Wednesday, June 3, 2009

บทที่ 10 " ความหลัง...ยังฝังใจ "


บทที่ 10 “ ความหลัง...ยังฝังใจ ”

ร่างของเรากอดกระชับกันแน่นอยู่สักพัก จนพี่ดำค่อยๆผลักตัวผมออกเบาๆ แล้วล้มตัวลงนอนหงาย แขนข้างขวาถูกรั้งขึ้นเพื่อใช้แทนต่างหมอน เผยให้เห็นขนจั๊กกะแร้สีดำกระจุกเซ็กซี่ แมนๆ ส่งกลิ่นอันหอมกลุ่น มายั่วยวนผมอีกครั้ง..... แล้วในที่สุดแกก็เปลี่ยนใจ ยกแขนขวาออกพร้อมกับดึงร่างของผมให้เข้าไปนอนเบียดข้างๆ... แกดึงรั้งศรีษะผมให้นอนบนท่อนแขนแก (อูย โคตร...อบอุ่น...อิบอาย) ผมพลิกตัวนอนตะแคงข้างซ้าย แล้วใช้มือขวาลูบไล้ ไปทั่วหน้าอกแมนๆ แน่นๆ ที่มีขนประปรายเซ็กซี่ ผมลูบไล้แ่ผ่วเบา... จนไปสิ้นสุดที่ความเป็นชายของพี่แก พร้อมกับหยอกล้อต่อกระซิกให้มันตื่นตัวขึ้นมาใหม่ พี่ดำเองก็ใช่ย่อย ชโงกหน้ามาหอมแก้มผมดังฟอด ก่อนจะพลิกตัวข้างขวาเล็กน้อย พร้อมใช้มือลูบไล้เนื้อตัวผมบ้าง จากนั้นก็ไปสิ้นสุดอยู่ที่ท่อนลำของผม พร้อมกับปลุกให้มันตื่นจากการหลับไหล เราสองคนต่างฝ่ายต่างก็กำของกันและกัน รูดขึ้น รูดลงเบาๆ (อูย อูย ความรู้สึกสุดยอดเลยล่ะครับท่าน....)
“ แกะครับ เราจะเอากันต่อดีมั๊ยครับ หรือจะไปอาบน้ำกันก่อนดี ” เสียงพี่ดำ พูดซะ...ออดอ้อนซะไม่มี ไอ้แกะก็อยากเอาต่อแหละครับ แต่....
“ ดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ดำต้องไปแข่งบอลล์ ไม่ใช่หรือครับ ” มือเราทั้งคู่ต่างก็กำรูดกันเล่นไม่หยุด
“อึม เสียดายจัง พี่ยังอยากเอาต่ออีกน่ะ ฮึ ฮึ ....” พร้อมส่งสายตาหื่นมาอีกครั้ง
“ไว้ต่อวันหลังเถอะนะครับ พรุ่งนี้ผมก็ต้องมีเรียนแต่เช้าเหมือนกันครับ”
“เออ แกะย้ายมาอยู่กับพี่น่ะ คนดี....” แกมองตาซึ้งเชียวล่ะครับ ไม่ต้องชวน ไอ้แกะก็จะหอบผ้าหนีตาม “ผู้ชาย” มาอยู่แล้ว แกปล่อยมือจากท่อนลำสวาท ขึ้นมาประคองที่ใบหน้าของผม ก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาดูดดึ่มความหวานกันต่อ...สักพัก ผมถอนลิ้นออกก่อนจะพูดว่า
“ ไปขอพ่อแม่ เขารึยัง ลูกเขามีพ่อมีแม่น่ะ ” ผมพูดกระเซ้า คราวนี้พี่ดำกับเงียบ พร้อมกับล้มตัวลงไปนอนหงายยกมือซ้ายที่ว่างขึ้นมาก่ายหน้าผาก
“ โอ๊ะ พี่ดำเป็นอะไรครับ ผะ ผม พูดอะไรผิดหรือเปล่า ” ผมต้องตกใจกับกริยาที่เงียบขรึมของแก จนต้องปล่อยท่อนรักสุดเท่ห์ ขึ้นมาลูบไล้ที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นแทน
“ พี่ เอ้อ...ไม่แน่ใจว่า พ่อของแกะจะให้ยังคงโกรธพี่อยู่รึเปล่า เฮ้อ! ” แกพูดพร้อมกับถอนหายใจดังเฮือกใหญ่
“อ้าว ทำไมพ่อผมต้องโกรธพี่ดำด้วยล่ะครับ” ผมล่ะงงไปหมดแล้วนะเนี่ยะ ผมแหงนหน้าจ้องตาแกด้วยความพิศวง พี่ดำเอื้อมมือซ้ายขึ้นมาลูบไล้ที่คิ้วขาวอันดกดำของผม
“เด็กน้อยเอ้ย นี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง” แกยิ่งลูบไล้คิ้วขวาของผมหนักขึ้น ใช่แล้วคิ้วขวาของผม ถ้าไม่สังเกตจะเหมือนคิ้วทั่วๆไป เพราะมีขนคิ้วดกดำปกคลุมอยู่ แต่ถ้าคลี่ออกดูจะเห็นรอยแผลเป็นตัดครึ่งคิ้วออกไปตามแนว 45 องศา ผมเคยสงสัยมานานแล้วเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
“รู้มั๊ย พี่จำแกะได้ก็เพราะแผลเป็นที่คิ้วขวานี่แหละ ตอนที่แกะมาถามพี่เกี่ยวกับเรื่องเรียน ร.ด.”
“แค่แผลเป็นเนี่ยะน่ะ ที่ทำให้พี่จำผมได้”
“ตอนแรกก็ไม่มั่นใจหรอก พอดีจุ๊เพื่อนแกะ เขาชอบมาซ้อมบอลกับพวกพี่ตอนเย็นๆ พี่ก็เลยได้ความจากจุ๊
“อืม แล้วมันพูดว่าอะไรบ้างล่ะ” ผมชักไม่แน่ใจน่ะสิว่าไอ้นี่มันจะเผาอะไรผมบ้าง ก็มันไม้เบื่อไม้เมากับผมมาตลอดนี่ครับ
“จุ๊เขาชื่นชมในตัวแกะมากเลยรู้มั๊ย” สีหน้าแกเริ่มดีขึ้นบ้าง เริ่มมีรอยยิ้มนิดๆ
“ฮ้า! พี่ลองพูดใหม่อีกทีสิ” ผมไม่อยากเชื่อหูตัวเอง คนอย่างไอ้จุ๊ลับลังมันจะพูดถึงคนอื่นในทางที่ดีได้
“จุ๊ บอกว่า ก็แกะนั่นไง ที่คนเขาให้ฉายาว่า “พระเอกเกาหลี” น่ะ พี่ก็เคยได้ยินข่าวนี้มาบ้างเหมือนกัน เห็นพวกเพื่อนๆผู้หญิงในห้องชอบพูดถึงอยู่บ่อยๆว่า มีเด็ก ม. 4 เข้าใหม่ หล่อระเบิดยังกะพระเอกเกาหลีเลย นอกจากนี้ ไอ้พวกเพื่อนๆพี่ที่ซ้อมบอลกัน พวกมันก็พูดถึงบ่อยๆ พี่ไม่คิดเลยว่าจะกลายมาเป็นแกะได้” แล้วแกก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจซะเหลือเกิน
“พอ พอเถอะพี่ เล่าเรื่องไอ้จุ๊ต่ออีกทีว่า มันพูดถึงผมว่ายังไงบ้าง”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ....เออ.. ก็เห็นจุ๊เขาพูดถึงว่า นอกจากแกะจะรูปหล่อ สาวตึมแล้ว ยังเรียนเก่งอีกต่างหาก แถมมีน้ำใจกับเพื่อนฝูงเป็นที่หนึ่งเลย” โอ๊ย ไม่อยากเชื่อว่าไอ้เหี้ยจุ๊มันจะชื่นชมผมขนาดนั้น ทีต่อหน้าล่ะก็กวนตีนซะ.....จะต่อยกันทุกที
“อ้อ นอกจากนี้ เห็นบอกอีกว่า พ่อของเขากับพ่อของแกะเป็นเพื่อนรักกัน พอตกมาถึงรุ่นลูก ก็กลายเป็นเพื่อนรักกันอีก” ผมอยากจะอ๊วก... เรื่องรุ่นพ่อนี่ไม่เถียงแต่เรื่องรุ่นลูกนี่ มันตอแหลสุดๆ เลยตัดบท วกกลับไปถามเรื่องแผลเป็นที่คิ้วต่อ
“เออ เรื่องคิ้วผมนี่ มันยังไงพี่ มันเกิดอะไรขึ้นกับผมในตอนนั้น”
“ตอนนั้นแกะอายุราวๆ 4 ขวบ ได้ พี่กำลังปีนต้นมะม่วงอยู่ โดยไม่ทันระวังว่าแกะจะแอบปีนตามพี่ขึ้นมา พี่กำลังเอื้อมมือไปเก็บมะม่วงสุกที่อยู่ปลายกิ่ง มันเป็นกิ่งที่เปราะมาก รับน้ำหนักเราสองคนไม่ไหว... มันก็เลยหัก”
“แสดงว่าผมตกต้นมะม่วงนั่น”
“ใช่ตอนนั้นพี่ก็แค่ 7 ขวบเอง ก็คงจะยังเด็กอ่ะน่ะ เลยไม่ได้ระแวงเลยว่า แกะยืนอยู่ที่ต้นกิ่ง พอกิ่งหัก พี่ก็กระโดดขึ้นยึดกิ่งที่แข็งแรงไว้ แต่แกะนี่ซิ ตกลงพื้นหน้าคว่ำไปทิ่มกับตอไม้เข้า”
“โอ้โห แผลคงลึกสิครับ ถึงมีรอยแผลเป็นอยู่ทุกวันนี้” ผมคลำคิ้วขวาตัวเองป้อยๆ
“ใช่ เลือดสาดกระจายเลย ดีที่เฉียดตาขวาไปนิดเดียว ไม่ั้งั้นคง... เอ้อ......... ตาบอดแน่ ”
“โอ้โห น่ากลัวจัง แล้วไงต่อครับ”
“พี่ไ้ด้ยินแกะร้องไห้จ้า พอพี่หันลงไปดูที่พื้น พี่แทบเป็นจะเป็นบ้า ...ยอมกระโดดลงมา ดีที่แข้งขาไม่หัก... พี่ตะโกนสุดเสียงร้องเรียกให้คนช่วย ดีที่มีผู้ใหญ่อยู่แถวนั้นเลยพาไปหาหมอทัน ไม่รู้แกะถูกเย็บไปกี่เข็ม ตอนนั้นพ่อของแกะ โกรธพี่มากเลยรู้มั๊ย”
“ผมว่าเรื่องมันนานมาแล้วน่ะพี่ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่เลยทีเดียว เรื่องแค่นี้พ่อน่าจะไม่ติดใจถือสา” พี่ดำหันหน้าไปทางซ้ายเหมือนจะใช้ความคิด
“มันไม่ใช่แค่นั้นนะซิ มันยังมีอีก”
“อะไรน่ะ ยังมีเหตุอะไรอีกล่ะครับ” แกเอื้อมมือซ้าย (ก็มือขวาไม่ว่างนี่หว่า ไอ้แกะกำลังใช้นอนหนุนหัวอยู่) พยายามจะจับที่เท้าซ้ายของผม แต่ลุกไม่ได้เพราะผมนอนทับตัวแกอยู่ ผมจึงจำเป็นต้องลุกขึ้นให้แกเข้ามาจับที่หลังเท้าซ้ายของผมได้ถนัด
แผลเป็นที่หลังเท้าซ้าย มันเป็นรอยยาวเหมือนถูกของมีคม มันชัดเจนมาก อยู่ตรงกลางเท้า ทำมุม 45 องศา เช่นกัน ที่สำคัญมันเป็นรอยแผลยาวเกือบเต็มหลังเท้า
พี่ดำใช้มือลูบไล้ไปมา แล้วพูดขึ้นว่า
“รอยแผลเป็นนี่เกิดจากขวานตกใส่ ตอนแกะอายุ 3 ขวบ ตอนนั้นพี่กำลังดูๆผู้ใหญ่เขาต่อเติมบ้าน เลยไม่ทันระวังแกะที่ แอบเอาขวานของผู้ใหญ่มาเล่น แล้ว เอ่อมันคงหนัก แกะเลยทำมันหลุดมือ.....คราวนี้ไม่รู้เย็บกี่เข็มเหมือนกัน ฮ่ะ ฮ่ะ” แกคงอดขำในความซนของผมไม่ได้ก็เลยหัวเราะออกมา
จากนั้นแกก็เข้ามาลูบที่หน้าแข้งขวาผม เบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า
“ขาข้างนี่เคยหัก ต้องเข้าเฝือก 2-3 เดือน เมื่อตอนแกะอายุจะ 5 ขวบ แล้ว”
“อ๋อ อันนี้ผมพอจะจำได้ ตอนนั้น...หลังจากที่พี่ดำหัดให้ผมเตะบอลพลาสติก จนชำนาญแล้ว ผมก็คิดว่าตัวเองเก่งพอตัว ก็เลยไปท้าแข่งกับเด็กแถวๆบ้าน”
“ใช่พวกนั้นเขาเห็นว่าแกะจะทำลูกได้ ก็เลยแกล้งเตะสวนขึ้นมาที่ขาของแกะ...พวกมันคงเตะแรงไปหน่อย ก็พวกมันตัวไตกว่าเยอะนี่ แรงมันเลยเยอะ”
“ใช่... หลังจากนั้น ผมจำได้ว่าเข็ดเตะบอลไปเลย ฮะ่ ฮ่ะ”
ผมหัวเราะถึงความซุกซนของตนเอง แต่ในเรื่องทั้งสามเรื่องมันไม่น่าจะทำให้พ่อผมถึงกับโกรธพี่ดำมากมายเลยนี่นา เรื่องของเด็กๆทั้งนั้น
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง สำคัญ... สำคัญมาก ถึงขนาดที่พี่จะต้องจากแกะมาจนถึงทุกวันนี้” พอพูดเสร็จพี่ดำก็เริ่มก้มหน้าเศร้าๆ.... เงียบกริบ... สักพัก... แกก็เงยหน้าขึ้น....ขอบตาแกแดงกล่ำ หยดน้ำตาของลูกผู้ชายกำลังเอ่อล้นออกมา... แกกำลังสะอื้นเบาๆ... พร้อมกับพยายามเพ่งมองฝ่าหยาดน้ำใสๆมาที่ดวงตาทั้งคู่ของผม.........

No comments:

Post a Comment