Tuesday, June 16, 2009

บทที่ 18 " ซวยซ้ำ...ซวยซ้อน "

บทที่ 18 “ ซวยซ้ำ...ซวยซ้อน ”

หลังจากวันนั้น พี่ดำก็พยายามเข้ามาปรับความเข้าใจกับผม แต่ผมไม่ได้ปล่อยโอกาสให้แกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ปกติผมจะอยู่กันเป็นกลุ่มก้อนกับพรรคพวกเพื่อนฝูงเสมอ นอกจากนี้พวกผมยังเรียนหนักกันอีกต่างหาก แทบไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเลย เนื่องจากไอ้โกกโดนห้องคิงสบประมาทมา (เพื่อนเก่าที่มันเรียนด้วยกันมาก่อนตอนมัธยมต้น) คำสบประมาทก็คือ “ถึงแม้ปีนี้ห้องควีนจะชนะการตอบปัญหาได้ แต่ก็อย่าหวังว่าจะติดเด็กโครงการ....” นับว่าครั้งนี้ไอ้โกกแค้นมาก....พวกเราจึงร่วมมือกันติวหนังสือกันหนักกว่าเดิม ใครเก่งวิชาไหนก็ติวให้เพื่อน หลังเลิกเรียนพวกเรายังไปติวกันต่อที่บ้านอีก...อันนี้ก็เป็นข้ออ้างอันหนึ่งที่ผมจะไม่ต้องย้ายไปอยู่บ้านพี่ดำ
พี่ดำเองก็ทำเนียนแฮะ เข้าทางไอ้จุ๊หลังจากซ้อมบอลด้วยกันตอนเย็นเสร็จแล้ว...ก็ทำแกล้งมาเล่นที่บ้านแถมมาช่วยพวกเราติวหนังสืออีกต่างหาก ไม่ยักกะรู้ว่าแกติดเด็กโครงการ....มาก่อน แต่สละสิทธิ์ไป เนื่องจากต้องไปเรียนซัมเมอร์ที่นิวซีแลนด์ ดังนั้นภาษาอังกฤษพี่ดำจึงแน่นมาก เป็นที่ชอบอกชอบใจของเพื่อนๆ... พี่ดำเลยกลายเป็นสมาชิกของกลุ่มโดยไม่รู้ตัว ขนาดกลางวันแกยังหนีเพื่อนๆ (ไม่รู้นับพี่พรด้วยหรือเปล่า) มากินข้าวเที่ยงกับพวกแก๊งผมเลย แต่ระหว่างผมกับพี่ดำคุยกันนับครั้งได้ โดยมากแกจะคุยสนุกสนานกับไอ้จุ๊มากกว่า.....
เหตุการณ์ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันศุกร์ก็มาถึงพวกผมที่มาจากโรงเรียนเดิมต่างพากันดีอกดีใจที่จะได้กลับบ้านซะที ผมเองก็คิดถึงพ่อ แม่ และพี่กวาง เอามากๆ ออกจากบ้านมาอาทิตย์เดียวมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย....จนผมเองยังคงสับสนอยู่เหมือนกัน
ในคาบสุดท้ายเป็นวิชาอุตสาหกรรม (วิชาเลือก เป็นพวกงานเขียนแบบ และวิชาทางด้านการใช้เครื่องมือช่างทั่วๆไป) พวกแก๊งผมยกโขยงเลือกวิชานี้ เพราะไม่ชอบอีกวิชาหนึ่งคือวิชาเกษตร (แถมมีวิชาทำอาหารด้วย ยิ่งแล้วไปใหญ่ เพราะผมถนัดกินอย่างเดียว ไม่ชอบทำกับข้าวครับผม....)
อาจารย์ที่สอนวิชานี้คืออาจารย์เดชา (อาจารย์รูปหล่อ อายุประมาณ 28 รูปร่างสูงแต่ล่ำ ผิวออกขาวๆ แต่หน้าเข้มเพราะคิ้วดก ท่าทางสำอางหน่อยๆ แต่งตัวเนี๊ยบ ดูสะอาดๆ อาจารย์สาวๆนี่กริ๊ดกร๊าดกันใหญ่ เห็นว่าเพิ่งย้ายมาจากแถวๆภาคกลางประมาณสุพรรณบุรีอะไรทำนองนี้ วีระกรรมระหว่างอาจารย์คนนี้กับผมก็พอมีบ้าง เดี๋ยวว่างๆจะพยายามสอดแทรกเข้ามาให้อ่านน่ะครับ) วันนี้อาจารย์ท่าทางอารมณ์ดีจึงหยุดงานสอนเอาดื้อๆ แล้วแกก็เริ่มเกริ่นเรื่องเพศศึกษาครับ เพราะนักเรียนที่เลือกวิชานี้เป็นชายล้วนครับ มาจากหลายห้องยกเว้นห้องม.4 ห้องหนึ่งที่เขาเรียนเอกอุตสาหกรรมอยู่แล้ว
พวกเราอยู่ในอาคารอุตสาหกรรมค่อนข้างไกลผู้คน จึงปลอดภัยในการเล่นสัปดี้สัปดนกัน วันนี้อาจารย์มาแปลกแฮะ อาจารย์นั่งอยู่ที่เก้าอี้กลางห้องโถง พวกเราก็นั่งบ้าง ยืนบ้างแล้วแต่สะดวก ด้านข้างหลังเราจะเป็นโต๊ะเครื่องมือช่าง เรียงเป็นระเบียบจนติดผนังอีกห้องหนึ่ง
“เอานักเรียน วันนี้ครูมีอะไรแนะนำเล็กๆน้อยๆสำหรับคนหนุ่มอย่างพวกเรา”
อาจารย์พูดไปขาแกที่กางอยู่แล้วจากการนั่งเก้าอี้ กวัดแกว่งไปมา เผยให้เห็นเป้าตุงๆโดดเด่นอยู่ตรงกลาง เพราะกางเกงสีกากีที่แกใส่อยู่ค่อนข้างจะฟิต
“ก่อนอื่นครูขอถามหน่อยว่า ใครเคยเสียความบริสุทธิ์แล้ว” เรียกเสียงฮือฮาพอสมควร มีนักเรียนซ่าส์ๆห้องอื่นยกมือกันสี่ห้าคน แต่ไอ้ม้วนไม่ยักกะยกแฮะ พวกผมเงียบกริบ
“เอาล่ะ เอาล่ะ ไหนใครยังไม่เคยเสียความบริสุทธิ์ ยกมือขึ้น” นักเรียนกว่า 35 คนรวมทั้งผมด้วยก็ยกมือกันพรึบ แล้วก็มีนักเรียนคนหนึ่งกล้ามากถามครูว่า
“อาจารย์ครับ ผู้ชายที่ เอ่อ เอากับผู้หญิงครั้งแรกรู้สึกยังไงบ้างครับ” เรียกเสียงเฮดังลั่น
“อันนี้ ต้องไปถามพวกที่เคยมาแล้วดีกว่าน่ะ เธอเคยช่วยตัวเองรึเปล่าล่ะ ถ้าเคย มันมีความรู้สึกดีกว่าร้อยเท่า”
“แล้วอาจารย์ เคยเสียตัวครั้งแรก ตอนอายุเท่าไหร่ครับ” เฮ....เฮ....
“ประมาณ 17 เพื่อนๆเขาพาไปเที่ยว” แล้วรู้สึกว่าเป้าของอาจารย์จะนูนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย (อ้าวเป็นไรว่ะ ไอ้แกะ หมู่นี้เริ่มมองผู้ชายที่อายุมากกว่าตัวเองซะแล้ว แถมดูดีแมนๆนี่ชอบนักนะมึง อาการเริ่มออกครับเพื่อนๆ...แต่ไม่ได้คิดที่จะเป็นรับน่ะคร๊าบ....อยากฟันผู้ชายแมนๆ ก้นตุงๆ อะอ้าว....)
“ อ้อ ที่ครูจะพูดในที่นี้ก็คือ ถ้าเรายังไม่เคย ก็อย่าเพิ่งคิดมันตอนนี้ ให้ตั้งใจเล่าเรียน หรือเล่นกีฬา แต่ถ้าทนไม่ได้ก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ”
“อ้าว ไหนใครเคยช่วยเหลือตัวเอง...วันล่ะกี่ครั้ง”
“หนึ่ง...สอง...สาม...ครับ” แล้วแต่ความถนัดหรือความแข็งแรงแต่ละบุคคล ล่ะครับงานนี้
“แต่ก่อนหมอเคยบอกว่าการช่วยเหลือตนเองเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ตอนนี้ทางการแพทย์ค้นพบว่า ถ้ามีแรงแค่ไหนก็ทำไปเถอะ ไม่ทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อนเป็นพอ” เอ๊ะนี่อาจารย์ตั้งใจบอกอะไรพวกเราว่ะเนี่ยะ
ในระหว่างนั้น ไอ้พวกนักเรียนซ่าส์ จำได้ว่าเป็นห้องคิง กำลังดีดไข่กันอยู่ จนไอ้หมอนั่นเป้าตุงไปเลย อาจารย์ก็เหมือนจะรู้แต่ก็ทำเป็นเฉยๆ บางคู่ก็แกล้งไซ้ซอกคอกันไปมา ตัวผมเองโดนเบียดประกบหน้าหลังซ้ายขวา แทบขยับไม่ได้ ดังนั้นไอ้คนข้างหลังผมมันจึงแกล้งเบียดเข้ามา แล้วไซ้ตั้งแต่ซอกคอจนถึงกลางหลังอย่างรวดเร็ว เนียนน่ะมึงใครว่ะกูจะเตะสักป๊าป พอหันไปกลับกลายเป็นไอ้จุ๊ ทำหน้าตาเฉยเมยฟังอาจารย์อยู่อย่างสงบ ผมไม่คิดว่าเป็นมัน พอมองไปดูรอบๆ ไอ้คนที่ใกล้ผมที่สุดดันเป็นนักเรียนห้องอื่น มันก็ไม่น่าจะแกล้งผม ใครว่ะจับได้พ่อจะเสียบ...ให้เข็ดเลยมึง
จากนั้นอาจารย์ก็เริ่มคุยเรื่องการใช้ถุงยางอนามัย การรักษาความสะอาด ...ฯลฯ จนกระทั่งผ่านไปหนึงชั่วโมง
“เอาล่ะวันนี้ครูคงสอนแค่นี้ ชั่วโมงที่เหลือให้นักเรียนพักผ่อนตามสบาย ” เฮ..เฮ ทุกคนเตรียมตัวเก็บข้าวของออกจากตึก
“ยกเว้นนายแกะ...ต้องอยู่ซ่อมงานก่อน” อะไรว่ะ กูเตรียมตัวจะกลับบ้าน(บ้านพ่อแม่) อยู่แล้วเชียว เดี๋ยวก็ตกรถหรอก
“งานซ่อมอะไรครับอาจารย์ ผมส่งครบหมดแล้วนี่ครับ”
“งานตะไบชิ้นนี้ (ชิ้นเหล็กแท่งหนึ่ง ต้องใช้ตะไบลับไปมาให้ได้งานที่เรียบสวยงาม) ถึงแม้งานจะออกมาดี แต่เธอใช้ผิดวัตถุประสงค์ มีอย่างที่ไหนครูสอนให้เอาตะไบไปถูงาน นี่เธอดันเอางานมาถูตะไบ” (เนื่องจากเป็นวิธีลัดที่แยบยล แทนที่จะใช้ตัวเครื่องมือจับชิ้นงานเอาไว้ แล้วใช้ตะไบถูงาน ซึ่งมันช้าเสียเวลา ไอ้แกะหัวใส ก็เลยลองเอาเครื่องมือจับตะไบซะ แล้วใช้ชิ้นงานถูตะไบ ซึ่งมันเร็วกว่ากันตั้งครึ่ง เพราะตอนนั้นรีบไปอ่านหนังสือ แต่ชิ้นงานก็ออกมาสวยงามไม่แพ้กัน)
เพื่อนๆต่างหัวเราะกันใหญ่ พวกแก๊งผมก็ทำตามผมเหมือนกัน แต่พวกมันไม่ยักโดน ใครเป็นคนฟ้องอาจารย์ว่ะเนี่ยะ
“ครูรู้ว่าเธอมีเพื่อนเยอะ... ถ้าใครช่วยนายแกะในคราวนี้ ครูจะให้คนนั้นทำใหม่ทั้งหมด”ตายห่าซวยจริงๆล่ะกูไอ้แกะเอ๊ย ไม่มีใครสามารถช่วยกูได้เลย....
“ฮ่ะ ฮ่ะ โชคดีว่ะ ไอ้แกะ นี่กุญแจเข้าบ้าน เผื่อมึงทำงานไม่เสร็จแล้วพวกกูออกจากบ้านไปก่อน” ไอ้อ้วนโยนกุญแจให้ผม แล้วทุกคนก็ออกจากตึกไปกันหมด
“ครูจะกลับบ้านพักก่อน เธอเสร็จงานเมื่อไหร่ก็ปิดไฟ ปิดตึกให้เรียบร้อย แล้วเอากุญแจไปให้ครูที่บ้านพักก็แล้วกัน แต่ห้ามเกินหกโมงเย็น เพราะครูจะไปข้างนอก” ว่าแล้วอาจารย์ก็เดินจากไปอีกคน ทั้งตึกจึงเหลือผมอยู่คนเดียว “ซวยจริงๆ” ผมบ่นฉิบ
ผมเลยจำใจเอาชิ้นงานอันใหม่มาใส่เครื่องมือจับเหล็ก แล้วจัดการใช้ตะไบถูไปมา มันจะต้องใช้เวลาร่วมเกือบสองชั่วโมงแน่ๆ ตอนนี้กี่โมงแล้ว ตายห่ารถประจำทางอีกต่อหนึ่งมันจะหมดเที่ยวสุดท้าย ประมาณ 6 โมงครึ่ง แต่ต่อแรกที่อยู่หน้าโรงเรียนมีตลอดจนถึงสามทุ่ม แสดงว่าอย่างช้าผมต้องขึ้นรอบ 6 โมงเย็นให้ได้
ผมหันรีหันขวาง ตอนนี้สี่โมงเย็นพอดี นักเรียนชั้นอื่นๆกำลังกลับบ้านกันเป็นทิวแถว แต่กูกลับต้องมาแก้งาน ซวยฉิบหาย แล้วอาการแกะดำเจ้าเล่ห์ก็เริ่มอีกกลับมาอีกครั้ง อาจารย์ไม่อยู่ หุ หุ กูจะใช้วิชามารเหมือนเดิม จะได้เสร็จเร็วๆ ว่าแล้วไอ้แกะก็เปลี่ยนตะไบลงไปอยู่ในเครื่องมือจับเหล็ก แล้วเอาเหล็กมาถูตะไบเหมือนเดิม ได้ผลแฮะ มันเริ่มเห็นผล มีแววจะเสร็จทันห้าโมงแหงๆ
เวลาผ่านไปห้าโมงพอดีงานกำลังเสร็จ ฝนเจ้ากรรมดันตกมาซะนี่ เฮ้ยอะไรจะซวยขนาดนี้ กูไม่ติดอยู่ในตึกนี่ทั้งคืนเลยเรอะ บ่นเสร็จ ฝนก็หยุดตก อ้าวไอ้เวร นี่กูสั่งฝนได้ด้วยหรือว่ะเนี่ยะ.....เอาล่ะงานเสร็จพอดี.. ผมกำลังปัดทำความสะอาดเศษเหล็ก ด้วยความซุ่มซ่าม ดันปัดเข้าตาตนเองทั้งสองข้าง โอ๊ย อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ ไอ้แกะเอ๊ย
ผมจำเป็นต้องหลับตาเดินคลำทางไปที่ซิ้งค์น้ำอีกมุมหนึ่งของตึก (เพราะเวลานักเรียนช่างทำงานแล้วมือจะเลอะเทอะ จึงจำเป็นต้องมีซิงค์ไว้ล้างมือ) ผมคลำทางไปจนเจอไม่กล้าขยับตาเพราะกลัวเศษเหล็กบาดลูกกะตา เดี๋ยวพาลตาบอด ผมเจอก๊อกน้ำแล้ว(แบบเป็นก้าน) เลยใช้มือปัดไปทางข้างหลัง เพื่อเปิดน้ำออกมา จ๊ากกกกกกกกก
ไม่รู้ใครหงายตัวก๊อกน้ำขึ้น น้ำนั่นก็เลยพุ่งใส่เสื้อนักเรียนผมเปียกไปด้านหน้าทั้งแถบ ดีที่ไม่โดนกางเกง (จะได้ถอดโชว์ซะนี่ อิ อิ) ผมรีบดันก้านก๊อกน้ำกลับคืนแทบไม่ทัน


“อ้าว แกะ เป็นอะไรน่ะ ”

No comments:

Post a Comment