Monday, August 10, 2009

บทที่ 45 " แผน...ล่อสวาท "

บทที่ 45 แผน...ล่อสวาท

ผมกับพี่ภูมิมาถึงโต๊ะสนุกเกอร์ เจ้าประจำจนได้ แต่วันนี้ผมไม่มีสมาธิ เอาซะเลยแทงผิด แทงถูก ลูกง่ายๆก็แทงไม่ลง
เอ วันนี้ แกะเป็นอะไรครับ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย พี่ภูมิอดถามไม่ได้
ไม่สบายใจ อะไรบางอย่างนิดหน่อยน่ะครับ
คราวนี้บอกพี่ได้รึยัง ว่ามันเรื่องอะไร ทีทำให้แกะไม่สบายใจ ผมจะบอกได้อย่างไรล่ะครับ ไหนจะเรื่องพี่ชายที่รัก ไหนจะเรื่อง ...เพลงบอกรัก... ที่พี่ภูมิเปิดให้ฟัง แต่เอ หรือว่าเราจะคิดมากไปเอง ก็ดูพี่ภูมิ ปกติดีนี่หว่า
ไม่ทราบเหมือนกันครับ มันบอกไม่ถูกอ่ะครับ พี่ภูมิแทงลูกสีดำลงไปในหลุมพอดี จบเกมส์ ผมแพ้หลุดลุ่ย
ถ้างั้น พี่ว่า เราไปนั่งรถเล่นกันดีมั๊ยครับ แกะจะได้สบายใจ
ตามสบายครับ ขอโทษนะครับที่ทำให้พี่แทงนุ๊กไม่สนุก
ไม่เป็นไรหรอก พี่เองก็อยากจะดูแล...แกะ...น้องชายพี่อยู่เหมือนกัน พี่ภูมิถือโอกาสโอบไหล่ผมเบาๆ แล้วดันร่างของผมให้ออกเดินไปที่รถ
พี่ภูมิพาผมขับรถไปเรื่อยๆ วิวสองข้างทางทำให้ผมเพลิดเพลิน รถวิ่งขึ้นเขาสลับลงเขา ไปๆมาๆ ผมไม่รู้ว่าแกกำลังออกนอกเส้นทางไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าแกใช้เวลาขับรถนานแค่ไหน จนในที่สุดรถก็มาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารตามสั่งธรรมดา แต่วิวที่อยู่ข้างหน้านี่สิไม่ธรรมดาแน่
พี่ภูมิเลือกโต๊ะที่ใกล้วิวมากที่สุด ผมมองออกไปที่ท้องน้ำจืดกว้างใหญ่ ใช่แล้วมันคือเขื่อนกักน้ำที่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว ลมเย็นๆตอนบ่ายแก่ๆสี่ห้าโมงเย็นแบบนี้ พัดพาเอาความชุ่มชื้นของละอองน้ำมาปะทะใบหน้าและร่างกาย ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นโปรดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
สดชื่นจัง อากาศดีนะครับ แถมวิวก็สวยด้วย ผมเอ่ยปากชม
อาหารก็อร่อยน่ะ มีปลาตะเพียนสดๆ เขาเอามาทำต้มยำ...จะเผาหรือย่างก็ได้ตามสะดวก แกะอยากทานอะไรครับ พี่ภูมิยื่นเมนูมาให้ผมตรงหน้า
แล้วแต่พี่ภูมิเถอะครับ ผมยังไงก็ได้ครับ แล้วพี่ภูมิก็เลือกอาหารมาให้สองสามอย่าง พร้อมสั่งน้ำผลไม้ให้ผมด้วย
อ้าว พี่ภูมิดื่มน้ำอะไรครับ ดูสีมันแปลกจัง ผมสังเกตที่แก้วของพี่ภูมิมีสีขาวขุ่นๆ พิกล
จุ๊ๆ อย่าบอกใครน่ะ นี่เขาเรียกว่า เหล้าสาโท (เป็นเหล้าชนิดหนึ่ง ที่ได้จากการหมักจากข้าวและยีสต์ ส่วนมากชาวบ้านเขาจะทำทานกันเอง แต่สมัยนั้นผิดกฎหมาย ห้ามจำหน่าย)
ผมเคยได้ยินอยู่ แต่ไม่เคยลองเลย ขอผมชิมได้มั๊ยครับ พี่ภูมิ
ไม่ดีมั๊ง แกะยังเด็กอยู่เลย เกิดเมาขึ้นมาจะำทำยังไง พี่ภูมิส่งเสียงห้าม แต่กลับยื่นแก้วมาให้ผมชิมซะนี่
อืม อร่อยจัง หวานดีด้วย พี่ภูมิสั่งให้ผมแก้วหนึ่งน่ะครับ ผมชักติดใจรสชาดหวานๆ แปลกๆของเหล้าสาโท เข้าแล้วสิ ยิ่งเวลาทานกับปลาตะเพียนย่างแล้ว อร่อยอย่าบอกใครเชียว
พี่ภูมิขัดผมไม่ได้ก็เลยแอบกระซิบกับเจ้าของร้าน เอามาให้ผมแก้วหนึ่ง และพี่ภูมิก็ถือโอกาสสั่งกลับบ้านด้วยอีกขวดหนึ่ง (เจ้าของร้านค่อนข้างสนิทกับพี่ภูมิ ก็เลยให้ฟรี ไม่คิดเงิน และเขาก็ไม่ได้จำหน่ายด้วย)
ผมรู้สึกทานอาหารไป จิบเหล้าสาโทไป โอ้โห ไม่น่าเชื่อว่ามันจะลืมความทุขไปได้มากมายขนาดนี้ มีแต่ความสุขเข้ามาแทนที่ จนกระทั่ง
แกะ เมาแล้วใช่มั๊ย ตายล่ะ พ่อกับแม่แกะ จะว่าอย่างไร ถ้าเกิดแกะ กลับบ้านสภาพแบบนี้ พี่ภูมิดูตกใจไม่น้อย เพราะเหล้าสาโทแก้วเดียว ทำเอาผมแทบนั่งไม่ติดพื้น มันดูมึนๆ งง ๆ อย่างบอกไม่ถูก แล้วผมก็ฟุบอยู่ที่โต๊ะอาหารนั่นแหละ ก็แหมเด็กอายุแค่สิบห้า ไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อนนี่ครับ (เคยแต่เบียร์ที่บ้านไอ้ม้วนเมื่อคราวก่อน ก็ทำเอาเมาไม่รู้เรื่องเหมือนกัน)
ผมรู้สึกเหมือนพี่ภูมิจะประคองผมขึ้นรถ แล้วพาไปที่ใดที่หนึ่ง มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนพี่ภูมินุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวออกมาจากห้องน้ำ
อ้าวแกะ รู้สึกตัวแล้วหรือครับ พี่ภูมิเพิ่งอาบน้ำเสร็จ หยดน้ำบางส่วนยังเกาะอยู่ที่ใบหน้า และหน้าอก ผมจ้องมองหุ่นของพี่ภูมิไม่วางตา...พี่ภูมินี่จัดว่าเป็นผู้ชายเปอร์เฟ็คคนหนึ่งทีเดียว หน้าตาหล่อเหลายังกะดารา พาลให้คิดถึงพระเอกที่เล่นเทควันโดเก่งๆคนหนึ่ง (คิดเอาเองน่ะครับแฟนคลับ ว่าหมายถึงใคร อิอิอิ) ความสูง 180 กล้ามเนื้อที่สมบูรณ์ ของวัยยี่สิบห้า แถมผิวพรรณขาวสะอาดสอ้านหมดจด กำลังยืนอยู่ต่อหน้าผมในขณะนี้
กี่โมงแล้วครับ แล้วผมอยู่ที่ไหนครับ ผมสลัดหัวเพื่อไล่ความมึนงง
คงประมาณสองทุ่มแล้วล่ะ ตอนนี้เราพักอยู่บ้านรับรองแขก ที่เขื่อนนี่แหละ ไม่ต้องห่วงทางบ้านน่ะ พี่โทรไปบอกทางบ้านแกะให้แล้ว ผมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี พี่ชายที่รักจะต้องเป็นห่วงผมมากแน่ๆ
แล้วเราจะกลับกันกี่โมงครับ
พี่ว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับดีกว่าน่ะ ทางมันแคบ แถมขึ้นเขาลงเขา อันตราย พี่ภูมิพูดไปก็เปลี่ยนใส่กางเกงขาสั้นมาสวมแทน
แล้วพี่บอกทางบ้านผมว่ายังไงครับ หมายถึงเ่อ่อ ที่ผมเมาน่ะครับ
พี่บอกว่ารถพี่เสีย รอซ่อมอยู่ พี่ไม่กล้าพาแกะกลับไปสภาพแบบนี้หรอก
พี่ภูมิพูดเสร็จก็ยื่นผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ พร้อมแปรงสีฟัน มาให้ผม
อ้าว ไปอาบน้ำอาบท่าซะ จะได้สร่างเมา
ผมเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกาย ใจก็คิดไปว่าทำไมเหล้าสาโทแก้วเดียว ถึงทำเราเมามายขนาดนี้ มันหอมหวานตอนแรก เพื่อล่อให้เราดื่ม....แล้วใครจะไปรู้ว่ามันซ่อนพิษเอาไว้ข้างใน...
พี่ภูมินอนอยู่บนเตียงแล้ว คลุมตัวด้วยผ้าห่มมันผืนใหญ่สำหรับสองคน ผมก็เลยเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นที่แกเตรียมไว้ให้ขึ้นมาสวม แล้วค่อยๆคลานขึ้นไป แหวกผ้าห่มออก แล้วนอนข้างๆแก จากนั้นดึงผ้าห่มเข้ามาคลุมร่างของเราทั้งสองเอาไว้
ข้างนอกเงียบสงบ มีแต่แสงจันทร์เท่านั้นที่สาดส่องเข้ามาภายในห้อง ทำให้เห็นเงาตะคุ่มๆของสิ่งของภายใน... รวมทั้งร่างของเราทั้งสองคนลางๆ... ผมฟังเสียงจิ้งหรีดบรรเลงเพลง เป็นจังหวะดนตรี ด้วยความเพลิดเพลิน จนกระทั่งม่อยหลับไป....
ผมรู้สึกตัวอีกที เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ที่แก่นกายของผม เหมือนใครกำลังจับท่อนลำของผมรูดขึ้นรูดลง....สักพักผมรู้สึกถึงความชื้น....เหมือนมีริมฝีปากของใครบางคนกำลังครอบท่อนลำของผม พร้อมกับตวัดลิ้นแลบเลียไปทั่วหัวหยัก...เอ พี่ชายที่รักไม่เคยลักหลับผมนี่นา เพราะยังไงๆ เวลาจะทำรักกันเราจะต้องบอกกันก่อนเสมอ...
แต่ตอนนี้เรากำลังนอนอยู่ที่ไหน...กับใคร....ตายห่า....ผมสะดุ้งสุดตัว รีบทะลึ่งลุกพรวดพราดขึ้น ก็ต้องตกใจสุดขีด ร่างของพี่ภูมิที่อยู่ข้างๆ เปลือยเปล่า ท่อนลำอันเขื่องกำลังเต้นหงึกๆ และตอนนี้แกกำลัง ครอบปากขึ้นๆลงๆ กับท่อนลำของผมอย่างขมักเขม้น พร้อมส่งเสียงคราง...ฮือ...ฮา... ด้วยความรัญจวนใจ อย่างที่สุด ผมถึงกับตะโกนขึ้นสุดเสียง
พี่ภูมิ!!!”

No comments:

Post a Comment