโดนบ่นจากทุกคนว่า บ้านมันน่ะ บ้านนอกสุดๆ
พอมาถึงหมู่บ้านมัน แล้วค่อยยังชั่วหน่อย สไตล์เดิมของเมืองนี้ครับ คือสองข้างทางเต็มไปด้วยป่าต้นหมาก ใบพลู และมะพร้าว บ้านผู้คน ก็ปลูกอยู่ในสวนน่ะแหละ
บ้านไอ้จุ๊ เป็นบ้านไม้สองชั้น แต่ด้านล่างดีหน่อยเป็นปูน และมีพื้นที่โล่งให้พักผ่อนได้ตามอัธยาศัย....(กล่าวมาตั้งนานนี่ พี่โจมยังไม่โผล่เลย 55555+ ใจเย็นครับแฟนคลับที่รัก)
ไอ้จุ๊พาพวกเราเข้าบ้าน ทั้งบ้านเงียบกริบ ดูเหมือนไม่มีใครอยู่เลย ปกติไอ้จุ๊จะมีพี่ชายอยู่สองคน คือพี่จอม ซึ่งตอนนี้กำลังเรียนจบวิทยาลัยครู และกำลังจะบวชตามที่กล่าวมาแล้ว สงสัยบวชก่อนเบียดน่ะครับ หุ หุ คนที่สองคือพี่โจม เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพี่ซัน และกำลังเรียนวิทยาลัยครูเช่นกันครับ และมันมีน้องสาวที่เห็นบอกว่าสวยมาก อีกคน อายุน้อยกว่ามันสองปี รู้สึกจะชื่อ แจน อะไรนี่แหละ
อ้าวหวัดดี ทุกคน อ้าวเฮ้ย ไอ้ซัน มึงโผล่มาได้ไงว่ะนี่ พี่โจมน่ะแหละครับ ออกมาต้อนรับพวกเรา แกกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน พอดีคงได้ยินเสียงรถมั๊งเลยออกมาดู
ไอ้เสือ กูนึกว่า มึงตายห่าไปแล้ว พี่ซันทักทายตอบ แล้วเข้าไปกอดกันกลมเชียว (คงไม่ใช่อย่างที่ แฟนคลับเข้าใจล่ะมั๊งครับ ฮ่า ฮ่า ก็เขาเป็นเพื่อนซี้กันน่ะครับ)
เออ กูก็ยืนอยู่ตรงนี้ไง ต้องรอให้มึงตายก่อนล่ะว่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ สองคนทักทายกัน พอเป็นพิธี จากนั้นพวกเราก็ยกมือไหว้แกตามระเบียบ
จะว่าไปพี่โจมนี่ เสน่ห์เหลือร้าย สาวๆในหมู่บ้านแทบจะตบกันตาย เพื่อแย่งพี่โจมมาเป็นแฟน ก็ความสูง 175 เท่าผมแหล่ะ หุ่นอาจจะไม่มีกล้ามมากมายนัก (ประมาณ ดาราหนุ่ม ศรราม ครับผม) แต่ดูดี ทะมัดทะแมง ผิวขาว หน้าตาไม่ต้องพูดถึงหรอก ถ้าไม่หล่อคงไม่มีสาวๆหลงหรอกจริงมั๊ยครับ คิ้วที่เข้มแต่มีส่วนโค้งเล็กน้อย ประกอบกับ ตาแกจะฉายแววเจ้าชู้อยู่ตลอดเวลา จมูกที่โด่งได้รูป รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร อย่าให้สาวไหนได้เจอ รายไหนรายนั้นต้องหลงเสน่ห์พี่แกเข้าให้...ขนาดพี่ผู้หญิงสองคนที่มาด้วย ถึงกับแอบ อดปลื้มไม่ได้
แต่ทว่า (ฮั่นแน่...รู้น่ะครับแฟนคลับ กำลังคิดอะไรอยู๊...) ในระหว่างที่แกกำลังคุยกับคนนั้นคนนี้อยู่เรื่อยๆ แกกลับลอบมองมาที่ผมอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการยิ้มค้างจากคนอื่น แล้วจะถือโอกาสนั้นยิ้มพร้อมกับส่งสายตาประหลาดๆ มาที่ผมด้วย (เอ...ผมคิดไปเองรึเปล่าเนี่ยะ)
เมื่อทุกคนเข้าไปนั่งเล่น นอนเล่น รึเดินเล่นกันแล้ว ตอนนี้ไอ้จุ๊ก็เป็นเจ้าภาพรับแขกล่ะครับ...ผมเห็นไอ้มุกทำหน้าไม่ค่อยจะสบายใจเท่าไหร่นัก และตอนนี้มันเดินออกไปหลังบ้าน ผมเลยคิดจะตามมันออกไป แต่ในระหว่างนั้น พี่โจมถือโอกาสเดินประกบผมตามมาอีกคน
แกะ เพื่อนจุ๊ ใช่มั๊ยครับ พี่โจมเริ่มเปิดปากถามครั้งแรก
ครับ อ้าวพี่โจมจำผมไม่ได้หรือครับ
อะ เ่อ่อ กะ ก็เราโตขึ้นมาก หล่อด้วย จนพี่จำแทบไม่ได้
หล่อ เหล่ออะไรกันครับ สู้พี่ไม่ได้หรอกครับ เห็นไอ้จุ๊คุยเรื่องพี่ให้ฟังแทบทุกวัน
เรื่องดีหรือไม่ดีล่ะครับ แกเดินนำหน้าไป ไม่รอคำตอบ แต่เห็นทำท่าจะไปรดน้ำต้นไม้ต่อ ซึ่งมีหลายพันธ์เหมือนกัน ดูเหมือนพ่อไอ้จุ๊ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนประถม (ซึ่งอยู่ซ้ายมือ ต้นทางถนนทางเข้าหมู่บ้าน) แกจะเพาะพันธ์ต้นไม้หลายชนิด ไม่รู้ว่าเพื่อแจกจ่ายตามโรงเรียนต่างๆหรือไว้ขายก็ไม่แน่ใจ...บ้านไอ้จุ๊จะใช้ปั๊มน้ำสูบน้ำจากลำห้วยมาใช้ ดังนั้นที่บ้านมันจึงมีสายยางไว้รดน้ำต้นไม้ด้วย
พี่โจมเปิดน้ำ ใช้สายยางรดพันธ์ต้นไม้ต่อ แล้วก็เ่อ่ยขึ้นว่า
จุ๊เขาก็พูดถึงเรา ให้พี่ฟังอยู่บ่อยๆเหมือนกัน
เรื่องดี รึ ไม่ดีล่ะครับ ผมยียวนแกเล่นๆ ตอนนี้ชักจะแปลกใจตนเอง เมื่อก่อนผมว่าสเป็กผม จะต้องเป็นหนุ่มมาดแมนมีกล้าม แต่ไม่ยักกะรู้ว่าคนรูปร่างโปร่งๆ อย่างพี่โจม จะเป็นที่สนใจของผมไปได้
อ่ะ อ้าว ก็ เรื่องดีสิครับ จะให้พี่บอกมั๊ยว่า ไอ้จุ๊มันชื่นชมเรานักหนา แกหัวเราะชอบใจ พร้อมกำลังฉีดน้ำจากสายยางเฉียดขาผมไปเล็กน้อย จนผมต้องกระโดดหลบ
เฮ้ย พี่โจมเล่นอะไรครับ เดี๋ยวเปียกกันพอดี
ฮ่ะ ฮ่ะ แล้วบอกได้รึยังว่า ไอ้จุ๊พูดถึงพี่ว่าไง
ไม่รู้สิ ก็แค่บอกว่า มีสาวๆในหมู่บ้าน...ชอบมาเล่นน้ำ...ที่ท่าน้ำหลังบ้านพี่นี่ครับ
ฮ่ะ ฮ่ะ กำลังบอกว่า พี่เจ้าชู้ยังงั้นรึ
คงไม่จริงมั๊งครับ เห็นสาวๆแทบจะตีกันตายไม่ใช่หรือครับ ฮ่ะ ฮ่ะ ผมเห็นแกทำหน้าปลื้มจัด เลยชักจะหมั่นไส้หน่อยๆ
พี่ระวังให้ดีน่ะครับ พี่ผู้หญิงสองคนนั่นเขาเป็นแฟนพี่ซันกับพี่ไช้น่ะครับ ตอนนี้แกชะงัก หันมาจ้องผมเขม็ง
แกะหมายความว่ายังไงครับ
อ้าว ก็ใครล่ะครับ เล่นหว่านเสน่ห์ให้แฟนคนอื่นเขาหลงใหลน่ะครับ ฮ่ะ ฮ่ะ
ทะลึ่งน่ะ ทำมาเป็นรู้ดี นี่แน่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ พี่โจมกำลังยกสายยางฉีดมาที่ตัวผม
เฮ้ย! อย่าน่ะครับพี่โจม เดี๋ยว เปียก...ไม่เล่นครับ ผมกระโดดข้ามกองถุงพันธ์ต้นไม้เล็กๆซึ่งจัดไว้เป็นแถวๆ เพื่อไปยืนอยู่ที่ทางเดินอีกที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ขวามือ
แต่ทว่า...ผมคาดผิด เพราะพี่โจมแค่แกล้งจะฉีดใส่ตัวผม แต่แกหักหลบสายน้ำมาทางที่ผมกระโดดไปพอดี
ชั๊ว!
เฮ้ย!
น้ำจากสายยางฉีดเข้าที่...กลางเป้า!...ของผมพอดิบพอดี และมันเป็นกางเกงผ้าฝ้ายสีขาว แถมไม่นุ่งกางเกงใน แล้ว จะเหลืออะไรล่ะครับท่าน....ผ้าเปียกแนบเนื้อจนเห็น ..แกะน้อย...กำลังโชว์รูปร่างของตัวเอง ..จะ.. จะ.. ขนพก ขนเพชร แทบจะนับเส้นได้กระมัง...
พี่โจมชะงักกึก จ้องตาไม่กระพริบ ปล่อยให้น้ำในสายยางไหลทิ้งไปไม่มีจุดหมาย ก่อนที่จะกลืนน้ำลาย แล้วถามขึ้นมาด้วยเสียงสั่นๆว่า
อะ เอ่อ กะ แกะ ไม่ได้นุ่งกางเกงใน หรือครับ

4 comments:

  1. สวัสดี คับผมชื่อเอิร์ท เป็นแฟนคลับบอล์คนี้นะคับเพิ่งอ่าน แต่อ่าน 2 วันถึงบทที่106ละ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ถ่ายทอดความรู้สึก ดีดี อีกนะคับ ถึงแม้ควา่มสุขบางครั้งมันอาจะมีเรื่องเศร้า บ้าง แต่ก็ถือเป็นรสชาติของชีวิต และประสบการณ์ที่สอนให้เราเข้มแข็งนะคับ อิอิ รออยู่คับ.........................

    ReplyDelete
  2. ยินดีต้อนรับครับ แฟนคลับท่านแรกในรอบปี 5555+ ไงก็มาเม้นท์สม่ำเสมอน่ะครับ เวลาลงเรื่องแล้วไม่มีคนเม้นท์นี่ กำลังใจถดถอยเลยน่ะครับ...ว่าแต่คุณเอิร์ทรู้จักบล๊อคนี้ได้ไงครับ
    แกะดำ

    ReplyDelete
  3. รู้จักจากผู้ที่สามารถตอบได้ทุกคำถาม อ.ของผมคับ
    อ.กูเกิ้ลคับอิอิพอดีหารูปแกะมาทำรายงานไห้พี่อะคับพี่เรียนปศุสัตว์อะคับเลยเจอ แกะ แต่เป็นแกะดำ ร้อนสวาทอะ อุอุ

    ReplyDelete
  4. อ่านตั้งแต่สามทุ่มกว่าๆจนตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว รู้สึกเขินๆ ยังไงไม่รู้ หยุดอ่านไม่ได้

    เริ่มเคลิมยังไงก็ไม่รู้ เหมือนจะอินในบทของพี่ 555+

    ReplyDelete