Tuesday, May 5, 2009

บทที่ 2 " การ์ดเชิญ...พิศวง "

บทที่ 2 " การ์ดเชิญ...พิศวง "

ผลประกาศออกมา เป็นไปตามคาด วาด สอบได้ที่สาม ส่วนผมได้ที่ หก ครับ นอกนั้น ไอ้ซอได้ที่สิบห้า ไอ้อ้วนสิบหก นอกนั้นอยู่ท้ายๆราวๆ สี่สิบ ห้าสิบ มีไอ้กุนคนเดียวที่สอบไม่ติด มันต้องไปเรียนที่อื่นก่อนหนึ่งปี แต่มันก็จะสามารถย้ายมาเรียนม.5 ที่นี่ได้ เพราะพ่อมันเป็นตำรวจอยู่ที่นี่ื ถือว่าย้ายตามผู้ปกครอง ถึงแม้ว่าพวกผมจะสอบได้ที่ต้นๆ กลับต้องไปอยู่ห้องควีน เนื่องจากห้องคิงเต็มจากพวกใช้สิทธิ์นะแหละ แถมมีข่าวดี ไอ้ก้อย กับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งชื่อ ไอ้ม้วน ล้นจากห้องคิง มาอยู่ห้องควีนกับพวกผมซะนี่ ก็ดีทีมจากโรงเรียนไกลปืนเที่ยงอย่างพวกผมจะได้อยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน

แรกๆต้องปรับตัวกันเยอะทีเดียวผมมีหน้าที่เป็นหัวโจกของพวกมันอยู่ดี ไอ้จุ๊เองก็ต้องตามพวกผมต้อยๆ แถมมันยังประกบไอ้ซอไม่ห่างกลายเป็นคู่หูไปเลย ส่วนไอ้อ้วนก็ประกบกับเจ้าอ๊อด เนื่องจากพวกมันไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกันสี่คน ส่วนไอ้เบนซ์ เห็นบอกไปพักอยู่กับญาติ ส่วนผมนะรึ ต้องโดยสารรถไปกลับ 40 กิโล คนเดียว เนื่องจาก พ่อแม่ แก่แล้ว พี่สาวไม่อยากให้ผมออกจากครอบครัวไปไกล เนื่องจากห่วงพวกท่าน นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนๆ เริ่มลางเลือนลงเรื่อยๆ....


เทอมแรกผ่านไป เกรดเฉลี่ยผมไม่ดีเลย ถึงแม้จะได้ที่หนึ่งของห้องควีน แต่ก็แพ้ห้องคิงอย่างราบคาบ ดูเหมือนทุกๆคนในกลุ่มจะลืมเลือนวัตถุประสงค์ในการมาเรียนที่นี่กันซะแล้ว ก็คือนักเรียนในโครงการ.....ไงครับ แต่ผมไม่มีวันลืม ยังมีเวลาอีกเทอมหนึ่งถ้าหากผมสามารถทำให้เกรด ม.4 ติดที่ หนึ่งในสี่ ของโรงเรียนได้ หมายความว่าผมมีสิทธิ์ลุ้น... ตอนนั้นผมคิดว่าโอกาสเป็นไปได้ น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์


“เฮ้ย แกะ กูว่าดูมึงซีเรียสมากเลยว่ะช่วงนี้ พวกกูรู้สึกว่าดูมึงหายๆไปจากกลุ่มยังไงก็ไม่รู้” ไอ้ซอถามผมด้วยความเป็นห่วง ก็จริงของมันเพราะหมู่นี้ในหัวสมองมีแต่ตำราเท่านั้น คิดแต่ว่าทำยังไงถึงจะเอาชนะห้องคิงได้ เลยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย มีเวลาว่างเมื่อไหร่ผมจะงัดตำรามาท่อง หรือไม่ก็เข้าห้องสมุดไปเลย

“เออ กูขอโทษว่ะ กูเห็นพวกมึงอยู่กันได้แล้ว แถมริจีบสาวๆ ในห้องซะเพียบเลยนิ กูก็เลยขอตัวไปอ่านหนังสือว่ะ มึงลืมเรื่องนักเรียน.....โครงการไปแล้วหรือ”
“มึงไม่รู้อะไร กูกับไอ้จุ๊ ไปจีบอ่ะน่ะ มีแต่สาวๆ พูดถึงแต่มึงว่ะ โอ๊ย มึงนี่เสน่ห์แรงไม่ตกเลยน่ะมึง”
“เฮ้ยจริงอ่ะ กูไม่ยักกะรู้เลยว่ามีใครสนใจกู”
“ก็มึงเอาแต่ตั้งใจเรียนนี่หว่า วันนี้ตอนบ่ายๆ มึงลองเลิกมองกระดานสนใจอาจารย์ แล้วมองไปที่พวกสาวๆ ดูซิแล้วมึงจะรู้ พวกสาวๆน่ะไม่สนใจเรียนหรอก มัวแต่มองมึงเพลินล่ะซิ ไอ้จุ๊ล่ะหมั่นไส้ มึงฉิบหาย”
“แต่มึงก็รู้นี่กูมีกรกนกอยู่แล้ว ตอนนี้เรื่องหญิงขอพักไว้ก่อนว่ะ มึงลืมนักเรียนโครงการไปแล้วจริงๆอ่ะ”
“คร๊าบ...พ่อยอดรักใจเดียว มึงอย่าให้กูรู้ก็แล้วกันว่ามึงแอบไปหลีหญิงที่ไหนอีก กูจะบอกกรกนก เป็นคนแรกเลย ฮ่า ฮ่า” อ้าวไอ้นี่ตกลงมันจะเอายังไงกันแน่วะ พอมีข่าวมีสาวๆจะชอบผม แทนที่จะชอบมัน มันเอาไม้เด็ดเรื่องกรกนกมาอ้าง เล่นตัดคู่แข่งไปเลยรึมึง
“เรื่องนักเรียนโครงการกูว่า พวกเราไม่ติดฝุ่นแล้วมั้ง ตอนนี้พวกห้องคิงมันเกรดนำทีหนึ่งคือมึง ไปตั้งครึ่งห้องแล้ว เห็นเขาเอาแค่สี่คนเองไม่ใช่หรือว่ะ”
“เออใช่ แล้วพวกเราไม่มีสิทธ์ลุ้นกันหรือไง ยังมีเวลาอีกเทอมหนึ่งน่ะมึง”
“มันจะตามเขาทันรึ ขนาดมึงได้ที่หนึ่งของห้องแล้ว เกรดมึงยังอยู่เกือบอันดับที่ยี่สิบสามสิบของห้องนั้นอยู่เลย มึงดูอย่างไอ้วาดซิ แต่ก่อนมันเรียนเก่งกว่ามึงอีกตอนนี้ไม่รู้เป็นยังไงเกรดมันไม่รู้อยู่อันดับที่เท่าไหร่แล้ว” จริงซิผมลืมวาดไปซะสนิท หลังๆมาได้ข่าวเพียง ไอ้จุ๊เจ้าชู้มาก เที่ยวจีบสาวๆ ไปทั่ว วาดมันคงเสียใจเลยไม่เป็นอันตั้งใจเรียน


บ่ายวันนั้นผมลองหันไปมองรอบๆห้องดูว่าเป็นไปอย่างที่ ไอ้ซอ ว่ารึเปล่า ปรากฎว่าเป็นไปอย่างที่มันว่าจริงๆ สาวๆหลายคนแอบมองจ้องผมอยู่ พอผมหันไปมอง เจ้าตัวรีบหลบสายตาไปทางอื่นพร้อมกับหน้าแดงๆ แต่ไม่รู้เป็นไงทำไมผมถึงไม่ดีใจน่ะ ตอนนั้นคิดแต่ว่าเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น แล้วผมก็เห็นวาด เธอ ท่าทางเศร้าๆ เหม่อลอย ไม่มีสมาธิในการเรียน ผมรู้สึกสงสารเธอจับใจ แต่ก่อนผมเคยคิดที่จะได้เธอมาเป็นแฟน แต่ตอนนี้ผมกลับอยากเป็นแค่เพื่อนที่ไว้วางใจได้ ผมจะต้องหาโอกาสคุยกับเธอให้ได้


ขณะที่ผมกำลังจะหันหน้ากลับมาสนใจอาจารย์ พลัน!.....สายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องผมอยู่จากหลังห้อง เป็นสายตาที่บ่งบอกอะไรบางอย่าง แปลกๆ คล้ายๆกับว่า เป็นสายตาที่กำลังชื่นชมใครบางคน ประมาณว่า..ปลื้ม..สุด สุด...ประมาณนั้น แต่ที่สำคัญไม่ใช่อะไร มันเป็นสายตาของ “เด็กผู้ชาย”!!!!!!!!!!! ไอ้เมฆ เด็กตัวเล็กๆหลังห้อง เรียนหนังสือก็ไม่เก่ง ไม่มีอะไรน่าสนใจ พวกมันไม่เคยอยู่ในสายตาเด็กเรียนเก่งอย่างกลุ่มพวกผมหรอก แล้วมันมองผมทำเหี้ยอะไรว่ะ.............


“แกะ พวกกูมีปัญหาวิชาเคมีว่ะ มึงอยู่ช่วยติวให้พวกกูหน่อยได้มั๊ย หลังเลิกเรียน” ไอ้อ๊อดมันพูดแกมขอร้อง
“เออ กูมีวิชาภาษาอังกฤษด้วย มึงช่วยพวกกูหน่อยน่ะ” ไอ้อ้วนอีกคน
“ใช่ ใช่ ขอกูไปติวกับพวกมึงด้วยคนน่ะ” ไอ้ม้วนเพื่อนใหม่ หลังๆมามันเริ่มเข้ากลุ่มกับพวกผม เพราะพวกผมก็เรียนเก่งที่สุดในห้อง ผมได้ที่หนึ่ง ไอ้โกก (เพื่อนใหม่) ได้ที่สอง ที่สามก็ไอ้ซอ ที่สี่ก็ไอ้อ้วน ไอ้วาดรู้สึกจะอยู่ราวๆที่ห้าที่หกนี่แหละ
“เฮ้ย ไม่ได้ ไม่ได้ ขืนกูอยู่ติวพวกมึงกูก็ตกรถซิว่ะ” ผมโบกไม้โบกมือ เพราะรถประจำทางผมมา บ่ายสามโมงครึ่ง ต้องไปต่อรถอีกจังหวัดหนึ่ง กว่าจะถึงบ้านก็หกโมงเย็นแล้ว
“มึงไปกลับแบบนี้ไม่เหนื่อยแย่หรือว่ะ กูว่ามึงมาพักอยู่กับพวกกูเถอะ มึงจะได้มีเวลาอ่านหนังสือเยอะๆไงตามความฝันของมึง แถมพวกกูจะได้มึงมาแลกเปลี่ยนติววิชาการกันไง” ความเสนอของไอ้อ้วนก็ไม่เลวแฮะ
“เออ เออ เดี๋ยวกูจะไปลองปรึกษาพ่อแม่ดูก่อนว่ะ แต่วันนี้กูขอกลับก่อนก็แล้วกัน”


ผมเอาเรื่องที่อยากเข้าเป็นนักเรียนโครงการ....มาอ้างกับพ่อแม่และพี่สาว คืออยากจะลองฟิตตอนเทอมสองนี้ดูเผื่อยังไงทำเกรดดีจะได้ติดตามที่ใฝ่ฝัน โดยบอกว่าจะมาพักอยู่กับไอ้อ้วน ไอ้อ๊อด ไอ้ซอ และไอ้จุ๊ ในที่สุดทางบ้านก็อนุญาต แต่ถ้าเกิดพากันเกเรไม่ตั้งใจเรียน ท่านจะเรียกกลับ
พวกมันดีใจกันใหญ่ ผมก็ีดีใจจะได้อยู่กับเพื่อนๆอย่างอิสระไม่มีใครมาคอยคุมอีกแล้ว จะได้มีเวลาท่องตำรับตำรามากขึ้นล่ะคราวนี้


“กูได้ข่าวว่ามึงจะไปพักอยู่กับพวกไอ้ซอเหรอว่ะ” ไอ้เบนซ์ถาม
“ก็คงจะยังงั้นแหละมีไร...”
“มึงไม่คิดว่ามึงจะเป็นส่วนเกินเหรอ”
“ส่วนเกินอะไรว่ะ ก็เพื่อนกันแท้ๆ ไม่เห็นมีอะไร”
“กูไม่รู้สิ คืนหนึ่งกูแวะไปหาพวกมันประมาณสามทุ่มมั้ง เห็นบ้านปิดเงียบ แต่มีแสงไฟหริบหรี่อยู่กูก็คิดว่าพวกมันอ่านหนังสือกำลังจะเคาะประตู พอดีกูได้ยิน........
“ได้ยินอะไรว่ะ....”
“ดะ ได้ ...ยิน.. สะ สะ เสียง .....”
“เสียงอะไรว่ะ รีบพูดมากูเสียเวลาอ่านหนังสือ” ไอ้นี่เป็นอะไรของมันน่ารำคาญจริง คนกำลังมีสมาธิอ่านหนังสืออยู่
“กูว่าหมู่นี้ ไอ้ซอ กะ ไอ้จุ๊ มันสนิทกันแปลกๆว่ะ”
“แปลกตรงไหน กูก็เห็นมันไปไหนมาไหนด้วยกัน เป็นคู่หู ไม่ใช่เรื่องแปลก”
“ละ แล้วก็คู่ ไอ้อ้วนกับไอ้อ๊อด อีก มึงไม่สังเกตุจริงๆเหรอว่ามันมีอะไร อะไรอยู่นา”
“โอ๊ย ไอ้นี่คิดมาก เพื่อนๆ กันทั้งนั้น ปวดหัว ตกลงมึงจะบอกรึไม่บอกว่ามึงได้ยินเสียงอะไร ถ้าไม่บอกก็ไปไกลๆ ตีนกูเลยไป๊.... หัวเสียโว๊ย......”
“เอาไว้มึงไปอยู่แล้วมึงจะรู้เอง.......” ไอ้เบนซ์พูดเป็นปริศนา
“อ้อ! ก่อนอื่นพี่เอกฝาก นี่มาให้มึง กูไปล่ะ” ไอ้นี่พูดปุ๊ป มันก็ไปปั๊บเลย
พี่เอกรุ่นพี่ม.6 สุดเท่ห์ เวลาพี่เขาแต่งชุด ร.ด. แล้วหล่ออย่าบอกใคร หุ่นพี่เขาสมส่วนนักกีฬามีกล้ามพองาม สาวๆติดกันตึมเลย ผมยังอิจฉาพี่เขาเลย เอ๊ะ! พี่เขาฝากซองอะไรมาให้เนี่ยะ ขณะที่ผมกำลังแกะซองอยู่ พอดีไอ้โกก ก็พรวดพราดเข้ามา


“แกะ แกะ กูมีโจทย์คณิตศาตร์เตรียมเอ็นฯ มาให้มึงช่วยคิดว่ะ” ไอ้โกกนี่เริ่มมาตีสนิทเป็นคู่หูผมหลังจากที่มันรู้ว่าผมได้ที่หนึ่ง จริงๆแล้วมันก็มีสิทธ์อยู่ห้องคิง พอดีมันสละสิทธ์ กะว่าจะไปสอบที่โรงเรียนอื่น แต่เปลี่ยนใจมาสอบที่เดิม เลยได้มาอยู่ห้องควีนแทน ผมไม่มีอะไรอยู่แล้ว สบายๆ จะสนิทกับผมก็ดีเพราะมันก็เรียนดีอยู่เหมือนกัน
“จดหมายรักจากสาวคนไหนอีกล่ะมึง มึงนี่เสน่ห์แรงจริงๆว่ะ มีรุ่นพี่สาวๆ ขอให้กูติดต่อมึงให้ กูได้สินบนมาอานเลยว่ะ “ ไอ้นี่มันคงเอาผมไปขายตามเคย และมันก็ชอบให้รุ่นพี่สาวๆ หลงกลเลี้ยงข้าวมัน บางทีก็ฝากขนมมาให้ผมด้วย บรรดาจดหมายต่างๆน่ะถึงมือผมอยู่หรอก แต่ไอ้ขนมเนี่ยะ ไม่เคยถึงมือผมเ้ล้ยผับผ่า....
“ของสาวๆที่ไหนกัน ของพี่เอก ตะหากไม่รู้มีอะไร”
“พี่เอก สุดหล่อ ม.6 นะรึ ไหน ไหน ขอกูเปิดดูหน่อย” มันคว้าซองจดหมายไปเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว ตอนแรกสีหน้ามันก็ยิ้มๆ แต่ทำไมสีหน้ามันถึงตกใจอย่างสุดขีดขนาดนั้น
“เป็นอะไรว่ะโกก สีหน้ามึงยังกะคนปวดขี้”
มันยื่นการ์ดด้านหน้าเป็นดอกกุหลาบสีแดงดอกเดียวแต่สวยงาม น่าจะส่งผิดคนซะล่ะมั้ง สงสัยมีแฟนเยอะเลยสับสน
“มึงเป็นเกย์รึเปล่าว่ะ” มันดึงการ์ดแผ่นนั้นกลับ พร้อมกับจ้องหน้าผมอย่างค้นหาความจริง
“เฮ้ย!!!!!!!! มึงจะบ้ารึ “ ผมตกใจมากและก็โกรธมันมากด้วย
“เอ๊า มึงลองอ่านดูก็แล้วกัน” ผมรับการ์ดนั้นมาด้วยความงุนงง จะบ้ารึอยู่ดีๆ มีคนมาหาว่าเป็นเกย์ เสียเชิงชายหมด”
“ถึง...น้องแกะรูปหล่อ พี่ดีใจมากที่ได้คุยกับน้องเมื่อวานนี้ คือเรื่องที่น้องสนใจเรียนร.ด.น่ะ พี่ยินดีให้คำปรึกษาน้องเต็มที่เลยน่ะครับ ถ้าน้องไม่รังเกียจพี่ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าว น้องเย็นนี้น่ะครับที่ร้าน......เวลาหกโมงเย็น ถือซะว่าเป็นการต้อนรับรุ่นน้องก็แล้วกัน.. แล้วพี่จะรอน่ะครับคนดี จาก ...พี่เอก”
“ไอ๊หย่า!!!!!!!” ผมร้องเสียงหลง “นี่พี่เอกเขาเล่นตลกอะไรกับกูว่ะเนี่ยะ”
“ใช่ นี่มันเป็นจดหมาย..จีบ.. กันชัดชัด มึงแน่ใจน่ะว่ามึงไม่มีอะไรกับพี่เขา”
“เฮ้ย ไม่มีจริงๆ มึงจะบ้าเรอะ มึงหาว่ากูเป็นเกย์ มึงเป็นเพื่อนกูรึเปล่า”
“กูก็ว่างั้นแหละ อย่างมึงน่ะ แมนจะตาย รูปก็หล่อ เรียนก็เก่ง สาวๆ ติดอกติดใจ กันมากมาย เป็นกู กูก็ไม่เชื่อว่ะว่ามึงจะเป็น....”
“อ้าว แล้วนี่กูจะทำยังไงดีล่ะ พี่เขาไม่รู้รึว่ากูต้องขึ้นรถประจำทางตอนบ่ายสามโมงครึ่ง วันอาทิตย์นู้นกูถึงจะย้ายมาอยู่กับพวกไอ้อ้วน”
“เออ กูว่ามึงไปตามนัดก็ดีน่ะ พอพี่เขาเลี้ยงข้าวมึงเสร็จมึงก็ไปนอนบ้านพี่เขาซะเลย แล้วมึงกับพี่เขาก็จะได้ลงเอย มีอะไร ...อะไร.. กันไงล่ะ ฮ่า ฮ่า”
“ถ้ามึงพูดอีก กูจะต่อยหน้ามึงจริงๆ” ผมโกรธมาก ท่าทางเอาจริงเอาจัง มันก็เลยขอโทษขอโพย
“เออ...กูล้อ.....เล่นนนนน อย่าโกรธเลยน่ะคนดี.....” ผมวิ่งไปจะเตะมันจริงๆ มันเลยวิ่งหอบหนังสือหนีไป พร้อมกับหัวเราะร่วน....


ผมนั่งรถประจำทางกลับบ้านด้วยความงุนงง วันศุกร์นี้มันเกิดอะไรขึ้นว่ะ เรื่องที่ไอ้เบนซ์พูดเกี่ยวกับเพื่อนทั้งสี่คนที่ผมจะไปพักด้วย ไหนจะเรื่องพี่เอกอีก คิดไปคิดมาปวดหัว เตรียมตัวคิดถึงเรื่องเก็บข้าวของดีกว่า ผมมีเวลาอยู่กับครอบครัวในวันเสาร์ เย็นวันอาทิตย์ไอ้อ้วนกับไอ้อ๊อดก็มาช่วยย้ายข้าวของถึงที่บ้าน ทางพ่อแม่ก็อวยพรให้โชคดี อย่าเกเรกัน ให้ตั้งใจเล่าเรียนหนังสือ พวกผมก็ลาพ่อกับแม่ในเย็นวันนั้นรู้สึกใจหายเหมือนกัน เพราะไม่เคยจากบ้านไปอยู่คนเดียวเลยนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตจริงๆ...

No comments:

Post a Comment